Next (2007)
เน็กซ์ นัยน์ตามหาวิบัติโลก
Director: Lee Tamahori
Genres: Action | Sci-Fi | Thriller
Grade: C+
คริส จอห์นสัน(Nicolas Cage)เกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษในการมองเห็นอนาคตที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า 2 นาที แต่เขาไม่รู้ว่ามีคนได้จับตามองอยู่ นั้นคือเจ้าหน้าที่เอฟบีไอคัลลี่ เฟอร์ริส(Julianne Moore)เพื่อหาระเบิดนิวเคลียร์ว่าอยู่ที่ไหน และด้วยเหตุนี้เองคัลลี่ได้เข้าหาคริสในการช่วยเหลือในการหาตำแหน่งระเบิดว่าอยู่ที่ไหน แต่คริสไม่เต็มใจเพราะอดีตวัยเด็กที่ถูกกักขังในการทดลอง และความหวังเดียวในชีวิตคริสคือการได้อยู่กับผู้หญิงที่รักนั้นลิซ(Jessica Biel)หญิงสาวที่มองเห็นในอนาคต แต่จนแล้วจนรอดคริสต้องยอมร่วมมือกับคัลลี่ในการหากลุ่มคนร้ายและระเบิดก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป แต่การมองหานี้จะทันก่อนเกิดเหตุการณ์หรือไม่เพราะต่างไม่รู้เลยว่าลูกระเบิดจะทำงานตอนไหน
ไม่รู้จะว่ายังไงแต่ชอบลูกเล่นของพลังมองเห็นอนาคตจริงๆ จริงอยู่ที่ว่าการมองเห็นล่วงหน้ามีข้อจำกัดคือมองได้แค่ 2 นาทีเท่านั้น แน่นอนว่านั้นคือจุดบอดที่ไม่สามารถมองได้เกิน 2 นาที มิหนำซ้ำยังมองได้เพียงแค่เรื่องของตัวเองเท่านั้นอีกกด้วย นับว่ายังดีที่สร้างโอกาสที่ไม่ให้พระเอกดูเก่งเกินไป ดูจากตอนต้นเรื่องที่หลบหลีกหนี รปภ. แบบหน้าตาเฉย ทั้งหนีต่อหน้าและลับหลังที่เรียกว่าใกล้จนสะกิดยังได้ เหมือนมุขร้ายๆที่ดูขำเป็นพิเศษเพราะขณะที่หลบหนีไปมา คนที่ดูกล้องก็บอกว่าอยู่ด้านหลังแต่พอหันไปก็ไม่เจอทั้งที่เดินผ่านไปเมื่อกี้ ลองนึกสภาพ รปภ.ตรวจจับหลายคนที่เดินไปมาเพื่อตามหาคนหนึ่ง โดยมีกล้องตามทิศต่างๆสอดส่องจากจอที่มีคนบอกตำแหน่งให้ แต่ดันคนจะจับดันหาตัวไม่เจอแต่คนมองกล้องเห็นทุกระเบียบนิ้ว ที่สำคัญคือลีลาและจังหวะการหลบหลีกที่เลี่ยงไปมาได้น่าสนใจ ไม่จำเป็นต้องเห็นอีกฝ่ายแล้วหนีแต่หนีก่อนที่อีกฝ่ายจะเห็นตัว ว่าแล้วการเปิดเรื่องนับว่าน่าสนใจเพราะมาถึงสำแดงพลังให้เห็นกันเลย
การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างต่อเนื่องมุ่งเน้นที่ 2 ฝ่ายเป็นหลักนั้นคือคริสที่ไม่อยากยุ่งเรื่องภายนอกและปิดตัวตนและฝ่ายเอฟบีไอคัลลี่ที่ต้องการตัวคริสเพื่อหาระเบิดนิวเคลียร์ พล็อตเรื่องมีอยู่ว่าคริสเบื่อกับการใช้พลังเพื่อคนอื่นเนื่องจากชีวิตวัยเด็กที่โดนทดลองทายภาพไปมาอย่างต่อเนื่องทำให้เขาทรมาน จึงเลือกมีชีวิตเป็นนักมายากลและใช้พลังนี้ในการหาเลี้ยงอาชีพ แต่ด้วยความที่ว่าเป็นมายากลอันเหลือเชื่อจึงเป็นเป้าสายตาของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอคัลลี่ที่ตามสืบถึงวิธ๊กลที่ผิดปกติเพราะเหมือนรู้อนาคตจริงๆ แต่แล้วได้เกิดเรื่องขึ้นเมื่อไปเล่นพนันที่บ่อนคาสิโนและกินเงินแบบต่อเนื่องทำหน้าที่เป็นที่น่าสงสัย จนกระทั่งนำแต้มที่ได้ไปขึ้นเงินแล้วเกิดมองเห็นอนาคตว่าจะมีผู้ชายจะมาปล้นเงิน ทำให้คริสไปยับยั้งและดูเหมือนการกระทำเป็นคนดีนี่เองที่คัลลี่เริ่มมองเห็นความสามารถพิเศษในตัวคริสอย่างชัดเจน
