High Tension (2003) สับ สับ สับ

High Tension (2003) | สับ สับ สับ | B
Director: Alexandre Aja
Genres: Horror
http://www.imdb.com/title/tt0338095/

มารี (Cécile De France) และอเล็กซ์ (Maïwenn) เดินทางไปบ้านทุ่งข้าวโพดในที่ห่างไกลเพื่อเก็บตัวไปติวหนังสือ ณ ที่นั้นมีความสงบและน่าเชื่อถือถึงอัธยาศรัยที่ดี แต่กว่าจะถึงที่หมายก็ค่ำเสียแล้ว ค่ำคืนที่หอมหวานในความสงบที่ไร้วี่แววกลับมีเสียงรถเข้ามาในทุ่งไร่ข้าวโพดอย่างปริศนาก่อนจะลงจากรถไปกดกริ่งตามมารยาท ทว่าความสยองเริ่มขึ้นแล้วเมื่อเขาคนนั้นไม่ได้มาดีแต่มาฆ่าทุกคนไม่ให้เหลือ มีเพียงมารีเท่านั้นที่ยังรู้ตัวแต่จะทำอะไรได้เมื่อฆาตกรคนนี้เลือดเย็นเกินกว่าจะเข้าใจ และสุดท้ายในคืนนี้จะเป็นคืนที่เปลี่ยนจุดยืนของชีวิตทุกคนให้กลายเป็นเหยื่อ

High Tension หนังฝรั่งเศสที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Switchblade Romance ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังคัลท์ที่น่าสยองขวัญที่สุดในประเทศบ้านตัวเองที่ได้รับกล่าวขวัญเป็นอย่างดีถึงความโหดเหี้ยมที่ดำเนินฉากแบบต่อเนื่องภายในบ้านที่แสนโหดร้าย ผู้กำกับ Alexandre Aja ได้รับแรงบันดาลการสร้างหนังเรื่องนี้มาจาก The Texas Chain Saw Massacre ปี 1974 ที่โด่งดังในฐานะเลเทอร์เฟซหน้ากากหนังมนุษย์ที่มีอาวุธเป็นเลื้อยที่สร้างเอกลักษณ์และความน่ากลัวแบบไม่ต้องพึ่งฉากโหดแต่ทรมานใจผู้ชม แต่กับความคิดของผู้กำกับ Alexandre Aja นั้นจะแตกต่างตรงที่ความสยองกับฉากโหดจะมาในรูปแบบที่คัลท์กันได้เลือดท่วมและแหวะจนไม่น่าดู รวมถึงฉากสะเทือนใจที่ขนาดหนังฮอลลีวูดยังไม่สามารถก้าวข้ามไปได้


บ้านหลังสุดท้ายหรือสถานที่อยู่สำหรับแหล่งสุดท้ายคงจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ได้เจาะจงไปตามสูตรหนังสยองขวัญที่ต้องยึดหลักสักที่หนึ่งในการหลบซ่อนหรือหนีหรือตามฆ่า ซึ่งจุดเกิดเหตุมักมาจากที่นั้นไม่ต่างอะไรกับความสยองในค่ำคืนที่จู่ชายแปลกหน้ามากดกริ่งหน้าบ้านพร้อมกับกลิ่นอายของความตาย แล้วหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นคือความต่อเนื่องที่ให้สภาวะผู้ชมถึงความตึงเครียดที่ลุ้นระทึกถึงความน่ากลัวผ่านสายตาของมารีที่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในบ้านหลังนั้นเพราะเธอยังไม่หลับ ในขณะที่คนอื่นๆในบ้านต่างหลับกันแต่ก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงกริ่งจากคนปริศนา ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในคืนนั้นมาก่อนเพราะทุกอย่างหลังจากเปิดประตูหน้าบ้านคือสิ่งที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกเลยเมื่อมารู้ว่าอีกทีว่าป็นฆาตกรโรคจิตที่มีวิธีการฆ่าที่สุดโหดพร้อมกับอาวุธติดตัวที่เรียวคมคือใบมีดโกน

