Bride of Chucky (1998) คู่สวาทวิวาห์สยอง

Bride of Chucky (1998) | คู่สวาทวิวาห์สยอง
Director: Ronny Yu
Genres: Comedy | Horror | Thriller

ได้เวลาเข้าเนื้อเรื่องอีกแบบกับชัคกี้ที่จะพาสู่อีกมิติหนึ่งที่โหดไม่ด้อยกว่าอย่างเคยเพราะมาพร้อมกับแฟนสาวสุดสวย เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อทิฟฟานี่(Jennifer Tilly)ได้ขโมยชิ้นส่วนจากที่เก็บหลักฐานเป็นส่วนของตุ๊กตาตัวหนึ่งนามว่าชัคกี้ เพื่อนำมาร่ายพิธีปลุกคืนชีพชัคกี้ขึ้นมาใหม่ในฐานะคนรักที่รอคอยมาแสนนาน แต่แล้วการที่ชัคกี้ตื่นขึ้นมากลับไม่ได้มาพร้อมอย่างที่คิดเพราะชัคกี้คิดจะฆ่าเธอ การตายของทิฟฟานี่ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสูญเปล่าเพราะชัคกี้มีแผนในใจว่านั้นคือส่งวิญญาณทิฟฟานี่เข้าร่างตุ๊กตาเพื่อให้กลายเป็นพวกเดียวกัน ตอนแรกทิฟฟานี่เริ่มคิดผิดที่ปลุกชัคกี้ขึ้นมา แต่ทว่าชัคกี้มีความคิดที่อยากกลับร่างเช่นเคยด้วยการพาตนไปที่สุสานตัวเองเพื่อนำเครื่องรางสำหรับย้ายร่าง


งานนี้เจสซี่(Nick Stabile)ได้รับจ๊อบพิเศษจากทิฟฟานี่ให้พาตุ๊กตาสองตัวไปยังสุสานดังกล่าวโดยมีเงินให้พร้อมที่เสร็จงานอีกครึ่งหนึ่ง และเจสซี่ก็มีความคิดที่อยากจะหลุดร่างแหของความรักที่โดนขัดขวางจากลุงเจด จึงใช้แผนนี้เหมารวมงานกับการพาเจด(Katherine Heigl)หนีไปด้วยกัน แต่ทุกครั้งทุกที่ที่ไปล้วนเกิดเหตุสยองขวัญขึ้นมาตลอด จนกระทั่งทั้งคู่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยแบบไม่ตั้งใจและงุนงง จนมารู้ความจริงว่ามีบางสิ่งที่ไม่ใช่พวกเขาตามมาด้วยและนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องไปที่สุสาน แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้วเพราะตอนนี้ความสยองกำลังเริ่มเข้ามาใกล้แบบดิ้นไม่หลุดจากตุ๊กตาเจ้ากรรมสองตัว

ไอเดียนี้มาแปลกหรือไร้เหตุผลดี เพราะงานนี้มีมากกว่าหนึ่งตัว(คน) อย่างที่ทราบกันคือนอกจากชัคกี้แล้วที่เป็นตัวสำคัญของเรื่อง ยังมีอีกหนึ่งตุ๊กตาที่ทำให้แหวกแนวมากกว่าภาคก่อนทั้งสามภาค ซึ่งก็คือแฟนของชัคกี้ที่ลงทุนทำทุกอย่างเพื่อเสาะหาร่องรอยจนรู้ว่าเป็นตุ๊กตาตัวเล็กนั้นเอง


ทิฟฟานี่ตอนแรกยังเป็นคนอยู่ แต่พอทำให้ชัคกี้ไม่พอใจที่ไปดูถูกเขาทำให้เริ่มเกิดความคิดที่ว่า"ลองเป็นแล้วจะรู้สึก" ตอนแรกทิฟฟานี่เป็นตัวละครที่สร้างมิติได้ดี จากช่วงแรกเห็นว่ายอมฆ่าคนเพื่อเอาเศษซากของชัคกี้มาจากที่เก็บหลักฐานแบบไม่สนใจเรื่องรอบข้าง โดยหลังจากนั้นเองที่ทิฟฟานี่เอาชิ้นส่วนตุ๊กตาอื่นๆมาเย็บให้มีรูปร่างขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทว่าเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของรูปร่างชัคกี้ในภาคนี้จะดูน่ากลัวมากกว่าอย่างเคย คือไม่มีความรักเอาซะเลย ที่แต่ก่อนหน้าเรียบเนียนใสซื่อดูน่าเล่น จนกลายเป็นว่าไม่สามารถกลับไปสู่รูปโฉมแบบนั้นได้อีกแล้วเพราะหลังเหตุการณ์ภาคสามก็ถูกจับใส่ถุงเป็นเวลานานจนไม่มีอะไรมาเชื่อมโยงให้ฟื้นชีพมาได้ จนกระทั่งเจอทิฟฟานี่ที่เลือกเอามาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

