The Texas Chain Saw Massacre (1974) | สิงหาสับ | A
Director: Tobe Hooper
Genres: Horror
http://www.imdb.com/title/tt0072271/
Director: Tobe Hooper
Genres: Horror
http://www.imdb.com/title/tt0072271/
ประสาทไปข้างหนึ่งกับเรื่องวิปริตสุดจิตตกที่ไล่ล่ากันได้อย่างไม่ทิ้งห่างความน่ากลัวกับครอบครัวสุดระทึกขวัญกับเจ้าหน้ากากหนังคนกับเลื่อยตัดเฉพาะตัวพร้อมไล่กวดแบบไม่เหน็ดเหนื่อย เมื่อหนุ่มสาว 5 คนอันประกอบด้วยแซลลี่ (Marilyn Burns) กับแฟรงคลิน(Paul A. Partain) พี่ชายขาพิการของเธอ และเพื่อนอีกสามคน เดินทางหวังไปพักผ่อนกันอย่างมีความสุขสไตล์วัยหนุ่มสาวแต่ก็พลัดพลูหลงเข้ามาเจอบ้านหลังหนึ่งแบบไม่คิดฝันว่าจะเกินธรรมดาเมื่อทั้งบ้านเป็นความจริงของความวิปริต
หนังขวัญประสาทจนแจ้งเกิดให้ผู้กำกับ Tobe Hooper ด้วยการถ่ายทำสุดต่ำที่ดิบแบบทะลุจิตใจกับงานที่ดูออกว่าลงทุนต่ำ กับมุมกล้องบังคับแคบสั่นไปมาเหมือนจิตใจที่สั่นคลอนผู้ชมให้ตกตามกัน ด้านเทคนิคสุดจะคุณภาพต่ำเพราะความตั้งใจให้เรื่องดำเนินได้บ้าอย่างสุดขีดโดยกล้องที่นิ่งไม่ได้และแสงไฟที่ไม่ได้จัดให้พร้อมจนภาพดูกระด้างจนภาพที่ได้ไม่เรียบเนียนแต่สื่อถึงความระทึกขวัญแบบปลดปล่อยอารมณ์จนสติแตก
The Texas Chainsaw Massacre มีเนื้อหาไม่ซับซ้อนและเล่นตรงๆกับผู้ชมด้วยการทำรถน้ำมันและต้องการน้ำมันมาเติมจนไปพบบ้านหลังหนึ่งซึ่งเรื่องก็พาทุกอย่างตั้งแต่เวลานี่เป็นต้นไป
The Texas Chainsaw Massacre มีเนื้อหาไม่ซับซ้อนและเล่นตรงๆกับผู้ชมด้วยการทำรถน้ำมันและต้องการน้ำมันมาเติมจนไปพบบ้านหลังหนึ่งซึ่งเรื่องก็พาทุกอย่างตั้งแต่เวลานี่เป็นต้นไป
หนังสร้างจากเรื่องจริงของคนในครอบครัวสุดฟั่นเฟื่อง แต่ไม่ได้เอาจริงซะทุกรูปแบบ หนังเปลี่ยนฉากหลังจากรัฐวิสคอนซิน ในปี 1957 มาเป็นเท็กซัส และระบุวันที่แน่ชัด 18 สิงหาคม ปี 1973 ประดุจต้องการกล่าวถึงช่วงเวลาของอากาศร้อนจนเป็นเหตุผลง่ายๆที่ว่าทำไมพวกสาวๆถึงใส่เสื้อผ้ากันน้อยหนักและเพิ่มดูให้สดเข้าไปอีกกับเวลาที่ร้อนๆจนเหงื่อตก
มีการใช้ข่าวสุดครึกโครมในเท็กซัสมาเพิ่มความจริงที่ใครบางคนหรือหลายคนขุดหลุมฝังศพในสุสานขึ้นมาโดยไม่ปรากฏเหตุผลชัดเจน และบอกเล่าระบุว่าหลายๆศพถูกคว้านอวัยวะภายในออกมา เป็นการเพิ่มเรื่องที่ดูอันตรายและให้สอดคล้องกับที่ว่าอวัยวะภายในถูกไปทำอย่างอื่นซึ่งต่างก็รู้ดีว่าจะไปทำอะไร และเรื่องเป็นจุดเชื่อมใช้ข่าวแบบคุ้มค่าในการสร้างเหตุผลนำพาให้ชายหนุ่มหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง เดินทางมุ่งหน้าไปที่สุสานเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าความสงบสุขของหลุมฝังศพปู่ไม่ถูกคนโรคจิตมารบกวน และเวลานั้นได้ตัดไปจนเป็นเรื่องอีกแบบคือพวกเขาและเธอต้องการไปดูคอนเสิร์ตหลังจากไปเยี่ยมหลุมศพแล้วและใช้เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยจนนำพาภัยมาถึงตัว
มีการใช้ข่าวสุดครึกโครมในเท็กซัสมาเพิ่มความจริงที่ใครบางคนหรือหลายคนขุดหลุมฝังศพในสุสานขึ้นมาโดยไม่ปรากฏเหตุผลชัดเจน และบอกเล่าระบุว่าหลายๆศพถูกคว้านอวัยวะภายในออกมา เป็นการเพิ่มเรื่องที่ดูอันตรายและให้สอดคล้องกับที่ว่าอวัยวะภายในถูกไปทำอย่างอื่นซึ่งต่างก็รู้ดีว่าจะไปทำอะไร และเรื่องเป็นจุดเชื่อมใช้ข่าวแบบคุ้มค่าในการสร้างเหตุผลนำพาให้ชายหนุ่มหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง เดินทางมุ่งหน้าไปที่สุสานเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าความสงบสุขของหลุมฝังศพปู่ไม่ถูกคนโรคจิตมารบกวน และเวลานั้นได้ตัดไปจนเป็นเรื่องอีกแบบคือพวกเขาและเธอต้องการไปดูคอนเสิร์ตหลังจากไปเยี่ยมหลุมศพแล้วและใช้เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยจนนำพาภัยมาถึงตัว
ที่สังเกตอย่างหนึ่งและนั้นเป็นเงื่อนงำที่นำพาถึงการอธิบายความเข้าใจของเรื่องที่ฆ่าอย่างบ้าคลั่งคือการเล่าของแฟรงคลินที่ว่า"ปู่เคยต้อนฝูงวัวไปฆ่าที่โรงฆ่าสัตว์ละแวกนั้น แต่รูปแบบการฆ่าในอดีตแตกต่างกับปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง จากการใช้ฆ้อนขนาดใหญ่ทุบหัวสองสามครั้งหรือมากกว่านั้นอย่างทารุณ กลายมาเป็นการใช้ปืนลมที่ทุ่นทั้งแรง และไม่ต้องปล่อยเหยื่อต้องทุรนทุราย" อาจเป็นส่วนที่ออกเกินกับบทพูดแต่เป็นปมที่บอกว่าไม่ฆ่าสัตว์แต่เป็นคนแทนที่ยังสนุกกว่า และเงื่อนงำกลายเป็นเงื่อนไขจุดเชื่อมโยงระบุตัวตนได้เมื่อระหว่างมีการรับชายแปลกหน้า (Edwin Neal) ขึ้นมาบนรถ ด้วยอาการที่ผิดปกติและบ่นให้ฟังว่า"ครอบครัวของเขาเคยทำงานที่โรงฆ่าสัตว์ แต่ปัจจุบันต้องตกงาน เพราะเดี๋ยวนี้เขาใช้เครื่องจักรมาแทนแรงงานคน พร้อมกันนั้นก็ยืนยันเสียงแข็งว่า ปืนลมไม่มีทางสู้วิธีฆ่าแบบเก่า ทุบหัวด้วยฆ้อนมันตายสนิทกว่า" เป็นไปตามนั้นซึ่งก็จริงอย่างที่ว่าด้วยการฆ่าแบบเก่าแสดงให้ชัดว่าตายจริงและเห็นกันชัดๆ
Tobe Hooper เพิกเฉยกับการแนะนำตัวละครที่แทบไม่เห็นกันชัดเจนหรือระบุเป็นตัวเป็นตน เว้นแต่คนนั่งรถเข็นอย่างแฟรงคลินที่มีพฤติกรรมสุดรำคาญและยุ่งยากเป็นปัญหาในกลุ่ม ทั้งหมดนั้นเป็นความเก็บกดที่แฟรงคลินอยากระบายและผู้ชมต้องคิดตรงข้ามกับตัวรำคาญนี่ว่ายังเป็นคนดีแค่ไหน ตัวหนังเลือกจะลบความผูกพันระหว่างตัวละครกับคนดู จนส่งผลความไม่อยากแคร์ว่าจะให้ตายดีหรือไม่ตายดีเพียวส่งผลง่ายในความคิดที่ประจักษ์ข้อเท็จจริงที่ว่ายังอายุน้อยไม่น่าตายกันเลย