Hard Rain (1998)
อึดท่วมนรก
Director: Mikael Salomon
Genres: Action | Crime | Drama | Thriller
Grade: B-
กระแสน้ำฝนที่ไหลเชี่ยวและหนักจนน้ำท่วมเมืองเพราะการระบายน้ำจากเขื่อน ทำให้นายอำเภอท้องถิ่น(Randy Quaid) ต้องสั่งอพยพผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองฮันติ้งเบิร์ก ในขณะเวลาหนึ่งต้องรีบขนเงินออกจากธนาคารเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหาย จึงเป็นหน้าที่ของทอม(Christian Slater) และชาร์ลีลุงของเขา (Edward Asner) ที่ต้องรีบส่งเงินก่อนน้ำท่วมครั้งใหญ่ แต่ด้วยสถานการณ์ตึงเครียดทำให้รถเกิดเสียกลางทาง และเป็นเป้าหมายจากกลุ่มผู้ช่วยเหลือที่มีที่ท่าหวังดีกลายเป็นว่าหวังมากกว่าน้ำใจแต่เป็นเงินสดในกระเป๋า ทำให้พวกเขาต้องหนีการไล่ล่าท่ามกลางพายุฝนและน้ำที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อย ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ทำให้ต้องขอร้องความช่วยเหลือจากเหล่าตำรวจในการปกป้องเงินจำนวนนี้ให้ปลอดภัย ทว่ามิตรคือศัตรูทำให้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้กับเหล่าโจรที่ต้องการเงินเพียงอย่างเดียวกับเหล่าตำรวจที่ต้องการปิดปากเรื่องเงิน จนเป็นเรื่องการไล่ล่าสุดระห่ำกลางสายน้ำที่จะกระแทกทุกลมหายใจ
Hard Rain คือหนังว่าด้วยสถานการณ์ล้วนๆมาใช้ในฉากแอ็คชั่นทางน้ำที่บอกได้ว่าเก็บรายละเอียดได้ดี ทั้งเรื่องปริมาณน้ำที่ต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากน้ำทางเขื่อนที่ปล่อยแบบโหมกระหน่ำและฝนตกที่ตกกันทั้งเรื่อง คงนับว่าเป็นหนังทางน้ำอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจถึงแม้จะเอาจริงเอาจังหาเหตุผลได้ดีกว่านี้ก็ยังได้ โดยเฉพาะเหตุผลว่าทำไมต้องมาปล้นตอนน้ำท่วมซึ่งแทนที่จะสะดวกกลายเป็นว่ายุ่งยากไปกันใหญ่ เห็นแบบนี้เนื้อหาของเรื่องราวยังแก้วิตกได้ว่าเป็นการวางแผนที่เตรียมมาเพื่อสถานการณ์แบบนี้ไว้แล้ว ก็จริงสุดเหมือนตอนแรกหนังจะมีช่องโหว่มากเพราะช่างบังเอิญจริงว่าต้องมาเจอรถขนเงินที่ตกถนนและไม่สามารถไปไหนได้ว่าน้ำท่วม ก็เลยจัดการปล้นเงินซะเลย แต่ทุกอย่างก็พลิกเหตุการณ์เพราะพระเอกไหวตัวทัน
เริ่มที่ทอมของเรื่องที่เปี่ยมล้นด้วยความเป็นพระเอกเต็มตัวที่ลงทุนนำเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปซ่อนยังสถานที่หนึ่งเพื่อไม่ให้ถูกปล้นได้ แต่ในสถานการณ์น้ำท่วมขนาดนั้นก็ยังมีความเป็นพ่อพระสูงซะจริงเชียว ในเมื่อไม่มีเงินและไม่รู้ว่าเงินอยู่ไหนทำให้ทอมเป็นที่หมายปองในการจับตัวของนักปล้นเงิน
ถ้าคิดว่าตัวโกงคือตัวร้ายคงต้องบอกถูกครึ่งหนึ่งเพราะในเรื่องจิมที่เป็นหัวหน้าใหญ่ในการปล้นไม่ได้คิดหวังจะทำร้ายทอมแต่อย่างใดเพีงแค่ต้องการเงินเพียงเดียวเท่านั้น ในขณะที่ลูกน้องภายใต้การควบคุมก็เหมือนจะเป็นไปตามวัยที่ใจร้อนทำก่อนแล้วค่อยคิด ทำให้เกิดปัญหากลายเป็นว่าแผนแตกและทอมต้องหนีไปพร้อมเงิน ด้วยวินัยของทอมทำให้เขาต้องหนีเพื่อไม่ให้ถูกจับตัวได้จากการไล่ล่าเป็นผลพลวงทำให้ต้องไปเคเรนจำของโบสถ์ที่เอาไม้กางเขนไปฟาดหัวจนทอมสลบไปเพราะคิดว่าเป็นโจรที่หวังขโมยทรัพย์สิน จนเรื่องได้ไปถึงตำรวจและทอมได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังอีกทั้งยังบอกด้วยว่าเงินนั้นอยู่ที่ไหน
ด้วยจำนวนเงินที่ว่ามากทำให้บางทีตัวช่วยดีๆอย่างตำรวจยังต้องคิดใหม่เพราะธาตุแท้ก็เกิดขึ้นได้ทุกเวลาเมื่อมีเงินกองอยู่ตรงหน้า นับเป็นสิ่งที่ดีมากในการทำให้ตัวละครมีชีวิตที่ไม่จำเจที่ว่าดีก็ต้องดี ที่ว่าเลวก็ต้องเลว
จิมคือโจรที่น่าจะเรียกว่ามีคุณธรรมอยู่ในตัวบ้างคือไม่ได้อยากจะฆ่าใครเพื่อเอาเงิน เพียงแค่ต้องการเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้นโดยไม่ต้องการให้ใครตาย ในขณะที่ฝ่ายตำรวจเองก็ดูมีเล่ห์มีนัยตั้งแต่ต้นเรื่อง ซึ่งยังคงปฏิบัติหน้าที่เป็นพลเมืองดีอยู่ แต่จิตใจคนเราก็ปรับเปลี่ยนกันโดยเฉพาะโอกาสได้เงินมาฟรีๆ คิดว่าตรงจุดนี้ทำให้มุมมองของตัวละครมีมิติมากขึ้น มีการเดินเรื่องที่ยาวขึ้นและฉากแอ็คชั่นลุ้นระทึกที่ตามมามากขึ้น
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือลูกเล่นตามสไตล์หนังไล่ล่าแบบทั่วไปที่ได้ไอเดียเรื่องน้ำๆเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้นอกจากจะต้องหนีจากการไล่ล่าด้วยแล้ว ทุกละครเองยังต้องรับมือกับน้ำท่วมที่ค่อยเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆรวมถึงอุปสรรคต่างๆที่เกิดจากภัยธรรมชาติและภัยจากคนรอบตัว คือหนังเริ่มจากระดับที่แชะๆพื้นจนกระทั้งเขื่อนไม่สามารถรับน้ำหนักได้จึงต้องระบายออกโดยเร็ว ทำให้น้ำเพิ่มระดับขึ้นจนครึ่งค่อนตัว และต้องปล่อยหนักอีกจนระดับน้ำเกินไหล่ จากจุดนี้ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงตามการดำเนินเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ จึงเกิดฉากแอ็คชั่นที่ตามมาที่ไม่ใช่บนบกแต่เป็นบนน้ำแทน
การขับสกีปกติมักจะเล่นในที่กว้างเพื่อความคล่องตัวแต่กับ Hard Rain คือความมันส์ที่ไล่ล่าในที่แคบในโรงเรียนในการขี่สกีบนน้ำที่ต้องยอมรับในฝีมือตากล้องที่เก็บรายละเอียดได้ดีทั้งหน้าหลังหรือจะด้านข้างที่บอกได้เลยว่าซิ่งกันไม่แพ้รถบนบก ฉากยิงกันถึงจะไม่กระหน่ำแต่ให้อารมณ์สนุกแบบระทึกตามหนังเก่าที่เสียงปืนต้องดังก้องแต่ไม่ใช่ปังๆจึงได้อารมณ์แบบแอ็คชั่นเท่ๆที่ไม่ต้องยิงกันมากมายแต่ต้องไว้ลายให้ดูทรงพลัง ซึ่งตรงไหนที่ลุ้นระทึกมากที่สุดกับฉากแอ็คชั่น ถ้าเอาลุ้นต้องตอนท้ายที่เคเรนหยิบปืนแล้วจะยิง จากจุดนี้จะเห็นอะไรที่น่าตื่นเต้นอย่างมากเพราะกล้องแสดงฉากหน้าตาที่แสดงสีหน้าอย่างชัดเจนรวมถึงการใช้ภาพสโลที่เหมือนดวลปืน แต่ไม่รู้ทำไมในเรื่องมีจุดบอดตรงตัวละครไปเอากระสุนมาจากไหนถึงไม่หมดสักที จริงอยู่ว่าไม่ได้ยิงกระหน่ำแต่รู้สึกจะเยอะพอที่คนหนึ่งจะพกไว้ยามปกติ ในเมื่อเป็นหนังแอ็คชั่นไล่ล่าถ้าใครชอบแนวนี้ก็อย่าไปคิดมาเลยว่ากระสุนจะหมด ถ้าขืนกระสุนหมดอารมณืก็หมดตามไปด้วยนะสิ
ตัวละครนับว่าแจกบทบาทได้ดีทีเดียว สำหรับใครที่ไม่เด่นตอนแรกจะมามีบทบาทมากขึ้นในตอนท้าย และยังคงรักษามาตรฐานในการคุมเรื่องได้ดี จากตามความเป็นจริงทั้งเรื่องมีการดำเนินเรื่องที่จัดว่าดูบังเอิญพอสมควรหาเหตุผลอธิบายได้ยากว่าต้องไปที่นี้ที่นั้นซึ่งก็ตรงจุดพอดี ความเข้มข้นของเรื่องราวคือการไล่ล่าฉะนั้นจะสนุกยิ่งขึ้นเมื่อมีฉากแอ็คชั่นที่มากกว่ายิงกันแต่เป็นการใช้ประโยชน์จากรอบตัวตามสถานการณ์ นั้นคือการใช้เรือ
คงเป็นเพราะสถานการณ์ในเนื้อเรื่องตึงเครียดหรืออย่างไงนักแสดงถึงได้มีลักษณะที่ไม่ค่อยจะอินร่วมกับบทมากนักทั้ง Christian Slaterหรือจะ Morgan Freeman ซึ่งล้วนแสดงได้ดีแต่มีแข็งในบางจุดจนไม่รู้ว่าจะลุ้นดีหรือไม่กับสีหน้าแบบนั้น คงนับว่าดีที่ได้บรรยากาศช่วยจึงเพิ่มอรรถรสชวนลุ้นกับฉากแอ็คชั่นที่ไม่ควรพลาด
บางทีคงเป็นอาถรรพ์อย่างหนึ่งที่หนังเกี่ยวกับน้ำมักจะเจ๊งกันเยอะ อย่าง Waterworld (1995) ที่ลงทุนกันอย่างมหาศาลในการสร้างเมืองลอยน้ำให้เกิดขึ้นมาจริงๆ หรือจะหนังสยองปนแอ็คชั่นในเรือที่เต็มไปด้วยหนวดของหนอนทะเลกับ Deep Rising (1998) และสุดท้าย Hard Rain ก็กลายเป็นหนึ่งในหนังเจ๊งที่ประสบปัญหากำไรแบบน้ำท่วมปาก ไม่ใช่ว่าการเป็นหนังเจ๊งจะเป็นเรื่องที่ไม่สนุกแต่อาจเป็นไปได้ว่าการสนับสนุนหรือโฆษณายังไม่ดีพอ ซึ่งกับ Hard Rain สนุกใช้ได้กับแอ็คชั่นแนวน้ำท่วมที่ไล่ล่าตามปล้นเงินกลางสายฝนที่ลุ้นระทึกและไม่ธรรมดา