Cellular (2004)
สัญญาณเป็น สัญญาณตาย
Director: David R. Ellis
Genres: Action | Crime | Thriller
Grade: B
เจสซิก้า มาร์ติน(Kim Basinger)อาจารย์สอนวิทยาศาสตร์มีชีวิตที่ผาสุขกับการส่งลูกขึ้นโรงเรียน แต่ในวันนี้สถานการณ์ต้องเปลี่ยนไปเมื่อมีชายน่าสงสัยได้บุกเข้าบ้านและได้ลักพาตัวแบบไม่รู้สาเหตุว่าคืออะไร และเรียกร้องให้บอกว่าสามีของเธออยู่ที่ไหน หนทางเดียวของเธอคือการขอความช่วยเหลือจากการประกอบโทรศัพท์บ้านที่พังให้ใช้งานได้เพื่อหวังว่าจะสามารถให้ใครได้รู้และช่วยเหลือ ซึ่งเธอได้สุ่มหมายเลขโทรไปติดไรอัน(Chris Evans)และนั้นทำให้เขาต้องประหลาดใจและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่แน่ชัดว่าคือเรื่องจริงหรือลวง แต่ด้วยความอยากช่วยเหลือทำให้ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลาอย่างสุดชีวิตเพื่อช่วยชีวิตเจสซิก้าก่อนที่บางอย่างจะจบลงด้วยความเลวร้าย
เรื่องราวความสนุกจัดว่าโดนและเร้าใจเป็นอย่างมากกับหนังฟอร์มเล็กที่ไม่มีอะไรใหญ่โต แต่มากด้วยความลุ้นระทึกแบบ Non-Stop ที่ดุดันและต่อเนื่อง ซึ่งการเป็นไปของเนื้อเรื่องจะขาดองค์ประกอบหลักที่เกิดขึ้นจะมีตัวเชื่อมโยงระหว่างกลางไม่ได้ นั่นคือโทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อ
จุดเด่นของหนังคือเรื่องของมือถือที่สังเกตว่าตัวละครจะพกและใช้อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งนั้นทำให้รูปธรรมของความสัมพันธ์ระหว่างคู่สนทนาเป็นไปเพียงแค่เสียง แต่ไม่สามารถรู้เรื่องราวโดยรอบของคนที่คุยด้วยว่าเจออะไร เป็นอย่างไง หรืออยู่ที่ไหน เนื่องจากเป็นเพียงรูปของเสียงทำให้เรื่องราวเป็นไปด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่สามารถรับรู้เรื่องโดยรอบทางสายตา
ไรอัน คือผู้รับสายตาที่เผอิญหวยไปออกที่เขาและตอนแรกของการคุยจากการรับสายที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร และขอความช่วยเหลือ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้และไม่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องการลักพาตัว แต่ยิ่งคุยกันนานและเกิดเรื่องราวผสมปนเป ทำให้ความคิดเล่นต้องเป็นเรื่องน่าตกใจและสะเทือนขวัญอย่างมาก เพราะเสียงที่ได้ยินนั้นเหมือนจริงเกินไปที่จะแสร้งหลอกว่าเป็นเรื่องโกหก และนั้นเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวที่เกิดเป็นการเหมือนโดนบีบบังคับทางไกลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว การอยากจะช่วยเหลือเพราะความตกใจและสะเทือนเป็นการบ่งบอกได้ดีถึงอิทธิพลความชัดเจนของความจริง คำถามคือไรอันทำไมถึงเลือกจะช่วยเหลือบุคคลที่มาแค่เสียง นั้นเพราะสถานการณ์บางอย่างที่แสดงถึงความผิดปกติและรุนแรงออกมาจนชัดเจน และในเวลาความเข้มข้นการดำเนินเรื่องก็ดุเดือดขึ้นเพราะความเร่งรีบที่ร้อนรนในความพยายามที่จะช่วยเหลือ สังเกตได้จากแบตโทรศัพท์ที่กำลังหมดซึ่งนั้นหมายความว่าจะไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อีก เนื่องจากเจสซิก้าประดิษฐ์โทรศัพท์บ้านให้ใช้ได้ในสภาพที่พัง โดยการโทรครั้งนี้เป็นการสุ่มหมายเลขเบอร์ที่ดวงตกที่ไรอัน
