End of Days (1999)
วันดับซาตาน อวสานโลก
Director: Director: Peter Hyams
Genres: Action | Fantasy | Horror | Thriller
Grade: C+
ได้มีหญิงสาวถือกำเนิดมาพร้อมกับสัญลักษณ์บนแขนที่ตีตราความเป็นเจ้าของจากซาตาน ด้วยช่วงเวลาที่ผ่านไปจนถึงปี ค.ศ. 1999 เจอริโก้(Arnold Schwarzenegger)ได้รับมอบหมายให้ทำงานชิ้นหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้สืบเรื่องราวจนค้นพบบางอย่างที่นำพาไปสู่คริสเตียน(Robin Tunney) แต่แล้วความน่าแปลกใจเมื่อมีบางอย่างกำลังตามคริสเตียนอยู่ทำให้เจอริโก้ต้องทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ก่อนจะทราบว่าสิ่งที่ต้องการตัวเธอไม่ใช่ใครที่มาจากโลกแต่เป็นเทพที่มาจากนรกนั้นคือซาตานเพื่อเชื้อเชิญมอบหายนะแก่โลก ทำให้เจอริโก้ต้องต่อสู้กับซาตานที่ไม่มีทางชนะได้ แต่อะไรจึงจะชนะซาตานได้ถ้าเขาไม่มีศรัทธาในพระเจ้า
บรรยากาศคือตัวบอกอารมณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกกับตัวหนังได้อย่างสมจริงและกับ End of Days มีกลิ่นอายของศาสนาเข้ามาได้ตลอดแทบจะทั้งเรื่องทุกครั้ง จนไม่แปลกใจเลยว่าเวลารับชมเรื่องนี้ถึงรู้สึกบางอย่างมันบอดๆหม่นๆตามลัทธิศาสนาคริสต์ นั้นเพราะว่าโทนของหนังต้องการหนักไปทางด้านมืด ซึ่งจากเนื้อเรื่องของตัวหนังก็คือซาตานที่มาจุติบนโลกเพื่อมาตามหาหญิงสาวที่มีเครื่องหมายหรือถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าเป็นคู่ที่เหมาะสม และจะทำการร่วมรักเพื่อให้กำเนิดสิ่งร้ายๆออกมา ประเด็นคือการเลือกใช้เวลาที่น่าพิจารณาตรงที่เป็นวันนับถอยหลังขึ้นปีใหม่ แน่นอนว่าทุกคนต้องการสิ่งใหม่ๆในปีใหม่ๆเพื่อให้วันเวลาที่เลวร้ายของปีก่อนๆผ่านพ้นไป ถ้ากับธรรมดาทั่วไปแล้วการขึ้นปีใหม่ถือเป็นเรื่องความสุขของทุกคนเพื่อต้อนรับในสิ่งที่แตกต่างจากเดิม แต่กับซาตานการขึ้นปีใหม่คือการเริ่มสิ่งเลวร้ายและพินาศกับโลกให้หายนะ
ซาตานไม่สามารถทำการใดได้กับโลกนอกจากเจอกับคริสเตียน และการจะเจอเธอได้นั้นแสดงว่ามีคนนอกศาสนาที่ยอมรับและต่อต้านในพระเจ้าที่มองว่าทุกสิ่งคือบาปและพร้อมจะตกนรก ประเด็นคือการที่ซาตานมาจุติบนโลกเพราะตามคำทำนายที่ต้องเกิดมา เมื่อเกิดมาแล้วทำไมไม่ไปหาเธอตามความสามรถที่สื่อถึงได้ ทั้งที่คริสเตียนก็มีปัญหาทางจิตที่ชอบฝันร้ายและเห็นภาพลวงตาบ่อยๆ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเศษเสี้ยวภายในจิตใจที่พึ่งว่าจะเกิดเรื่องราวกับซาตานในไม่ช้า แต่ดูเหมือนซาตนจะหาเธอไม่เจอโดยง่าย เพราะคิดว่าเป็นข้อจำกัดอย่างหนึ่ง ถ้าหาคริสตินง่ายเพียงแค่ใช้นิมิตรก็เท่ากับว่าโลกก็จบได้โดยง่ายเช่นกัน
พล็อตจัดว่ายังไม่มีอะไรที่ดูโดดเด่นเพียงเป็นเรื่องที่โลกจะพบจุดจบเพราะซาตาน แต่ที่น่าผิดพลาดมากที่สุดคือเนื้อหาของเรื่องในส่วนของความรุนแรงและปัญหาขัดแย้งทางศาสนศาสตร์ รวมถึงหลักศาสนศาสตร์แสดงออกถึงความรุนแรงและเรื่องเพศ จะเห็นได้ง่ายๆว่าการดำเนินเรื่องเป็นไปบนความยุ่งเหยิงบนศาสนศาสตร์ที่มีทั้งจริงและเท็จเป็นการปรุงแต่งเพื่อความบันเทิงที่ต้องการเสนอบนโลกภาพยนตร์ จากความผิดพลาดที่ว่าโดยการอ้างข้อ ความจากพระคัมภีร์ในวิวรณ์ 20:7-8 ว่า "ครั้นพันปีล่วงไปแล้ว ก็จะปล่อยซาตานออกจากคุกที่ขังมันไว้และ มันจะออกไปล่อลวงบรรดาประชาชาติทั้งสี่ทิศของแผ่นดินโลก …"
หากเราคุ้นเคยกับคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ เราจะรู้ว่าข้อความนี้ไม่ได้มีความหมายว่า ซาตานจะถูกปลดปล่อยมายังโลก ในปี ค.ศ. 1999 ทำให้หญิงสาวคน หนึ่งตั้งครรภ์เพื่อให้กำเนิดแก่ผู้ต่อต้านพระคริสต์ ซึ่งนำไปสู่อวสานของโลกนอกจากนี้ คำกล่าวผิดๆ ซึ่งอ้างว่า มาจากพระคัมภีร์ยังพบได้ในประโยคทำนองว่า ซาตานไม่อาจมาสำแดงฤทธิ์เดชในโบสถ์ของพระเจ้าได้และ พระเจ้าไม่ได้ตรัสว่าจะช่วยเรา พระองค์ตรัสว่า "เราจำต้องช่วยเหลือตนเอง"
ที่สำคัญยังรวมถึงความรู้เรื่องสัญลักษณ์ตัวเลข 666 ของสัตว์ร้ายในวิวรณ์ที่ผิดๆจากในเนื้อหาที่แสดงถึงความจริงว่ามาจากการพลิกกลับหัวของตัวเลข 999 เพราะว่าในความฝันเราจะเห็นทุกหย่างกลับหัว ด้วยเหตุนี้ ปี ค.ศ. 1999 จึงเป็นปีที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในหนัง และจะเห็นว่าเนื้อเรื่องไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะสร้างขึ้นบนพื้นฐานของพระคัมภีร์ ทั้งยังเสนอภาพของพระกลุ่มหนึ่งซึ่งได้รับคำสั่งจากศาสนจักรให้ออกติดตามเพื่อกำจัดหญิงสาวเป้าหมายที่ถูกเลือกโดยซาตาน โดยเข้าใจว่าเป็นทางเดียวที่จะปกป้องโลกจากกาลอวสานได้ซึ่งดูขัดแย้งกับภาพพจน์ของพระที่มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือมนุษย์
ไม่ว่าในปี ค.ศ. 1999 จะเป็นเนื้อเรื่องของตัวหนังเพียงอย่างเดียว ในปีเดียวกันนั้นได้มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากมาย แต่ที่น่าสนใจและไม่น่าเป็นไปได้อีกเหมือนเช่นในอดีตคือการเกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 3 ที่จะนำหายนะมาสู่ความล้มเหลวและสูญเสียตามคำบอกของโหราจารย์นอสตราดามุสกับไมเคิลกับริปป์ที่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่เป็นจริงตามคำทำนายหรือในอีกนัยยะหนึ่งคือการแจ้งเตือนให้ระวังเพราะเริ่มเข้ามาแล้ว
ที่น่าตกใจมากที่สุดคือการทำนายของโหราจารย์นอสตราดามุสที่ทำนายไว้ล้วงหน้าจนถึงปี ค.ศ.3937 ที่กล่าวไว้ว่า"ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือบนโลกแต่มนุษย์ได้ไปวางสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับการดำรงชีวิตบนดาวดวงอื่นแล้ว"แสดงให้เห็นแล้วว่าคำทำนายนี้ยังไม่ใช่ที่สิ้นสุด แต่นี้ยังคงเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งเท่านั้นถึงแม้จะเคยมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแล้วก็ตาม
ที่นี่ลองกลับมาที่ End of Days ที่มีอยู่ตัวละครหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องในเนื้อหาแต่มีความเชื่อมโยงในเนื้อเรื่องนั้นคือตำรวจเจอริโก้ที่ตามสืบจนได้ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับคริสเตียนและเป็นปรปักษ์กับซาตาน สิ่งที่เห็นได้ดีคือปมในใจของเจอริโก้ที่บอกว่าเขาไม่เชื่อพระเจ้า การไม่ในพระเจ้านั้นมาจากความหลังในอดีตที่ลูกเมียต้องตายไปและนั้นทำให้ไม่เชื่อในพระเจ้าที่ต้องการคำวิงวอนไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ และผลในครั้งนั้นเป็นเหตุว่าทำไมการเชื่อมั่นในสิ่งที่มีอยู่จริงจึงเลือกใช้ปืนสู้กับซาตาน
ใน เอเฟซัส 6:11-12 เตือนเราว่า"จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครองศักดิเทพเทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ"
ถึงแม้ว่าเจอริโก้จะชิงชังในพระเจ้าและไม่รู้คำสอนนี้ แต่ก็ยังเลือกดิ้นรนต่อสู้กับซาตานเพื่อขัดขวางเอาให้ได้มากที่สุดโดยการพึ่งพาอาวุธหนัก จนในท้ายที่สุดสิ่งที่ชิงชังและไม่หวังให้ช่วยกลับกลายเป็นความหวังสุดท้ายที่เป็นความจริงว่าการต่อกรโดยไม่ศรัทธาพระเจ้าต่อเหมือนเอาน้ำน้อยไปดับไฟทำให้ไร้ผลและจะหนักขึ้นเป็นการทำร้ายตัวเอง ซึ่งนี่พอจะเป็นข้อแก้ตัวของเนื้อเรื่องที่ต้องการจะสื่อเรื่องจากพระคัมภีร์ได้ถูกต้อง
ในความบันเทิงคงไม่พ้นขอบเขตของการมีส่วนแอ็คชั่นที่โหมเข้ามาต่อสู้กับซาตานที่ไม่ได้ถึงกับสร้างความมันส์มาก แต่หนักไปกับนาทีอยู่รอดที่จะต้องแข่งเวลาและตามทันเกมส์อันเนื่องจากความเจ้าเล่ห์ของซาตานที่แสดงถึงอุบายต่างๆมาหลอกล่อ นับเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งทำให้การเสอเรื่องราวเข้มข้นบวกกับบรรยากาศแล้วสร้างความน่าชมได้อย่างพอดี ถึงแม้การดำเนินเรื่องจะยังไม่เหมือนจัดเต็มที่ ให้ความรู้สึกกล้าๆกลัวๆการนำเสนอที่เห็นได้ว่าทำไมอำนาจของซาตานดูสะดุดเดี๋ยวมากความสามารถเดี๋ยวด้อยความสามารถ ทำให้ตัวละครมีโอกาศที่จะต่อเวลาที่จะหนีและกลายเป็นว่าจะมีความอืดเข้ามาในหลายๆจุด
Gabriel Byrne รับบทเป็นซาตานที่แสดงได้เจ้าเล่ห์มีกลอุบายล่อใจที่น่ากลัว มิหนำซ้ำยังมีท่าทีที่แสดงถึงความปรารถนากับบทนี้ได้อย่างไม่มีแข็งข้อแต่อย่างใด ถ้านับว่านี่คงเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ได้ดาราแม่เหล็กระดับแนวหน้าอย่าง Arnold Schwarzenegger มาเล่นเป็นตำรวจเจอริโก้ที่แฝงปมในใจ แน่นอนว่าเรื่องนี้จะไม่เห็นอะไรที่แอ็คชั่นและเว่อร์เกินไปบวกกับการโชว์กล้ามพลัง ก็ยังดีที่เห็นว่าบทนี้มีความเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งทำให้มีมุมมองที่ชัดเจนและเน้นด้านบทเนื้อเรื่องเสียมากกว่า
Robin Tunney เล่นเป็นคริสเตียนที่ไม่รู้ว่าจะเล่นดีไหมเพราะเวลาแสดงอาการตกใจหรือหวาดกลัวนี่รู้สึกยังไม่สุด แต่ด้วยเสียร้องถือว่าแสดงโอเค ถ้าไม่นับตอนอยู่กับอาร์โนด์นะเพราะการแสดงนี่เหมือนคนละชั้นเลย
สิ่งที่ดีคือการดำเนินเรื่องที่ต่อเนื่องและประติดประต่อใช้กันได้หมดตัวละครที่ถึงแม้จะสิ้นเปลืองจึงไม่แปลกที่ตัวหนังดูหนักหม่นๆ แต่นับว่าจบแบบไม่มีอารมณ์ค้างคาเหมือนเจอริโก้ที่ได้ชำระบาปแล้ว