Braveheart (1995) วีรบุรุษหัวใจมหากาฬ

Braveheart (1995) | วีรบุรุษหัวใจมหากาฬ | A
Director: Mel Gibson
Genres: Biography | Drama | History | War

วิลเลียม วอลเลซ (Mel Gibson)อัศวินชาวสกอตแลนด์ ที่ยอมรับความจริงของเรื่องราวที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้เป็นอดีตภายใต้อิสระภาพ ด้วยการปลุกระดมชาวสกอตแลนด์ให้ปลดตนเองออกจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษซึ่งมีพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษเป็นผู้ปกครอง ถึงแม้จะต้องเผชิญชะตากรรมไม่คาดฝันที่สิ้นหวีง วิลเลียม วอลเลซ ผู้นี่จะสร้างปฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ด้วยความศรัทธาถึงความแข็งแกร่งเหล่าชาวสกอตแลนด์ กระนั้นการตั้งกองทัพขึ้นเพื่อต่อสู้กับกองทัพอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าเทียบกับจำนวน แต่สิ่งเดียวที่พาสู่ความสำเร็จได้คือความตั้งใจไม่ย่อท้อต่อเรื่องที่ได้ฝากความหวังจากคนนับร้อยพัน วิลเลียม วอลเลซจะบุกเบินความฝันที่ตนตั้งเป้าไว้ให้สำเร็จได้หรือไม่ กับสงครามที่ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อเพื่อเอกราช


เป็นเรื่องหนึ่งที่เต็มไปด้วยข้อคิดในความจริงของมนุษย์ที่ต้องพึ่งพาความอยู่รอดของตัวเอง ถึงแม้จะเต็มไปด้วยความเห็นแก่โดยไม่สนใจใยดีในความเห็นแก่ตัวให้กับคนอื่นกลับเป็นที่รู้และเข้าใจถึงสถานะความรับผิดชอบที่กดขี่ภายใต้อำนาจความยิ่งใหญ่ อารมณ์ของหนังแสดงถึงความเป็นศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ที่จะอยู่อย่างเท่าเทียมและสันติสุขภายใต้ระบอบเผด็จ ที่ต้องใช้สงครามเข้าแลกด้วยเลือดและความมุ้งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมโดยไม่คำนึงถึงชีวิตเพื่อเอกราชหนึ่งเดียวที่ค้นหาท่ามกลางสงคราม

ไม่มีอะไรที่ดูชัดเจนเท่าความเข็มแข็งของเหล่าชาวสกอตแลนด์ที่ได้ขวัญกำลังแบบสุดกล้าหาญจากวิลเลียมที่ส่งตรงถึงใจอย่างแท้จริง เป็นฉากที่ดูมีพลังและเต็มด้วยอุดมการณ์ของการรักษาชาติอย่างเหนี่ยวแน่น ถึงแม้ในเนื้อเรื่องจะอิงมาจากประวัติศาสตร์จนกลายเป็นเรื่องแต่งเพราะการใส่พลังที่ทำคนดูเร้าอารมณ์ก็ตาม แต่ยังได้รับความนิยมจากคนดูเพราะเนื้อเรื่องที่ตรงตามคติของมนุษย์ที่แบ่งชนชั้นระหว่างกษัตริย์ที่ตามใจกับคนธรรมดาที่ต้องการในเอกราช เป็นความซื่อสัตย์ ความรัก ความสามัคคี และการไว้ใจซึ่งกันและกันที่ผูกผันอยู่ในเรื่องราวต่างๆที่พบได้ทั้งความผิดหวังและสมหวัง เพราะการใช้เรื่องราวประวัติศาสตร์มาแทรกบวกเนื้อหาที่ดูฝังใจคนดูทำให้มีคำวิจารณ์ในทางลบ เช่นความรุนแรง ความยาวของภาพยนตร์ และเนื้อหาที่บิดเบือนไปจากความจริง แต่ถึงกระนั้นหลังออกฉายกลับพร้อมเสียงชื่นชมและคำวิจารณ์ในทางบวกที่ล้นลาม


บางครั้งการที่หนังดูยาวนานนั้นเพื่อคนดูจะได้เข้าใจถึงวิลเลียม ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นมีความหมายและเหตุผลที่ลึกซึ้งพอจะค้ำจุนให้ผูกผันประหนึ่งผู้ร่วมรบจนเรียกว่าว่าวีรกรรมอันกล้าหาญ มีการใช้ดนตรีประกอบที่ชวนน่าหลงใหลตามแบบฉบับชาวสกอตแลนด์ที่เร้าอารมณ์คนดูแบบติดตาจนประทับใจ แต่ตัวหนังมีการแต่งเติมที่ดูมากเกินไปจนมีที่ผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ไม่น้อย แต่นั้นไม่ใช่เครื่องหมายแสดงว่าหนังไม่ดี แต่เป็นการก้าวข้ามความจริงให้ย้ำถึงความเปลี่ยนแปลงให้ดูมีมุมมองที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่าถึงความนิยมคือตัวหนังลงทุนไป 72 ล้าน แต่ได้เงินมา 210 ล้าน นับว่าคุ้มค่าพอดู


Braveheart สามารถคว้ารางวัลออสการ์ 5 รางวัลมาครอง คือ
-สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
-สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
-สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม
-สาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยม
-สาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยม


สิ่งหนึ่งของเรื่องนี่คือการความรู้สึกที่ยิ่งดูยิ่งซาบซึ่งและประทับใจหลายคนอย่างมหาศาลเป็นอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การจดจำ ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถในเอกราชเพื่อทุกคนเพื่ออุดมการณ์ความคิดอันยิ่งใหญ่ในอิสระภาพ

Braveheart ในทางเนื้อเรื่องให้ข้อคิดดีมากเกี่ยวกับมิตรสหายร่วมตาย ถึงแม้ตัวหนังจะดูเจ็บปวดเพราะการหักหลังที่ทำคนดูต้องเกิดการเกลียดขึ้นทันควัน แต่นั้นแสดงถึงความพยายามถึงที่สุดในอำนาจ ไม่ใช่เพราะตั้งใจแต่เป็นการถูกบังคับให้ทำ คนเรายอมรับชะตากรรมเพราะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แต่เลือกเผชิญสู้กับสิ่งนั้นได้อย่างสุดกำลัง ถึงแม้จะสิ้นความหวังสุดท้ายอันริบรี่ และพร้อมตะโกนดังๆว่า "เอกราช"

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)