Troy (2004) | ทรอย | B+
Director: Wolfgang Petersen
Genres: Drama | History
ในช่วงเวลาหนึ่งของยุคกรีกโบราณ เจ้าชายแห่งทรอยนามว่าปารีส (Orlando Bloom) มีความต้องการในราชินีเฮเลน (Diane Kruger) ทำให้เกิดความรักระหว่างอาณาจักรที่ไม่ควรเกิดจากการแย่งชิง ทำให้ลักพาเฮเลน กลายเป็นเรื่องจุดชนวนสงครามที่ห้ามไม่ได้ จนแม้แต่พี่ชายอย่างเจ้าชายเฮคเตอร์ (Eric Bana) ยังต้องสู้รบเพื่อปกป้องน้องชายและเมืองทรอยกับการบุกรุกทำสงคราม เพราะการขโมยนางเฮเลนทำให้เกียรติศักดิ์ศรีของวงสืบตระกูลโดนเหยียดหยามเป็นการสบประมาทเมนาลาอัส(Brendan Gleeson) ซึ่งเท่ากับดูถูก อกาเมมนอน (Adoni Maropis) ผู้เป็นพี่ชายและเป็นกษัตริย์แห่งชาวไมซีเน จึงเกิดสงครามที่ต้องการเฮเลนกลับคืนมาจากทรอยเพื่อกู้หน้ากับผู้น้อง แต่อกาเมมนอนมีความมักใหญ่หวังล่มสลายทรอยและยึดครอง เพื่อชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และในความโลภนี่ได้นำพาอคีลิส (Brad Pitt)นักรบที่เก่งที่สุดที่เกิดจากเทพ ต้องร่วมรบเพราะเขาเป็นเสมือนดังกุญแจที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรม ซึ่งทั้งนี้จะมีชัยหรือแพ้ ล้วนเป็นชะตากรรมที่กำหนดเอาไว้ และท้ายสุดความรักจะเป็นเครื่องตัดสินในท้ายสุด
ผู้หญิงหนึ่งคนที่นำพาสู่หนึ่งสงครามที่ต่างพากันห่ำหั่นทำฆ่าฟันด้วยเหตุผลง่ายๆเพียงน้อยนิด เพื่อศักดิ์ศรีหรือเพื่อรักที่ตัวเองศรัทธาและเชื่อมั่น จากการที่สงบศึกมานานและอยู่อย่างสันติต้องพังเอาลงง่ายๆเพราะความรักที่เกิดจากการลักพาตัวอย่างยินยอมของปารีสที่หลงรักเฮเลนชนิดมองไม่เห็นทาง จนลืมไปว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรต้องล่มสลายเพราะตัวเองคนเดียว ปารีสลักพาเฮเลน จริงๆแล้วเฮเลนต่างหากที่ตามปารีสมา ซึ่งปารีสก็ยินยอมพร้อมใจนำพาลงเรือไปด้วยก่อนจะบอกเฮกเตอร์ เหตุผลไม่ง่ายเลยว่าสมควรพาร่วมทางเพราะแน่นอนว่าการไปแย่งชิงของๆคนอื่นเป็นมหันภัยที่เกิดสงคราม ทางฝ่ายเมเนลาอัสเมื่อกลับจากครีต ได้ทราบข่าวก็เสียใจ โกรธแค้นปารีสยิ่งนัก ได้แต่งขบวนเรือรบพร้อมอาวุธเต็มอัตราเพื่อไปยังน่านน้ำแคว้นโทรด หมายจะรบพุ่งชิงตัวเฮเลนกลับคืน พร้อมกับประกาศร้องขอความช่วยเหลือไปตามแว่นแคว้นนครใหญ่น้อย รวมทั้งพันธมิตรทั่วกรีก โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่กระทำสัตย์สาบาน
ความรักทำให้คนตาบอดคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้วกับโศกนาฏกรรมของเจ้าชายปารีสที่ไม่ยอมละทิ้งเฮเลนไว้เบื้องหลัง แต่เลือกฝ่าฝันไปด้วยกันทั้งยังฝืนตัวเองว่าสุดท้ายแล้วมันคุ้มค่าหรือเปล่ากับที่ต้องมาเสี่ยงกับคนทั้งเมืองที่ไม่รู้แน่ชัดของทำสงคราม ว่าเพราะอะไรทำไมถึงรบ จะมีก็แต่เรื่องเล็กน้อยที่ใหญ่โตที่โดนหยามศักดิ์ศรีจนเป็นมหากาพย์สงครามที่หลายคนจดจำ