โดยส่วนตัวต้องยอมรับอีกแล้วว่าคือหนังสยองที่ติดอันดับความโหดร้ายจริงๆเพราะมีหลายอย่างที่น่าสะเทือนใจและสยองมากๆ ช่วงแรกอาจแปลกใจที่เห็นแผ่นหลังใครบางคนที่พึมพำกับตัวเอง"จะไม่ให้ใครขวางเราอีก"ซึ่งคาดเดาเอาไว้ก่อนว่าคือหลังมารีที่น่าจะสะเทือนใจจนช็อกไปนั้นเอง แล้วหนังก็ตัดมาที่รถที่มีอเล็กซ์เป็นคนขับที่อยู่ด้วยกับมารีที่มีบทสนทนากันอย่างสนุกสนานกับประสาผู้หญิงถึงผู้หญิงแม้อีกคนจะเป็นทอมก็เถอะ แต่ด้วยฉากรถวิ่งบนถนนอันเปล่าเปลี่ยวก็พอจะรับรู้ได้อีกอย่างถึงความสงบเรียบง่ายของสองสาวที่จะไปทุ่งข้าวโพดที่เป็นบ้านของมารีเพื่อไปติวหนังสือสอบกฎหมาย ดูมีความสนุกดีกับช่วงแรกที่เปิดเพลงกันอย่างมีความสนุกและเพลิดเพลินแต่หลังจากถึงบ้านของอเล็กซ์ก็ค่ำเสียแล้ว ทำให้เป็นคืนพักผ่อนที่มีสมาชิกครอบครัวเพิ่มเข้ามาอีกคนหนึ่งที่อยู่พร้อมหน้าอย่างผาสุขก่อนที่จะมีรถปริศนาแวะเข้ามาในไร่ข้าวโพดอย่างลึกลับ


ขอเข้าเรื่องเพลงก่อนที่ช่วงแรกมีการเปิดเพลงหนึ่งซึ่งคงเป็นที่น่าจดจำไปอีกเพลงที่สร้างความแปลกใจสำหรับบางคนว่าคือเพลงอะไรเพราะนั้นไม่ใช่ภาษาอังกฤษ จะบอกว่าไม่แปลกที่ไม่ใช่เพลงที่รู้จักกับบางคนแต่เป็นที่รู้จักกับชาวฝรั่งเศส มีชื่อเพลงว่า sarà perché ti amo ของศิลปิน Ricchi E Poveri

เข้าเรื่องหนังกันต่อหลังจากรถปริศนาเข้าไร่ข้าวโพด มันจะมีอะไรเป็นไปไม่ได้นอกจากฆาตกรชัวร์แน่นอนเพราะก่อนฉากที่รถจะเข้ามาได้มีอยู่ฉากหนึ่งที่ชายคนนั้นหยิบหัวคนออกมาจากหน้ารถซึ่งเท่ากับว่าภัยมาเยือนถึงที่แล้ว ค่ำคืนนั้นเป็นคืนมารีเบื่อมากจึงนอนไม่หลับและรู้อยู่เพียงคนเดียวว่ามีคนมาแต่ใครกันนั้นเป็นปริศนา ทีนี้หนังจึงจับตัวมารีเป็นละครหลักในเรื่องที่ต้องหนีและซ่อนโดยไม่สามารถช่วยคนอื่นๆได้เลย ซึ่งเธอไปไหนเราก็เห็นตามไปด้วย แต่สิ่งที่ผู้ชมอย่างเราๆเห็นคือความสยองที่โหดอย่างมากที่ทั้งหัวแบะ คอเกือบขาดเลือดพุ่ง สุนัขถูกฆ่า หรือจะฉากที่น่าตกใจอย่างมากกับฆาตกรที่ควงปืนลูกซองไปยิงเด็กอายุห้าขวบในไร่ข้าวโพดอย่างโหดเหี้ยมไร้ซึ่งความเมตตาใดๆ จากที่บอกทุกอย่างเกิดจากชายคนเดียวจากในบ้านเป็นนอกบ้านแบบรวดเดียวจบ ไม่มีการหยุดฆ่าต้องจัดการให้หมด ในขณะที่มารีผู้รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็พยายามทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์แต่ถูกสายตัดสัญญาณไปหรือจะพยายามช่วยมารีที่ไม่ได้ถูกฆ่าแต่โดนมัดตัวไว้และล็อคปากเอาไว้ ประมาณว่าหนังมาครบเครื่องทั้งความสยองที่คัลท์กันถ้วนหน้า ความโหดที่ลงไม้ลงมือแม้กระทั้งเด็ก ความตึงเครียดที่หลบๆซ่อนๆอย่างลุ้นระทึก


สำหรับความตึงเครียดคือมารีที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้น่าจะช่วยได้แล้วแท้ๆแต่เหมือนว่าบางอย่างถูกคำนวณล้วงหน้าเอาไว้แล้ว ต้องยอมรับเลยว่าเจ้าฆาตกรโรคจิตนี้มีดีกว่าที่คิดที่ฉลาดอย่างมาก ดักเอาไว้เกือบหมด แต่ก็ยังไม่รู้ว่าสมาชิกคนในบ้านยังเหลืออยู่อีกคนนั้นคือมารีที่ตามติดมาตลอด