เพราะอะไรชัคกี้ตัวอันตรายถึงได้กลับมาอีกครั้งทั้งที่ปิดตายไปแล้ว คำตอบนั้นเพราะว่ายังมีคนรู้จักชาร์ลส ลี เรย์อยู่และตามสืบจนเจอ ซึ่งก็คือทิฟฟานี่ที่หนังได้บ่งบอกเรื่องราวเล็กๆผ่านหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ที่เรียงรายข่าวให้รู้ว่ากำลังหาตัวสืบเรื่องราวอยู่ห่างๆ เมื่อรู้เรื่องราวเป็นที่ต้องการจึงเริ่มวางแผน แล้วก็ได้ชัคกี้ร่างไร้วิญญาณมาครอง หลังจากเสร็จจากการฟื้นร่างตุ๊กตาเสร็จก็เริ่มถึงคราวเล่นไสยศาสตร์ที่ร่ายมนต์เดิมๆที่คุ้นเคยตั้งแต่ภาคแรก ที่ทำให้ชัคกี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ว่ากันแล้วการกลับมาของชัคกี้ดูมีเหตุผลมากกว่าสองภาคแรกที่ไม่บังเอิญแต่ตั้งใจให้เกิดโดยไตร่ตรองไว้แล้ว


เหตุผลที่ทิฟฟานี่อยากให้ชัคกี้กลับมานั้นมาจากชาร์ลส ลี เรย์เคยให้แหวนเอาไว้ และทิฟฟานี่เองก็คิดว่าคงเป็นการขอแบบคนรักกัน ทิฟฟานี่จึงเชื่อในความรักและคอยชาร์ลส ลี เรย์มาโดยตลอด หลังจากชัคกี้ฟื้นเพราะรู้ถึงเหตุผลนี้ทำให้เหมือนเผยธาตุแท้ออกมาจึงกลายเป็นว่าไม่ได้รักจริง เลยถูกขังในเตียงเด็กทารกที่มีไม้ล้อมรอบแล้วขังปิดจากข้างบน แถมทิฟฟานี่ยังซื้อตุ๊กตาผู้หญิงมาให้ชัคกี้แบบคล้ายจะดูถูกว่าเป็นเพียงของเล่น กลายเป็นว่าชัคกี้ก็ใช่จะยอมน้อยหน้า จนสุดท้ายรอดจากที่ขังมาได้ และเป้าหมายคือการฆ่าทิฟฟานี่ ไม่ใช่แค่ฆ่าอย่างเดียวยังทำให้รู้ด้วยว่าเป็นตุ๊กตาจะรู้สึกอย่างไง ซึ่งอย่างที่ตัวหนังเกริ่นแบบมีนัยเอาไว้ คือทิฟฟานี่กลายเป็นตุ๊กตาเช่นเดียวกับชัคกี้ไปอีกคน สุดท้ายดูเป็นการกัดจิกกันเองซะงั้น

ถือเป็นงานภาคสี่ครบวาระ 10 ปีของหนังชุดนี้ก็ว่าได้จึงไม่ได้ใช้ชื่อเก่าอย่างเคย กลายเป็น Bride of Chucky เป็นการบอกด้วยว่าเป็นการเริ่มต้นครั้งใหม่ของชัคกี้ที่ไม่ได้เดินรอยตามสูตรอีกแล้ว และได้คนเขียนบท Don Mancini เจ้าเก่าเช่นเคยที่คราวนี้ก็มีไอเดียเข้าท่าเข้าทางจริงๆ ผิดกับภาคสามที่โดนเร่งจนเกือบไปไม่เป็นท่า ที่ว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่นั้นหมายถึงการดำเนินเนื้อเรื่องที่ไม่ได้เจาะจงเข้าหาตัวละครเดิมๆอีกต่อไป แถมยังได้ความคิดและมุมมองใหม่ๆ อย่างเช่นการจะสลับเป็นร่างคนที่การดำเนินเรื่องไม่ได้หนักหรือคิดช่วงนั้นมากอย่างเคย และกลายเป็นว่าประเด็นเรื่องราวก็มากขึ้นด้วย การทอดแทรกเนื้อเรื่องที่ชอบกัดจิกเป็นความสนใจอย่างหนึ่งที่ทำให้หนังน่าดู เริ่มจากความตลกที่เข้าขั้นร้ายจริงๆยิ่งถ้าใครมองออกจะดูว่าตลกร้ายเป็นแบบไหน ซึ่งกับ Bride of Chucky ทำได้โดยไม่มีข้อกังขา