เฮเลนคนงามได้เลือกเมเนลาอัส เจ้าชายหนุ่มแห่งนครไมซินี แม้เมเนลาอัสจะดูสง่าแข็งแกร่งสักเพียงใด ก็ยากจะรู้ใจเฮเลนคนงาม ว่าเหตุผลที่ต้องเลือกเมเนลาอัสนั้น เพราะความรัก หรือจำใจเลือกตามจารีตประเพณี หรือเพราะเหตุผลทางการเมือง ทั้งนี้เราจะเห็นว่าเฮเลนออกจะดูเฉยชา แต่กระนั้นก็เดาไม่ออกจริงๆว่าในใจมุ่งหวังพอใจเพียงใด และเราจะเห็นว่าเฮเลนพอใจเมื่อเจอปารีส แต่ทุกอย่างมีความนัยอยู่ก่อนแล้วเมื่อความไม่รู้เป็นชนวนของการสืบเสน่ห์หาที่นำพาเป็นเรื่องต้องห้ามที่เกิดระหว่างอาณาจักร เมื่อการไปดินแดนกรีซนั้นแต่ความมุ่งหมายของปารีส คือได้ยลโฉมเฮเลนแห่งนครสปาร์ตาเพราะได้ยินกิตติศัพท์ความงามที่สุดของสตรีผู้นี้ ฟังดูแล้วไร้เหตุผลกับความรักมากเพราะนอกจากจะนำพาสู่ความเดือดร้อนแล้ว ยังมีแต่ความเห็นแก่ได้มากเกินไปจนไม่สนคนรอบข้าง แต่เชื่อได้เลยว่าความรักนั้นบริสุทธิ์จริงแต่ต้องได้มาด้วยเลือดอีกมากมายที่ตั้งคำถามว่า"ทำไม"
เจ้าชายเฮคเตอร์นักรบ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกป้องเมืองทรอย เหมือนว่าจะยอมเสียสละตัวเองมากเกินเพื่อน้องชายปารีสให้ได้ครองรักกับเฮเลน เพราะเขาคิดว่าในเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วการจะกลับเพื่อขอขมาคงเป็นไปไม่ได้เลยนอกจากรับผิดชะตาที่น้องได้ก่อเอาไว้ อาจเรียกได้ว่า ความยิ่งใหญ่ของเฮคเตอร์และอคีลิส ต่างก็กินกันไม่ลง พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ซึ่งในเวลาต่อมา แม้แต่เหล่าทหารก็ยังเรียกยุคนี้ว่า ยุคของเฮคเตอร์และอคีลิส คือทั้งสองได้รับเกียรติในระดับเดียวกันนั่นเอง
เจ้าชายปารีสเป็นคนอ่อนแอ ขี้ขลาด เขาไม่เคยรบไม่เคยฆ่าคน ครั้งที่จะต้องต่อสู้กับราชาเบเนเล้าส์โดยมีเดิมพันว่า ใครชนะ จะได้เฮเลนไปครอบครองนั้น พอเพลี่ยงพล้ำ ทำท่าจะแพ้ เจ้าชายปารีสก็คลานหนีลนลานแบบหมดศักดิ์ศรีไปเกาะขาพี่ชายให้ช่วยปกป้อง เรียกว่าหมดดีกรีความเป็นชายไปเลย แต่ไม่รู้ว่าทำแบบนี้เพื่ออะไรในเมื่อตนเองก็แพ้ทั้งกายและศักดิ์ศรีไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังดีที่ว่าไม่ได้ตายต่อหน้าเหล่าทหารและกษัตรีย์ไม่งั้นขวัญกำลังใจลดลงกว่านี่แน่นอน แต่ในภายหลังเราจะเห็นความเข็มแข็งได้ทำให้ปารีสดูแกร่งขึ้นมาก ถึงไม่ช้ำชองเรื่องอาวุธดาบ แต่กับธนูเขาเป็นเลิศ