การที่คริสหนีไม่ใช่เพราะกลัวความผิดแต่กลัวการใช้พลังเพื่อคนอื่นเนื่องด้วยชีวิตวัยเด็กกับการทดลอง จึงเลือกหนีจากการตามตัวของคัลลี่ ในขณะเดียวกันไม่แค่คัลลี่ที่ต้องตามจับคริสเพื่อเข้ากลุ่มให้ได้เท่านั้นยังรวมถึงฝ่ายผู้ก่อการร้ายที่ตามติดสถานการณ์ภายในเอฟบีไอที่รู้ว่ามีคนที่อาจรู้เรื่องนิวเคลียร์จึงพยายามตามเก็บ สิ่งที่เห็นคือคริสหนีอย่างเดียวและใช้พลังไปในการเอาตัวรอด ส่วนคัลลี่ก็ไม่ยอมแพ้ในการตามจับ ด้านผู้ร้ายก็ไล่ล่าคริสเหมือนกัน นอกจากการการดำเนินเนื้อเรื่องที่ไล่ล่ากันแล้วยังมีเรื่องของความรักเข้ามาแทรกอีกด้วย และผู้หญิงคนนั้นคือลิซที่คริสมองเห็นในอนาคตได้ยาวนานกว่า 2 นาทีที่ตัวเองไม่สามารถบอกได้ว่าเพราะอะไร
ลิซคือผู้หญิงในอนาคตที่คริสตามหาในความจำที่ตัวเองมองเห็น และยังพยายามจีบเธอแบบสุภาพบุรุษด้วยการไม่ใช้พลังในการมองเห็นอนาคต การปรากฎตัวของลิซทำให้กลิ่นอายของหนังเริ่มมีอารมณ์ร่วมกับโรแมนติกที่แสดงทางคำพูดที่ถอดคำอย่างไพเราะด้วยประโยคแบบถ่อมตัวเอง แถมอารมณ์ความรู้สึกที่เริ่มตีสนิทกันยิ่งขึ้นระหว่างคริสกับลิซ แต่ดูเหมือนการมีตัวตนของลิซไม่ได้โผล่ออกมาแค่เป็นตัวเกินในเนื้อหาแต่มีมากจนนำไปสู่ตอนท้ายของเรื่องราวได้อย่างเหมาะโอกาส นั้นคือการที่ลิซถูกจับตัวไปและสวมระเบิดกับตัวซึ่งในก่อนหน้านี้คริสได้เห็นเธอระเบิดจากการดูข่าวที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีก 2 ชั่วโมง
ลิซไม่ได้ถูกใครจับตัวไปแต่เป็นผู้ก่อการร้ายคนเดียวกับที่คัลลี่ต้องการตัว ด้วยเหตุนี้คริสจึงยอมร่วมมือกับคัลลี่เพื่อต้องการช่วยเหลือลิซ และได้นำไปสู่รังของผู้ก่อการร้ายเพราะประโยชน์จากลิซที่คริสได้ใช้พลังมองเวลาล่วงหน้าที่เกิดขึ้นจนรู้แหล่ง การที่หนังดำเนินเป็นไปอย่างอย่างลำบากคือช่วงไม่ให้ความร่วมมือของคริสที่เลือกจะหนีอย่างเดียวทั้งที่ก็รู้ว่าต้องมีคนเสียชีวิตนับไม่ถ้วนจากนิวเคลียร์ แสดงถึงความเจตจำนงไม่กล้าเผชิญและไม่อยากยุ่งกับเรื่องของรัฐบาล จึงกลายเป็นว่าเนื้อเรื่องอืดอาดก็จุดนี้แหละที่ไม่ยอมไปเร็วซะทีทั้งที่เป็นหนังแอ็คชั่นที่สมควรจะมาเร็วและแรง
ตอนท้ายของหนังจริงอยู่ที่ว่าเป็นไปอย่างรู้ผลแล้วเพราะคริสมองเห็นทุกอย่างล่วงหน้าทำให้ต้องตัดสินใจยอมร่วมมือกับคัลลี่ ซึ่งนั้นทำให้เห็นการใช้พลังอย่างเต็มเปี่ยมของคริส และเป็นลูกเล่นอยู่ว่าการมองอนาคตไม่จำเป็นต้องเห็นเพียงภาพพจน์เดียวแต่สามารถแยกตัวช่วยกันมองได้