พล็อตเรื่องคือการลักพาตัวหญิงแม่บ้าน ซึ่งได้ซ่อมแซมโทรศัพท์ให้สามารถสุ่มโทรออกได้โดยหวังว่าการติดต่อครั้งนี้จะสามารถช่วยเหลือเธอได้ โดยสายนั้นได้ต่อเข้ากับชายคนหนึ่งที่ปักใจเชื่อในที่สุดที่พยายามตามเก็บรายละเอียดในการช่วยเหลือ การข้างต้นเหมือนไม่มีอะไรให้น่าสนใจ แต่เมื่อนำมาขยายเป็นเรื่องราวสร้างสถานการณ์จะพบว่าเป็นหนังที่ดีและสนุกในการตั้งประเด็นที่มากกว่าผู้ร้ายลักพาตัว เพราะจริงๆแล้วการกระทำครั้งนี้มีแรงจูงใจ โดยผู้ชมจะเข้าใจและยอมรับกับความจริงได้ดี เหมือนแนวหนังสืบสวนที่ต้องใช้เวลาในการเฉลยปัญหา
ที่น่าสนใจคือบทบาทและฐานะตัวละครที่เป็นมากกว่าแนวธรรมดา โดยอย่างผู้ร้ายที่เป็นมากกว่าผู้ร้ายธรรมดาๆอย่างที่หลายคนคิดก่อนจะทราบว่าไม่ใช่ และนั้นทำให้สถานการณ์ความเป็นไปจะยกเข้าอีกประเด็นของความน่าเชื่อและไม่เชื่อ จนเป็นเรื่องราวของสังคมของการเสียดสีระหว่างตำรวจกับประชาชนที่เกิดขึ้นได้เพราะสิทธิอำนาจตำรวจที่มีมากกว่าราษฎรคนอื่นๆ
ความตื่นเต้นของหนังมีอารมณ์กลมกลืนกับความเครียดที่เร่งรีบบวกกับการแข่งเวลาที่ไม่ได้หยุกได้พัก ทำให้โทนของหนังออกแนวไล่ล่าที่จริงแล้วเนื้อเรื่องคือการไล่ตามหา ความลื่นไหลของการดำเนินเรื่องจัดว่าสะดวกและอาจมีข้อด้อยที่ยังดูง่ายๆอยู่บ้าง ที่ว่าดูง่ายเนื่องจากมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินเรื่องที่ขาดสมเหตุสมผล ประหนึ่งได้ว่าตัวของเหตุการณ์ในเรื่องเป็นแบบสุ่มที่บังเอิญจงใจเข้าข้างแบบที่ว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ไม่ยาก แต่ในส่วนนี้ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวละครว่าจะเอาอย่างไง ทำให้เนื้อเรื่องดูเข้มข้นกับการตัดสินใจ
อารมณ์ขันมีใส่เข้ามาในการดำเนินเรื่องที่มาในจุดเล็กๆน้อยๆให้ผู้ชมผ่อนคลาย ซึ่งในส่วนของอารมณ์ขันจะมากับนายตำรวจบ๊อบที่แสดงโดย William H. Macy ได้ดูมีเสน่ห์และคิดว่าหลายคนคงชอบตัวละครนี้ที่ถึงแม้ในช่วงแรกจะมีบทบาทไม่มากแล้วหายไป แต่เป็นตัวสำคัญอย่างมากที่มีบทบาทและเด่นไม่แพ้ตัวเอกในหลายๆตัวในช่วงท้ายชนิดที่ว่าขาดก็คือจบ
Cellular ไม่หวังอะไรมากกับแอ็คชั่นที่อยากจะมันส์ เพราะเป็นหนังลุ้นระทึกไล่ล่าที่ใส่อารมณ์ความน่าตื่นเต้นเป็นซะส่วนใหญ่ แต่ที่ส่วนใหญ่จริงๆคือชีวิตของสังคมที่ต้องมีโทรศัพท์มือถือใช้งานที่เป็นหัวใจของการแปรเรื่องราว จากในเรื่องจะเห็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสียของมือถือ ซึ่งนั้นทำให้การใช้ประโยชน์เป็นไปได้อย่างลงตัวกับการพลิกสถานการณ์ที่สิวน่าขวาน
Kim Basinger แสดงได้เข้าถึงบทบาทจริงๆที่แสดงถึงความหวาดกลัวและต้องการความช่วยเหลือ อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงแกร่งที่ไม่บุ้มบ่ามทำเสียเรื่องราว ทำให้ผู้ชมต้องคิดหวังเอาใจช่วยเธออยู่ในใจไม่น้อย ในด้านตัวเอกของเรื่องที่เป็นพระเอกจำเป็นคือ Chris Evans จัดว่าแสดงเป็นผู้ชายที่ลังเลและตัดสินไม่ถูกว่าจะทำอย่างไงผ่านสีหน้าที่บอกได้เลยว่า"เอาก็เอาว่ะ"ได้เข้าถึงอารมณ์ที่แสดงได้ดีว่าพระเอกไม่จำเป็นต้องเก่งเสมอไปแต่ต้องมีไหวพริบและเร็วก็พอ สำหรับตัวโกงที่น่าเป็นตัวเอกก็คือ Jason Statham เล่นเป็นอีธานตัวร้ายที่ดุเดือดและร้ายกาจจนตระหยิดใจแล้วว่าเก่งแบบนี้มันไม่ได้ทิ้งห่าง The Transporter เลย Cellular คือหนังที่สนุกกันแบบไม่หยุดและแสดงถึงคุณสมบัติของโทรศัพท์มือถือได้อย่างดี ถึงแม้จะบังเอิญง่ายแต่ถ้าไม่คิดอะไรมากจะชวนให้น่าลุ้นและติดตามได้อย่างเมามันส์