และมันก็ไม่ทำให้การดำเนินได้ลุ้นอะไรเลยเพราะจะโดนก็โดนกันอย่างชัดๆถึงจะลุ้นกับการไล่กวดวิ่งป่าราบหนีเจ้าเลเธอร์เฟซแต่เป็นที่ชัดเจนว่ายังไงก็ไม่รอด แซลลี่ตัวละครเดียวที่พบความบอบซ้ำแบบสุดขั้วของครอบครัวเลเธอร์เฟซที่ถูกจับทรมานแบบกรีดร้องแหกปากไม่หยุดและสีหน้าบ่งบอกว่าฆ่าฉันให้ตายจะได้จบเรื่องราว แต่นั้นดูเป็นที่น่าตลกขบขันกับครอบครัวที่สุดวิตถารที่ต่างพาหัวเราะจนผู้ชมต่างต้องคิดในใจว่าเมื่อไรเรื่องนี่จะจบซักที ถึงเป็นการยืดเยื้อที่ทรมานและนานในการทำร้ายจิตใจที่ผ่านสื่อมาถึงจิตใจผู้ชม
การเดินเรื่องไม่ได้ทำกันเลือดสาดแหวกทะลุเละ แต่ทำผู้ชมที่ดูต้องพบปัญหาทางจิตเข้าขั้นรุนแรงกับการใช้ลูกเล่นที่ตั้งใจทำแบบไม่เห็นชัดแต่ทำคนดูต่างคิดกันแล้ว และที่เอาคนดูคิดไปก่อนคือฉากจับคนไปแขวนบนเหล็กแหลมที่ถ่ายเห็นมุมแหลมๆของเหล็กขณะกำลังดิ้นอยู่และให้แทงเหยื่อในเวลาต่อมาเป็นข้อประเด็นที่ว่าถ้ารอดคงไม่ใช่กับที่นี่เพราะถึงอย่างไงก็ตายกันลูกเดียว แต่ตัวหนังเลือกที่จะเอาแบบแห้งๆไม่เอาเลือดกระเด็นไปมาจนชวนอ้วกแต่เลือกเอาแบบสดๆให้ผู้ชมกลับไปคิดเองว่าจะเป็นแบบไหนและนั้นเคยทำคนดูอ้วกมาแล้วในการฉายในโรงหนังเพราะความเถื่อนและแน่นอนว่าผู้ชมต่างต้องถูกกระทบกระเทือนกับสภาพจิตใจที่ยาวนาน
ในความจริงหนังไม่รับการเสนอว่าแสดงรสนิยมอันฟั่นเฟือนวิปลาสหรือกล้านำเสนอความรุนแรงแบบไม่ต้องขัดเกลา ถ้าตรวจสอบและสังเกตแต่ละฉากจะไม่ได้พบเห็นภาพที่รุนแรงที่จริงจัง แต่เทคนิคด้านภาพและเสียงเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผู้ชมปะติดปะต่อภาพไม่ชวนมองเหล่านั้นให้จินตนาการ เป็นการตื่นผวาที่หวาดกลัวและยาวนาน
การเดินเรื่องไม่ได้ทำกันเลือดสาดแหวกทะลุเละ แต่ทำผู้ชมที่ดูต้องพบปัญหาทางจิตเข้าขั้นรุนแรงกับการใช้ลูกเล่นที่ตั้งใจทำแบบไม่เห็นชัดแต่ทำคนดูต่างคิดกันแล้ว และที่เอาคนดูคิดไปก่อนคือฉากจับคนไปแขวนบนเหล็กแหลมที่ถ่ายเห็นมุมแหลมๆของเหล็กขณะกำลังดิ้นอยู่และให้แทงเหยื่อในเวลาต่อมาเป็นข้อประเด็นที่ว่าถ้ารอดคงไม่ใช่กับที่นี่เพราะถึงอย่างไงก็ตายกันลูกเดียว แต่ตัวหนังเลือกที่จะเอาแบบแห้งๆไม่เอาเลือดกระเด็นไปมาจนชวนอ้วกแต่เลือกเอาแบบสดๆให้ผู้ชมกลับไปคิดเองว่าจะเป็นแบบไหนและนั้นเคยทำคนดูอ้วกมาแล้วในการฉายในโรงหนังเพราะความเถื่อนและแน่นอนว่าผู้ชมต่างต้องถูกกระทบกระเทือนกับสภาพจิตใจที่ยาวนาน
ในความจริงหนังไม่รับการเสนอว่าแสดงรสนิยมอันฟั่นเฟือนวิปลาสหรือกล้านำเสนอความรุนแรงแบบไม่ต้องขัดเกลา ถ้าตรวจสอบและสังเกตแต่ละฉากจะไม่ได้พบเห็นภาพที่รุนแรงที่จริงจัง แต่เทคนิคด้านภาพและเสียงเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผู้ชมปะติดปะต่อภาพไม่ชวนมองเหล่านั้นให้จินตนาการ เป็นการตื่นผวาที่หวาดกลัวและยาวนาน