จากข้างต้นต้องเริ่มวัดกันที่ตอนคริสตามหาลิซที่โดนจับ นั้นคือคริสแยกร่างได้นั้นเป็นสิ่งที่ผู้ชมเห็นแต่อีกนัยยะหนึ่งคือคริสมองเห็นล่วงหน้าซ้อนล่วงหน้าเป็นรูปแบบชั้นๆ ง่ายๆคือคริสในปัจจุบันได้มองตัวเองที่กำลังใช้พลังและคริสในอนาคตนั้นได้ใช้พลังมองล่วงหน้าอีกขั้นนับเป็นจุดที่น่าสนใจ แต่อะไรจะน่าตกใจเท่ากับการหลบกระสุนที่อยู่ต่อหน้าได้แบบเรื่อง The Matrix
Next มีการดำเนินเรื่องที่ปล่อยไปเรื่อยๆมีอืดอาดบ้าง แต่นับว่าการคุมหนังเป็นไปได้สวยไม่หลงทางมีความแน่นอนในตัว เพราะคาดหวังกับบางจุดของเรื่องมากเกินไปจนขาดรายละเอียดในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเรื่องปมในอดีตของคริสที่ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไงกับอดีตจนมองไม่ออกว่าเจ็บปวดแค่ไหน เว้นแต่ได้นักแสดงอย่าง Nicolas Cage ที่แก้หน้าด้วยสีหน้าและอารมณ์ที่เบื่อหน่ายกับช่วงชีวิตนั้น แต่อะไรกันเล่ากับทรงผม Nicolas Cage ที่ควรจะเปลี่ยนทรงดีกว่าเพราะรู้สึกจะปล่อยมากไปหน่อยกับข้างหน้าแต่บางจังหวะก็ดูเหมาะไปอีกแบบ ความเสน่ห์เริ่มมีมนต์ตรงที่การมีตัวตนของ Jessica Biel ที่ยังสวยแบบน่าหลงไหลเหมือนเดิมแน่นอนว่าการแสดงยังเป็นธรรมชาติอยู่ เสียดายในบางช่วงที่บทดันน้อยไป Julianne Moore แสดงเป็นผู้หญิงแกร่งได้เหมาะกับหน้าตาที่ไม่แสดงความอ่อนแอมาเลยจึงเหมาะกับตัวละครนี้ที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
เนื้อเรื่องของ Next นับว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งลูกเล่นและลีลาการวาดเนื้อเรื่องในการดำเสนอที่มีลักษณะคล้ายดูหนังหลายๆสถานการณ์ในที่เดียวกัน ทำให้เห็นจุกหักเหของแต่ละช่วงได้ว่าถ้าทำและไม่ทำจะเกิดอะไรขึ้นตามมา สิ่งที่ชวนให้เนื้อเรื่องอืดคือขาดจังหวะแอ็คชั่นแรงๆที่ไม่ได้ลุ้นระทึกอะไร จึงกลายเป็นว่ามันไม่เร้าอารมณ์มากพอ แต่กระนั้นเป็นว่าการดำเนินเรื่องเป็นไปแบบไม่หลุด ผลที่ได้คือความต่อเนื่องของเนื้อหาที่ไม่มีแอ็คชั่นแรงสูงตามมา คงคิดได้ว่าความธรรมดานี้ยังเป็นเรื่องดีที่หนังดูเพลินเป็นอย่างยิ่งถ้าไม่อยากเร่งรีบ
Next มีจุดที่เซอร์ไพรส์ผู้ชมคือตอนจบของหนังที่หักมุมเนื้อเรื่องที่แล้วๆมาเหมือนเรื่องที่ถูกฉายมาก่อนแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสมหรือไม่ดีก็ตัดทิ้งออกไปและเริ่มเรื่องใหม่ให้ดีขึ้น ยังดีที่หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาพอจะบอกสาระได้อย่างดีนั้นคือการใช้เวลาให้คุ้มค่าและถูกต้องที่สุด"จงอย่าปล่อยโอกาสให้เสียเวลา เพราะสิ่งนั้นไม่ใช่พระอาทิตย์ที่ยังขึ้นใหม่ได้เสมอ" รวมถึงการเลือกหนทางที่ดีกว่าอย่างการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันกับสิ่งที่ถูกต้องเพื่อคนที่เรารัก และอีกหลายสิ่งๆที่ดีกว่าการปล่อยให้เลวร้ายกว่าเดิม