ราชาพรีแอม (Peter O'Toole) ยิ่งใหญ่จนคิดว่าตนเองรอดพ้นจากสงครามเพราะแผนทีเด็ดที่ใช้เรื่องเทพเจ้ามาสิงสู่ในความเชื่อ ถ้าไม่ใช่คำพูดของเหล่าขณะลูกขุนที่ยึดหมั่นต่อเทพเจ้าแล้วล่ะก็ คำเตือนของปารีสคือเครื่องเตือนใจที่ดีที่สุด ที่ต้องการให้เผาม้าไม้ เมืองทรอยมีความเชื่อต่อเทพเจ้าจนลืมเรื่องเหตุผล เดิมกรีซมีความเกลียดจงชังกับเหล่าเทพเจ้าอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่จะดูเหยีดหยามทำลายรูปปั้นแบบหน้าไม่เปลี่ยนสี ปัญหาและจุดจบที่ม้าไม้นำพาเกิดจากความเชื่อของเหล่ากรุงทรอยที่ว่าเหล่าทหารกรีซคงเลิกทัพสงครามเพราะโรคเริมระบาด จึงสร้างม้าไม้เป็นอนุสรณ์ถึงเทพโพไซดอนให้เดินทางเรือกลับอย่างสวัสดิภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดต่อธรรมเนียบกรีซที่ว่าเป็นชาวหยามเทพเจ้า แต่ทำไมถึงถวายของแด่เทพเจ้า
ไบรเซอิส (Rose Byrne) สาวงามอีกผู้หนึ่งในบทของบาทบริจาริกา ที่อุทิศตนให้ศาสนาจนต้องเป็นเชลยของอคีลิส เพราะการโดนตีแตกของทัพหน้าทรอย อคีสมีความผูกผันกับไบรเซอิสจนเกิดความรักและนำพาสู่เรื่องสะเทือนใจของความรักที่จะสมหวัง อคีลิส เป็นนักรบที่เกิดมามีเทพเจ้าคุ้มครอง แต่กลับตนเองไม่ได้สนใจเรื่องเทพเจ้า เป็นตัวการที่พานำสงครามให้เกิดชัยชนะเพราะขวัญกำลังใจ และฝีมือที่ไม่มีใครเทียบสู้ได้
ถึงแม้การดำเนินอาจจะดูขัดต่อเหตุและผลไปบ้างจากที่ตัวกษัตรย์ควรจะมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่และดูเด่นในสายตา แต่เปล่าเลยเพราะการนำเสนอหลักคือความโศกเศร้าของสงครามที่เกิดจากรักที่มีแต่เกียรติของลูกผู้ชาย จัดว่าดูอลังการยิ่งใหญ่ดีในมุมกว้างและสูง ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ แต่เมื่อเทียบการดำเนินเรื่องจริงๆกลับถ่ายทอดให้เห็นแค่ตัวละครหลักๆ ไม่ได้เห็นถึงฉากการต่อสู้จริงๆจังๆในมุมที่ยิ่งใหญ่ บางทีหนังดูใส่อารมณ์ได้ดีจนดูขึงขังถึงแม้จะขาดดนตรีประกอบ แต่ยิ่งเงียบและมีแต่เสียงธรรมชาติยิ่งดูอลังการมากกว่า ด้านเนื้อเรื่องเดินเร็ว ไม่มีความล่าช้ากับบทสนทนาที่ถกเถียงไป เพราะต่างพูดกันอย่างเด็ดขาด ไม่มีการนอกเรื่องนอกราว ทำให้หนังดูจริงดูจัง ความมันส์กับฉากแอ๊คชั่นถือว่ามีแน่นอนและเด็ดมาก แต่จะดูมีเสน่ห์หน่อยถ้าพยายามเร้าอารมณ์ให้เกิดความคล้อยตาม เพราะหนังเติมเต็มด้วยความเสียใจโศกเศร้า และน่าเวทนา จนมองแล้วสงครามไม่ได้เกิดจากใคร แต่เพราะพวกเดียวกันที่หลงตนเองอยากจะขยายอำนาจให้ตัวเองยิ่งใหญ่ เดิมเป็นหนังอิงประวัติวรรณคดีทำให้ด้านเนื้อเรื่องไม่จำเป็นต้องติความให้ละเอียดมากเพราะเป็นเรื่องสอนได้ดีกับการให้คติพจน์ ที่คนเรามักใหญ่ใฝ่สูง ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ
