Jumper (2008) ฅนโดดกระชากมิติ

Jumper (2008)
ฅนโดดกระชากมิติ
Director: Doug Liman
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi | Thriller

เดวิล(Hayden Christensen)เด็กหมุ่นผู้ค้นพบพลังที่จะไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจอย่างอิสระเสรี ด้วยความสามารถพิเศษคือการจัมพ์ และด้วยพลังนี้ทำให้เขาดำเนินชีวิตอย่างสบาย จนกระทั้งสิ่งที่ปกปิดต้องถูกเปิดเผยจากองค์ลับที่ไล่ฆ่าตามเก็บเหล่าจั้มพ์เปอร์ ทำให้เดวิลหนีตายด้วยการจั้มพ์ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งนั้นทำให้เขาได้พบกริฟฟรินที่มีประสบการณ์และเทคนิคการจั้มพ์มากกว่า และรู้เรื่ององค์กรลับนี้ว่ากำลังตามเก็บ ทำให้เดวิลได้รู้ความจริงในหลายๆอย่าง รวมถึงความจริงบางอย่างที่ยังคาใจ แต่แล้วเดวิลก็เลือกทางใหม่ที่จะสู้กับองค์กรนี้ด้วยพลังพิเศษที่จะกระโดดไปที่ไหนก็ได้ด้วยพลังของการเป็นจั้มพ์เปอร์


ตัวหนังเปิดตัวได้น่าสนใจกับเรื่องพลังพิเศษที่เหมือนกับว่าเป็นพวกแหกมิติไปโผล่ที่ไหนก็ได้ที่ตัวเองอยากไปเพียงขอแค่เคยเห็นที่นั้น สังเกตได้ง่ายๆว่าทำไมในห้องเดวิลถึงมีแต่รูปภาพมากมายตามผนังห้อง ซึ่งช่วยในการเตือนความจำเมื่ออยากไปไหนให้มองรูปก็ไปโผล่ที่นั้นได้

จากที่เห็นในช่วงเปิดเรื่องในขณะที่เดวิลกำลังเด็กได้ใช้พลังพิเศษในการไปที่ห้องสมุดได้ไม่รู้ตัวและแปลกประหลาดกับตนเอง แต่หนังไม่ได้ใส่อารมณ์ชวนประหลาดหรือน่าตกใจให้เกิดความสงสัย ประมาณว่าตัวละครเล่นแข็งกับเรื่องผิดปกติที่เกิดกับตัวเอง

ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความเป็นเด็กที่อยากรู้อยากลองเมื่อเกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้นก็เลี่ยงจะให้ใครสังเกตหรือจับผิด แต่ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ไม่มีใครรู้จนเดวิลตัดสินใจหนีออกจากบ้านด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถยอมรับพ่อได้


เดวิลเลือกทางออกจากครอบครัวที่ไม่มีความสุขและแผนในใจบางอย่างกับการขโมย เมื่อรู้รายละเอียดของพลังที่ว่าจะย้ายตัวเองไปที่อื่นได้นั้นต้องเคยเห็นสถานที่นั้นเสียก่อน จากในเรื่องเดวิลไปธนาคารและเห็นตู้เซฟที่มีเงินมากมาย ทำให้เขาสามารถกระโดดข้ามมิติจากอีกที่หนึ่งไปยังห้องเซฟได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนใดๆเพียงแค่วาปไปเลย และด้วยชีวิตที่เป็นแบบนี้และหลงใหลกับการไปไหนมาไหนแบบสบายๆเพียงแค่นึก ทำให้ไม่ต่างอะไรกับวัยรุ่นที่เที่ยวไปวันๆซึ่งหลังจากเดวิลโตขึ้นก็เห็นว่าไม่เอาไหนมากมาย เป็นผู้ชายเสพความสุขไปวันๆ จนกระทั้งคดีที่เคยขโมยเงินจากธนาคารได้กระจ่างขึ้นและมีนักล่าที่ตามเก็บคนที่มีพลังแบบนี้อย่างเดวิลอยู่ด้วย

ต้องยอมรับเลยว่าเดวิลในเรื่องค่อนข้างเป็นพระเอกที่มีนิสัยไม่รู้จักโตจริงๆยังคงมีอุปนิสัยแบบเด็ก ไม่มีความคิดแบบผู้ใหญ่ที่มีทัศนะที่กว้างขึ้นหรือจะรอบคอบขึ้น ทั้งที่มาอยู่ข้างนอกปะปนในสังคมแล้วแท้ๆ จากในเรื่องจะพบว่าเดวิลได้เจอคนประเภทเดียวกันกับเขาที่มีพลังแบบนี้อยู่ ซึ่งคือกริฟฟิน(Jamie Bell )จากในเรื่องกริฟฟรินเห็นความผิดปกติบางอย่างและแอบตามเดวิลห่างๆ จนองค์กรพาราดีนที่เป็นนักล่าจัมพ์เปอร์มาตามเก็บเดวิล และเดวิลก็ได้รู้ความจริงจากกริฟฟรินที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรว่าถูกตามล่าอยู่ เห็นได้ว่าแม้เดวิลจะชอบเที่ยวรอบโลกมากแค่ไหนด้วยการจัมพ์ก็ไม่ช่วยให้รู้ความจริงอะไรขึ้นมาเลย


เนื้อเรื่องมีการปูทางที่กระชับและง่ายจนเกินไป เพราะขาดเหตุผลอย่างรอบคอบเหมือนเป็นไปโดยง่ายและบังเอิญอย่างที่สุด รวมถึงการปรากฏตัวของกริฟฟรินที่เหมือนจะเป็นคู่หูเดวิลมาสักพักก่อนจะขัดแย้งกันด้วยเรื่องจัดการพวกพาราดีนที่ไม่ลงรอยและสู้กันเอง ซึ่งตรงนี้ดูสนุกขึ้นมาเพราะต่างคนต่างไล่กวดกันจัมพ์แบบไปที่นู้นที่นี้ที่นั้นในไม่กี่นาที

ถึงแม้เนื้อเรื่องจะง่ายค่อนข้างมากแต่ในพล็อตเรื่องนับว่าน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งควรจะจัดแจ่งให้มีเนื้อเรื่องที่ยากกว่านี้รวมถึงควรทำให้มีเนื้อเรื่องมีความน่าติดตามมากขึ้น เพราะบางจุดมีความอืดซึ่งบางครั้งจะมีเป็นส่วนเกินเสียมากกับบางฉากที่ควรตัดๆออกไป

จากที่เห็นในด้านเนื้อหายังคงมีปมต่างๆมากมายที่ไม่คลี่คลายให้เสร็จแบบจริงจัง อย่างเช่นองค์กรพาราดีนที่ตามฆ่าเหล่าจั้มพ์เปอร์ที่ไม่รู้ว่าทำไมกันแน่ จากในเรื่องมีการอธิบายที่นอกประเด็นอย่างสูง คือบอกว่าเป็น"พวกเลือดชั่ว มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่มีความสามราถไปไหนมาไหนได้" แล้วอะไรคือจุดบ่งบอกที่ชัดเจนนอกจากเป็นพวกเคร่งศาสนาแล้ว


ที่น่าสนใจคือการอธิบายรูปลักษณ์ของพลังในการจั้มพ์ว่ามีหลักการใช้พลังอย่างไง รวมถึงข้อด้อยเมื่อโดนไฟฟ้าแล้วจะเป็นแบบไหนได้ดี รวมถึงการย้ายมิติไปกับสิ่งของที่ใหญ่มากกว่าตัวได้อย่างรถทัวร์ ที่กริฟฟรินจับจากโตเกียวไปโผล่ที่อียิปต์ คิดว่าในการจัดการเรื่องเอฟเฟคไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนเพราะทำออกมาดี ถึงแม้บางจุดจะเหมือนไม่เนียมเพราะใช้ CG มากไปหน่อยก็ตาม แต่ถือว่ายังโอเคอยู่ที่หายวาปไปมาแบบดูไม่งง แต่สำหรับคนที่ดูไม่ต่อเนื่องคงต้องงอย่างแน่นอน เพราะไหนจะโตเกียว อียิปต์ หรือจะตามสถานที่ต่างๆที่ล้วนแต่เห็นสลับฉากไปมาเพราะการจัมพ์

Jamie Bell รู้สึกน่าจะเป็นตัวเอกเสียมากกว่าเพราะเล่นขโมยซีน Hayden Christensen บ่อยมาก โดยเฉพาะถ้าอยู่ด้วยกันยิ่งเห็นได้ชัดเจนเลยว่าใครเหมาะเป็นผู้นำ แต่กระนั้นถ้าปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปคนที่จะเป็นพระเอกก็คงไม่ใช่พระเอก จึงจัดการบทกริฟฟรินให้ขัดแย้งกับเดวิล และผลคือความขัดแย้งในความจริงบางอย่างในส่วนลึกของนิสัยที่ดูตื้นๆจากเป็นพวกระวังตัวและมีความคิดมากกว่าเดวิล ก็กลายเป็นพวกรีบเร่งอยากจัดการพาราดีนไวๆแบบไม่สนใจใคร ทำให้ดูแล้วขัดตาอยู่บ้าง


แอ็คชั่นมีแน่นอนแต่ไม่อิ่มหรือมันส์กว่าที่คาดเอาไว้เพราะนอกจากจั้มพ์แล้วทำอย่างอื่นแทบไม่ได้เลย เนื่องจากอุปกรณ์ฝ่ายร้ายจะมีดีและแรงกว่ามาก จึงไม่แปลกที่เวลาโดนจับก็เสร็จอย่างเดียว ตรงจุดนี้ค่อยเพิ่มความดีกรีให้เข้มข้นขึ้นมาหน่อย นอกจากแอ็คชั่นที่ไม่อิ่มแล้วยังเรื่องอารมณ์ของหนังที่ไม่รุกเร้าอารมณ์เห็นในความพยายามของตัวละครเลย จึงเหมือนกับว่าไม่มีความสะใจหรือสนุกแบบสุดๆ

ที่สำคัญคือตัวละครที่ถ้าวัดเอาจริงๆในเรื่อง Diane Lane ที่เล่นเป็นแม่เดวิลไม่จำเป็นต้องออกมาก็ได้ จริงอยู่ที่ว่าเป็นตัวละครที่บอกเหตุผลว่าทิ้งเดวิลไปทำไมและมีส่วนในการช่วยเหลือครั้งหนึ่ง ถึงกระนั้นยังคงดูน้อยมากและแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเรื่องเลย


Jumper คงเป็นหนังที่ขายกระแสวัยรุ่นได้พอประมาณ ที่ไม่คาดหวังกับเนื้อหาของเรื่อง เอาแค่ได้นักแสดงหล่อๆและเรื่องราวแบบวัยรุ่นที่มีความทะเยอทะยานมาใช้ให้สนุกแบบง่ายๆ แต่ที่ดีคือการลงทุนไปที่ต่างๆเพื่อเก็บโลเคชั่นสถานที่ทำให้การจัมพ์ดูเป็นจริง ก็ถือว่าเป็นหนังดูเพลินที่ไม่ต้องไปหวังอยากคิดอะไรมากแถมแอ็คชั่นมาเป็นระยะๆชวนให้น่าติดตาม(ที่ถึงแม้จะไม่มีอะไร) แต่ถ้าปมประเด็นต่างๆถูกเปิดเผยมากกว่านี้คงจะดีไม่น้อย เพราะนั้นทำให้เนื้อเรื่องมีเป้าหมายมากกว่านี้

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)