จัดว่ามารีมีไหวพริบที่รวดเร็วที่จัดการห้องของตัวเองเหมือนไม่มีใครอยู่เลยที่ซับน้ำในอ่างล้างหน้าแม้กระทั้งก๊อกน้ำให้เหมือนไม่มีการใช้งาน ซึ่งเจ้าฆาตกรอย่างว่าก็ตรวจสอบเอานิ้วถูก๊อกอีกว่ามีน้ำหลงเหลือไหม เป็นการลงรายละเอียดที่มากไปหน่อยหรือเปล่าเพราะบางอย่างก็น่าลุ้นบางอย่างก็ออกจะจงใจไป มีอยู่ฉากที่มารีหลบใต้เตียงถ้าในทำนองตามสูตรผลก็คือหลบยังไงก็ไม่พ้นอยู่ดี แต่นี่มาแบบก่ำกึ่งเดี๋ยวลุ้นเดี๋ยวใจหายเปิดเตียงเอาระทึกแทบตาย ลองนึกสภาพวิ่งซ่อนแอบในบ้านที่มีฆาตกรแล้วจะรู้ว่ามันเครียดแค่ไหน ยิ่งฉากฆ่าแม่ขอรับประกันว่ารายนี้โหดสยองไม่แพ้กัน ตอนแรกมารีแอบในตู้เสื้อผ้าอยู่ดีๆก็มีแม่ของอเล็กซ์วิ่งเข้ามาจะโทรศัพท์แต่เจอฆาตกรเข้าก่อนงานนี้เลยโดนเชือดคอกันเลย ตอนที่แอบในตู้ก็ลุ้นเหมือนกันว่าจะโดนเจอไหม แต่ทีแน่คือความทรมานที่สุดจะอึดอัดที่เลือดสาดกระเด็นใส่ตู้เสื้อผ้าในขณะที่เอล็กซ์ยังยืนอยู่ด้วยจำทน


หลังจากเหตุการณ์ในบ้านจะเป็นการติดตามผู้ร้าย ไม่สิฆาตกรโรคจิตมากกว่าที่จับตัวอเล็กซ์ไปใส่หลังรถ ซึ่งผู้ที่เหลือรอดคนเดียวคือมารีที่แอบติดหลังรถไปด้วย จนไปเจอปั้มน้ำมันเป็นอีกที่หนึ่งที่น่าลุ้นเช่นกันเพราะจะทำให้เห็นตัวฆาตกรมากขึ้นแต่ยังไงก็ดูไม่ออกอยู่ดีว่าเป็นใคร ระหว่างที่มารีแอบติดตามไปนั้นเจ้าฆาตกรยังอุตส่าห์รู้ตัวอีกด้วยว่าโดนตาม แล้วยังใช้วิธีล่อเหยื่อที่ฉลาดมาก สรุปงานนี้มารีกับฆาตกรโรคจิตนั้นแสดงเยอะกว่าใครเพื่อนเพราะที่เหลือแสดงเล็กๆน้อยแล้วก็ตาย ส่วนมารีมาแรกก็พอประมาณแต่หลังจากโดนมัดตัวก็โผล่มาแวบๆเอาพอจิ้มจุ่ม แม้ว่าเรื่องแบ่งบทจะไม่เป็นที่น่าจดจำเท่าไหร่แต่ถือว่าทุกคนเล่นได้ดี โดยเฉพาะมารีที่แสดงโดย Cécile De France ทำให้เชื่อได้สนิทใจถึงความแกร่งและอ่อนไหวกับเหตุการณ์อันสะเทือนขวัญ และอีกคนที่แม้บทจะหายไปในช่วงกลางเรื่องนั้นคือ Maïwenn ที่รับบทเป็นอเล็กซ์ที่กรี๊ดเต็มที่ในตอนท้ายเรื่อง


คลาสสิคมากถ้าจะกล่าวถึง The Texas Chain Saw Massacre ของ Tobe Hooper ที่สร้างผลงานความสยองที่ไม่มีฉากชวนแหวะแต่อาศัยมโนภาพสร้างเรื่องจากความคิดให้วิตกกันได้ สำหรับผู้กำกับ Alexandre Aja ก็บอกอยู่แล้วว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องอะไร ฉะนั้นไม่แปลกใจที่ตอนจบของเรื่องจะคล้ายคลึงกันมากแต่ไม่ได้ลอกมาทั้งหมด มีการปรับปรุงใหม่ให้น่ากลัวมากขึ้นรุนแรงมากขึ้นและท้ายที่สุดคือการหักมุมของเนื้อเรื่องทั้งหมดที่ทำให้เราเชื่อว่านั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งทุกอย่างที่เราเห็นมาตลอดนั้นคืออีกเรื่องหนึ่งไปเลย และการหักมุมนี้เองที่ทำให้รับรู้ได้ถึงแรงจูงใจการฆ่าเหยื่อที่แม้จะฟังดูง่ายแต่เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น High Tension เป็นหนังที่ทำได้น่ากลัวกับความสมจริงเรื่องความสยดสยองและความตึงเครียดที่กดดัน น่าเสียดายที่มีบางจุดยังเป็นข้อเสียของหนังเรื่องนี้ที่มีเหตุผลและความสมจริงบางอย่างที่น่าสงสัยจนเหมือนไร้เหตุผลรองรับเข้ามาอธิบาย แต่ยังไงความสยองก็ยังรุนแรงถึงขั้นวิปริตกันเลย

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)