การกัดจิกไม่ใช่แค่ภายในเรื่องของตัวเองที่เปลี่ยนแนวไปเท่านั้นยังรวมถึงหนังสยองบางเรื่องที่ฮิตไม่แพ้กันกับตอนช่วงแรกที่นายตำรวจไปเอาของที่ห้องเก็บหลักบานที่ตัวหนังได้ฉายเห็นถึงความมืดท่ามกลางเวลาฟ้าผ่า ทำให้เห็นสิ่งแปลกปลอมที่สะกิดถึงความคุ้นว่านี้มาจากเรื่องอะไรบ้าง อย่างเช่นหน้ากากซีดสีขาวไมเคิล ไมเยอร์จาก Halloween,หน้ากากฮอคกี้เจสัน วอร์ฮีส์จาก Friday the 13th,เลื่อยเลเทอร์เฟชจาก The Texas Chainsaw Massacre และอีกหลายเรื่องที่ทำให้พอดูปุ๊บตั้งคำถามขึ้นมาทันที่ว่าโรงเก็บหลักฐานทำไมมันน่ากลัวอย่างเนี้ย แค่เริ่มเรื่องก็คว้านหนังสยองไปมากแล้ว

แต่ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้นเพราะโทนหรือบรรยากาศของหนังยังมีความคุ้นเคยอีกหลายเรื่องทั้ง I Know What You Did Last Summer , Scream ที่ยิ่งดูยิ่งเริ่มคิดหนักแล้วตกใจดูเรื่องอะไรกัน แถมมีอยู่ฉากหนึ่งที่มีตำรวจเข้ามาในรถที่โดนชัคกี้เล่นงาน ไม่ใช่ไอเดียแบบนี้ต้องบอกว่าทิฟฟานี่ถึงจะถูก คือโดนตะปูปักเต็มหน้าแล้วชัคกี้ก็พูดว่า"เขาเหมือนมนุษย์ตะปูเลย" ว่าแล้วก็มีอยู่เรื่องเดียวก็โดนตะปูเข้าหน้าก็คือ Hellraiser ถือว่าเป็นการกลับมาที่จัดเต็มเรื่องเอาสะใจแบบตลกร้ายกัดจิกที่ไม่น่าขนลุกเท่าไหร่ ซึ่งถามว่าเทียบภาคแรกความหลอนน่ากลัวได้ไหม คงไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ภาคมีคือความโหดที่มาพร้อมบรรยากาศที่สมจริงพร้อมกับซาวด์แทรกที่จับอารมณ์ได้หวือหวาและเอฟเฟคที่กลมกลืนยิ่งกว่า
 

ก็ว่าอยู่อีกอย่างคือเนื้อเรื่องที่ไม่อืดอาดดำเนินแบบรวดเดียวจบ เนื่องจากหนังมันว่าด้วยชัคกี้กับทิฟฟานี่ที่ต้องการไปที่สุสานเพื่อเอาเครื่องรางของขลังมาสลับวิญญาณ ลองคิดอีกทีถ้าการใช้เครื่องรางทำได้ง่ายกว่าทำไมไม่ลองตั้งแต่ภาคแรก มาวิ่งไล่จับเด็กก็เหนื่อยแย่นะสิ แต่เอาเถอะถ้าลองพิจารณาดีๆใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆไปซะทุกอย่างและตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมแล้ว

ตอนแรกหนังมีท่าทีไม่อะไรมาก จนเมื่อเจสซี่ได้รับงานจากทิฟฟานี่ให้ส่งตุ๊กตาไปที่สุสานเรื่องก็เริ่มเดินไปแบบไม่น่าเชื่อว่าจะทำกันได้ จากเรื่องเล็กๆกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบว่าทั้งเจสซี่และเจดเองก็งงว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมทุกที่ที่ไปถึงเกิดเรื่องสยองขวัญ และทั้งสองก็หนีหน้าตั้งแบบถกเถียงกันอีกว่าคุณทำเหรอ เป็นเรื่องโวยวายแบบไม่รู้เรื่องเลย ทั้งที่ผลงานเกิดจากคู่สองตุ๊กตา เนื้อเรื่องยกประเด็นเกี่ยวกับความรักมาใช้เป็นตัวเสริมและหลักในบางช่วงจนเริ่มเข้าใจว่าทั้งเจสซี่กับเจดและชัคกี้กับทิฟฟานี่ไม่ต่างอะไรกันเลย
 

สรุปว่าเป็นการกลับมาที่เข้าขั้นมีระดับอีกแนวให้สัมผัสและขอย้ำว่ามีความน่าดูเพราะลูกเล่นคล้ายหนังครอบครัวแต่ร้ายกาจแบบโหดๆจนพาคิดในใจว่าภาคก่อนๆทำไมชัคกี้ไม่เจอเรื่องแบบนี้มั้งล่ะ ก็ดูเอาล่ะกันว่าฆาตกรที่ยอมใครง่ายๆต้องมามืออ่อนเพราะทิฟฟานี่ นี่ถ้าไม่ใช่หนังสยองขวัญคงเป็นหนังน่ารักกันไปแล้ว ยิ่งกับการแสดงของคนแล้วปกติต้องเด่นแต่นี้ไม่ใช่คนเด่นอะไรเพราะภาคนี้เป็นการเปิดตัวของทิฟฟานี่และเธอเล่นได้เด่นตั้งแต่ต้นเรื่องเป็นคนจนกลายเป็นตุ๊กตาในท้ายสุด Jennifer Tilly แสดงได้เปรี้ยวมากในตอนแรกเป็นที่น่าจับตามองกันทีเดียว อาจจะเล่นไม่มากจริงๆถ้าลองพิจารณาดูรายละเอียดแล้วจะพบว่าเธอเล่นได้หลากอารมณ์ดีทั้งในบทเรื่องและการแสดง แล้วพอเป็นตุ๊กตายิ่งพบว่าแปลกใจที่ไม่ตกใจแบบคลุ้มคลั่งอะไรเลยแค่โกรธชัคกี้ที่ทำกับเธอได้แสบเท่านั้น สงสัยจะเป็นพวกชอบของแปลก

เรื่องเทคนิคไม่ต้องกล่าวถึงเลยเพราะงานนี้มามากกับการเคลื่อนไหวที่จัดแจ้งได้ชัดเจนและเต็มตาเต็มอารมณ์ หนังมาเสียนิดหน่อยตอนจบที่จะว่าสะใจดีไหมหรือทิ้งพระเอกกับนางเอกหายไปไหนหรือเปล่า ยิ่งในเรื่องความโดดเด่นยังชัดเจนไม่มากแต่ด้วยการแสดงก็ถือว่าช่วยได้เยอะเพราะ Bride of Chucky เป็นลูกเล่นที่ผสมหนังสยองมีดีกรีอยู่แล้ว นักแสดงที่น่าจับตามองคือ Katherine Heigl ในเรื่องเธอเล่นได้เด่นดีเรื่องอารมณ์ที่เดี๋ยวหงุดหงิดเดี๋ยวดีก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ส่วนพระเอก Nick Stabile ของเราเป็นพวกออกซื่อๆ(อีกแล้ว)ประมาณว่าโอเคแต่อยากให้ได้อารมณ์ซะหน่อย รู้สึกไม่ค่อยกลัวเลย
 

และสุดท้ายสิ่งที่น่าสนใจคือการตัดสินใจของทิฟฟานี่ที่ตอนท้ายเรื่องแสดงถึงความสิ้นสุดของความต้องการว่าถึงเวลาต้องหยุดและเข้าใจ เพราะเธอเองมักจะเชื่อมั่นในเรื่องความรักไม่ใช่น้อยและถูกปลูกฝังมาจากความคิดของแม่เธอเองที่มักกล่าวโดยอ้างแม่มาอ้างเสมอว่าแม่เคยบอกอย่างนั้น ที่น่าเสียดายอย่างเดียวคือมาเร็วและจบเร็วแบบไม่ตรึงตานอกจากตรึงใจในความสดใหม่อย่างที่บอกข้างต้น สรุปใจความสั้นว่าดูสนุก มีตลกร้ายเฮฮา(หรือไม่ฮาดี) และใหม่ในความคิดไอเดีย แถมตอนจบที่เซอร์ไพร์สไอเดียกันแบบหลุดนอกกรอบ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)