Seed of Chucky (2004) | เชื้อผี แค้นฝังหุ่น
Director: Don Mancini
Genres: Comedy | Horror | Thriller
Grade: C-
กลับมาอีกครั้งในครั้งที่แตกต่างจากเดิม หลังจากเพิ่มสมาชิกใหม่กับแฟนใน Bride of Chucky (1998) ที่งานนี้มีเพิ่มมาอีกในฐานะครอบครัวครบเซ็ตที่ได้ลูกคนแรกมาละเลงเลือดที่บุกเข้าถิ่นฮอลลีวูดเมืองคนดัง หลังจากเปิดตัวสมาชิกใหม่กับตุ๊กตามีชีวิตเกลนไปแล้ว ข่าวที่มารู้ภายหลังคือการทำให้เจอพ่อแม่ของเขาหลังจากกำพร้ามานาน โดยการมุ่งหน้าไปฮอลลีวูดด้วยข่าวที่ว่าจะมีการสร้างหนังเกี่ยวกับพ่อชัคกี้และแม่ทิฟฟานี่ ด้วยเหตุบังเอิญจากการค้นหาอยู่สักระยะทำให้ไปปลุกพ่อกับแม่ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งชัคกี้และทิฟฟานี่เองก็คือตัวฉกาจของเรื่องราวที่ต่างมีเป้าหมายของตัวเองที่ไม่น้อยหน้า แต่ปัญหาครอบครัวกลับไม่ราบรื่นที่คิด ที่ชัคกี้ไม่ได้ลูกตามอย่างหวังเพราะเกลนมีนิสัยอ่อนโยนเกินไปจะให้ตามรอยในฐานะนักฆ่าและทิฟฟานี่ที่เกิดคลั่งดาราจนไม่สนเรื่องคนอื่น แต่อะไรๆก็เหมือนกันในการคืนร่างเป็นคนอีกครั้งและคราวนี้จะเก็บให้ครบทั้งครอบครัวกับแผนยึดร่างดาราฮอลลีวูด
ได้ยินชื่อผู้กำกับก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าเหมือนได้ยินมาจากไหนเพราะคุ้นเป็นอย่างมาก จนมาสังเกตดูดีๆร้องอ้าวเลยว่า"คนสร้างชัคกี้ทั้งสี่ภาค" เป็นถึงคนเขียนบทมานมนานกับแฟรนไชส์ชุด Child's Play ทั้งสามภาคและ Bride of Chucky หนึ่งภาคที่เป็นภาคสี่ คงจะปฏิเสธที่จะห้ามดูไม่ได้เมื่อต้นตำรับเล่นเองกำกับเองแบบนี้ ไหนจะภาคสี่ที่เริ่มเค้าว่ามาดีไม่น้อยแม้จะหลุดไปมากกลายเป็นหนังตลกร้ายจนแผ่วความน่ากลัวน่าหลอนไป แต่การถ่ายทอดและบรรยากาศชวนให้น่าดูน่าชมไม่น้อย และลูกเล่นที่เก็บใส่ตามฉากต่างๆ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ได้ดีและหวังว่าภาคนี้จะมีอะไรเด็ดๆมาเสนอ ซึ่งจากเรื่องย่อได้สร้างความแปลกใจเล็กน้อย(หรือจะมาก) แต่ด้วยการดำเนินที่ต่อจากภาค Bride of Chucky คงพอเดากันได้ว่าหลงเหลือเอาไว้ท้ายเรื่องเป็นเซอร์ไพร์สตกใจคนชม(หรือจะสะใจดี) ฉะนั้นถ้าถามว่าส่วนที่ไม่เคยมีดันมีเพราะอะไรให้คิดเอาล่ะกันว่าในภาคที่สี่เจ้าตุ๊กตาชัคกี้กับทิฟฟานี่ทำอะไรกันแล้วจะทราบเอง
มีใครคิดบ้างไหมว่ายิ่งเนื้อเรื่องไปไกลขึ้นมากเท่าไหร่อะไรๆก็เริ่มจะยังไงอยู่ เริ่มแรกจากฆาตกรชาร์ลส ลี เรย์ที่ลงทุนใส่วิญญาณตัวเองลงตุ๊กตากู๊ดกายเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง แล้วได้รู้ว่าการจะกลับไปเป็นคนได้อีกครั้งต้องเป็นบุคคลเดียวที่ตัวเองบอกความลับให้ฟัง ซึ่งก็คือเด็กน้อยแอนดี้ที่ไม่รู้เรื่องรู้สาอะไร จนกลายเป็นเรื่องราวไล่ล่าระทึกขวัญผสมความตลกน่ากลัวที่ขำไม่ออกเพราะสยองน่าหลอน สำหรับภาคแรกเป็นการจบด้วยดีแบบไม่น่ามีอะไรวิตกกังวล ด้วยลักษณะการปูเรื่องที่มีที่มาที่ไปและเนื้อเรื่องที่บอกอย่างมีเหตุผลทำให้กลายเป็นความเข้มข้นที่หลายคนไม่ลืมกับตุ๊กตาชัคกี้
เมื่อภาคแรกเป็นที่น่าจดจำในวงการหนังสยองคงไม่แปลกเช่นเคยถ้าจะมีภาคต่อเพื่อรักษาแฟนๆให้ติดตามหนังเรื่องนี้ และกลายเป็นว่าภาคสองยังมาแนวที่ไม่เหมือนเดิมคือเพิ่มระดับความระแวงในตัวหนังขึ้น จากภาคแรกที่สนิทสนมจนพกไปกอดแต่ไม่รู้ว่าเป็นมากกว่าตุ๊กตา การจะไปกอดนอนอีกครั้งอาจเป็นเรื่องน่าฝืนใจ ถ้ายังจำแอนดี้ได้จากภาคแรก ภาคที่สองจะช่วยวิสัยทัศน์มุมมองที่ชัดยิ่งขึ้นจนเป็นตัวละครเอกของเรื่อง และด้วยวิธีนำเสนอทำให้ภาคสองเป็นภาคที่แข่งกันได้น่าเครียดระหว่างตุ๊กตากับเด็กที่ฝ่ายตุ๊กตามักหาทางแกล้งให้คนอื่นเข้าใจ และเด็กเองต้องแก้ไขในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้กระทำ จนกระทั้งจบกันแบบแหลกระทึกขวัญไล่ล่าที่สนุกไม่เบื่อ แล้วสุดท้ายความฮิตก็ฮิตเกินจนหนังมาเร็วแบบเขียนบทไม่ทันดีงามเพราะโดนเร่งไอเดียทั้งที่ยังตันกับภาคสามที่หลายคนบ่นในใจว่า"ทำไมมันแผ่วจนไม่สนุกอย่างเคย" เป็นภาคที่เหมาะแก่การทำใจมากที่สุดนับตั้งแต่มีมาทั้สามภาคและมีแววว่าจะจบกันทั้งอย่างนั้น
ด้วยระยะเวลาที่คาดว่าน่าจะหมดหนังชุด Child's Play แล้วจริงๆนั้นกับมีกระแสภาคใหม่มาอีกครั้งที่ไม่ได้ใช้ชื่อเดิมแต่ยังคงเนื้อเรื่องต่อเค้าเล็กน้อยที่ไม่ได้เจาะจงแบบเดิมอีกแล้วคือ Bride of Chucky ที่งานนี้มาเป็นภาคสี่แบบอ้อมๆ ถ้าลองมองดีๆจะพบว่าไม่ใช่แค่ 7 ปีที่หายไปเท่านั้น ยังรวมถึงเป็นปีครบรอบ 10 ปีของตำนานชัคกี้อีกด้วย แม้การดำเนินเรื่องจะเปลี่ยนรูปลักษณะอย่างเคยไปก็ยังพอมีนัยๆอยู่บ้างเล็กน้อย เริ่มจากที่ว่าความต้องการอยากกลับกลายเป็นคนเริ่มน้อยลง ไม่รีบไม่ร้อนอย่างเคยที่อยากหลุดๆร่างตุ๊กตา คำถามคือการกลับมาของชัคกี้ในภาคที่สี่ที่มาใหม่มีอะไรแปลกตาแปลกใจจากเดิมบ้างแค่ไหน ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ชมเป็นสำคัญว่ารู้สึกแบบไหนกับหนังชุดนี้มาก่อนที่แน่คืองานนี้มีเปลี่ยนมากกว่าเดิมที่ไม่ได้น่ากลัวจริงๆจังเช่นเคยแต่แอบกลัวเล็กๆมาพร้อมกับความสยองที่ปะปนกับความตลกที่ร้ายกาจ อันเป็นเพราะตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เท่ากับมีเป็นสอง และเป็นครั้งแรกที่เนื้อเรื่องเริ่มจะเปลี่ยนนิสัยชัคกี้ให้แล้ว
ความโหดเหี้ยม เจ้าเล่ห์ ชอบซุ่ม คือเอกลักษณ์ประจำของชัคกี้ที่โดดเด่นไปพร้อมกับการชอบตลบหลังเหยื่อที่ไม่ทันตั้งตัวได้ทันเพราะคิดว่าเป็นเพียงตุ๊กตาธรรมดา และยังคงเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอดกับความโหดที่สร้างความน่าหวาดกลัวกับแต่ละฉาก จนเรื่องราวมาถึงภาคที่สี่ที่คาดว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่หักเหความดั้งเดิมออกไปจนคล้ายกับ"ครื้นเครง"เริ่มเปลี่ยนแปลงบางอย่างออกไปจากสิ่งที่คุ้นเคยกลายเป็นความตลก(ร้าย)
เมื่อมองย้อนเวลากลับการจะเรียกความสนุกกับนิยามคำว่าสร้างเสียงหัวเราะเป็นเรื่องที่เป็นไปแทบไม่ได้ที่ความสยองขวัญจะลงกับมุขตลกเฮฮาแบบรู้สึกมีความสุข แต่ด้วยระยะตอนนี้ที่อุตส่าห์มีภาคต่อจนนับได้ถึงห้าภาค เป็นเรื่องปฏิเสธไม่ได้ที่ยังมีแฟนๆคอยงานเรื่องนี้ที่มีโอกาสสร้างภาคต่อที่ยิ่งทำยิ่งไม่ได้น่าดูเท่าภาคแรก บางทีการเปลี่ยนบทเล็กๆน้อยๆอาจหมายถึงจุดเปลี่ยนชีวิตของตัวละครที่เลิกงมงายกับตัวละครเดิมๆที่ใช้ซ้ำมาติดต่อสามภาคแรกเป็นเรื่องที่ดีที่พาให้ผู้ชมเกิดความคิดที่ไม่ต้องตั้งประเด็นว่าเพราะอะไรเนื้อเรื่องถึงยืดยาวมากขนาดนั้นทั้งที่ฝ่ายเด็กเองก็เริ่มโตขึ้นจนเป็นนักเรียนเตรียมทหารในภาคสามที่โตขึ้นจากเด็กเป็นวัยรุ่น ผิดกับชัคกี้ที่ไม่มีพัฒนาการใดๆนอกจากจะกลับเป็นมนุษย์ท่าเดียว และงานนี้ได้ไอเดียที่แปลกมาสานต่อในภาคสี่คือการเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างไม่น่าเสียกับเกลนตัวละครใหม่ที่สร้างความบันเทิงแบบคลาสสิคให้หายไปกับพ่อชัคกี้
สำหรับหลายคนที่ไม่เคยแตะภาคสี่หรือภาคก่อน สมควรแนะนำอีกนิดว่าไปหาดูภาคสี่มาชมก่อนคร่าวๆเผื่อว่าสงสัยทำไมถึงมีลูกมีเมียได้ทั้งที่สามภาคก่อนก็ไม่มีวี่แววอะไรต้องมี สำหรับโครงเรื่องโดยหลักแล้วจะมีอยู่กันไม่กี่ช่วง ช่วงแรกจะเล่าถึงตัวตนชัคกี้และจุดประสงค์เรื่องราวเป็นหลัก ช่วงที่สองนำเสนอทิฟฟานี่ว่าคือใคร ต้องการอะไร และผลคือทำไมถึงเป็นตุ๊กตา และช่วงสุดท้ายคือเกลนตัวละครเดียวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกจากยางพลาสติก
ในด้านมิติของตัวละครผู้ที่ไม่ต้องกล่าวอธิบายเพราะรู้กันอยู่แล้วคือชัคกี้ที่ลงไม้ลงมือกันแบบโรคจิตที่หาเหตุผลฟังไม่ขึ้น จนพลอยพลัดลู่ทางกลายเป็นแฟนทิฟฟานี่ที่ดูมีระยะมิติที่น่าสนใจและลึกซับซ้อนในระดับหนึ่ง และเกลนที่กินอารมณ์จนทำหนังชุดชัคกี้ได้หน้าอับอายจนผิดเพี้ยนจากความแน่วแน่กลายเป็นเรื่องอ่อนแอที่ปวกเปียก พิจารณาการเป็นถึงลูกนักฆ่ามือโปรและเหี้ยมโหดทั้งพ่อและแม่สมควรเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แต่ทว่า Don Mancini เขียนบทจนเกินเลยไอเดียแบบเก่าซะไม่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่น่าติดตาม ถึงได้กลายเป็นดราม่าที่คราวนี้เกลนเป็นตัว(จะ)หลักในเนื้อเรื่อง
เกลนถือกำเนิดมาจากภาคสี่แบบปิดท้ายและเริ่มเป็นตัวหลักที่โดดเด่นมากขึ้นในภายหลังกับภาคห้าที่แสดงถึงความเป็นเด็กที่สับสนในใจถึงจุดยืนของตัวเองว่าคือใคร ทำไมถึงแตกต่างอย่างคนอื่น และตอนนี้ควรจะทำอะไรต่อไปที่ควรจะมากกว่ามาโชว์ต่อหน้าคนดูที่นึกว่าเป็นของแปลก นับตั้งแต่การเลี้ยงดูแต่เด็กทำให้ทราบถึงปมด้อยของเรื่องความผูกพันที่ไม่มีความอบอุ่น มีคำถามในใจมากมายแต่ไม่เคยจะเข้าใจหรือได้คำตอบที่กระจ่างมากพอให้เชื่อ จนช่วงเวลาได้ผ่านไปถึงห้วงของมันเองที่จะเจอคำตอบนั้นคือพ่อแม่ของเขาที่มารู้อีกทีภายหลังว่ามีความวิปริตที่รุนแรงในทางเลือกที่แสนพิสดารด้วยการเป็นตุ๊กตาที่มีวิญญาณของคนจริงๆ ถึงแม้จะหายคล่องใจเรื่องอดีตของตัวเองมา แต่อีกสิ่งหนึ่งที่มีปัญหามากกว่าปมเรื่องทั่วไปคือการมีบุคลิกที่ไม่แน่ชัดพอว่าสมควรอยู่ฝั่งไหนระหว่างชายกับหญิง ในขณะที่พ่อชัคกี้เองนำเสนอในความเป็นชายที่ต้องมีความเหี้ยมในตัวและเจ้าเล่ห์พอที่จะเอาตัวรอดได้โดยพึ่งความกล้าและไร้ความปราณีในการจัดการเหยื่ออย่างไม่มีเยื่อใย ในขณะที่อีกฝั่งแม่ทิฟฟานี่ก็ชอบให้ลูกตัวเองเป็นหญิงมากกว่าจะได้ลูกชายทำกลายเป็นว่าต่างคนต่างเลี้ยงดูจนระบุไม่ได้ว่าความเป็นครอบครัวจะเรียกได้เต็มปากคล้ายการบีบบังคับของทั้งสองฝ่ายจนเกลนสับสนมากกว่าเคย
ประเด็นเรื่องครอบครัวอาจใช้ได้จริงเพียงแค่เล็กน้อยเพราะสุดท้ายแล้วความเป็นหนังสยองขวัญยังพาไปในเส้นทางที่ตัวเองเป็นนั้นคือความรุนแรงที่พาแก้ไขในรูปแบบผิดๆที่สุดท้ายไม่ได้ดีขึ้น แถมยังเป็นการส่งเสริมที่สวนทางกับการแก้ปัญหา แต่ที่แน่คือความเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนั้นคือการสลับร่างกับคนและตุ๊กตา เป็นธรรมดาอีกครั้งที่ต้องหาเหยื่อรับเคราะห์ในเรื่องนี้และไม่พ้นดาราฮอลลีวูดเพราะความบ้าโดยส่วนตัวที่ทำให้ทิฟฟานี่อยากได้ร่างที่ต้องการเร็วๆ แต่ทว่าความคิดนี้กลับมีจุดเปลี่ยนและคนที่เปลี่ยนไปคือชัคกี้เพราะเห็นความจริงบางอย่างเกี่ยวกับร่างของตนเองที่อยู่ในตุ๊กตามานานจนเริ่มมีความคิดใหม่ว่าจะไม่กลับไปร่างมนุษย์อีกด้วยเหตุที่ว่าไม่แก่ไม่เสื่อมตามเวลานั้นเอง ด้วยความเห็นที่ไปๆมาๆไม่ลงรอยจึงเกิดศึกภายในด้วยความคิดที่อยากเหมือนเดิมกับคงเดิม ซึ่งความขัดแย้งนี้กว่าจะรู้สึกกันได้ก็แทบจะไคลแมกซืเรื่องราวกันแล้ว ยอมรับว่าประเด็นนี่น่าสนใจและทำให้ผู้ชมคิดว่าถ้าชัคกี้ไม่สนใจจะกลับร่างแล้วสิ่งที่จะทำต่อไปคืออะไร จากจุดนี้ก็คงอธิบายอะไรไม่ได้ชัดเจนดังกล่าวด้วยเหตุที่ว่ายังวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวอยู่และเป็นเกลนที่ไม่รู้ว่าจะอยู่กับฝ่ายไหน
โทนหรือบรรยากาศเข้าขั้นเป็นสมัยใหม่ ไม่มีอะไรที่ช้าๆค่อยลุ้นเหมือนแต่ก่อน เนื่องจากใครๆก็รู้ว่าแบบเก่าหายตกใจกันหมด ถ้ายังเล่นเป็นตุ๊กตาแช่แข็งตลอดจนน่าระแวงก็คงมาอีหรอบเดิมอีกแน่นอน ฉะนั้นความตกใจน่าตื่นเต้นจะหายไปกลายเป็นตลกร้ายเอาระทึกขวัญที่พร้อมจะหักมุมได้ตลอด ด้วยการแสดงที่ตุ๊กตามามากคนจึงน้อย งานนี้ตัวละครก็เลยมาน้อยและเป็นคนที่ดันมาได้อย่างไงก็ไม่รู้ซึ่งแสดงในภาคสี่อีกด้วยที่เล่นเป็นทิฟานี่ตอนเป็นคนเป็นๆก็คือ Jennifer Tilly ที่กลับมาเล่นในอีกบทที่ไม่มีความเกี่ยวโยงถึงทิฟฟานี่ร่างตุ๊กตาใดๆ คงเป็นว่าด้วยระยะที่ทิ้งห่างจากภาคสี่ 6 ปีอาจไม่มีอะไรให้เอ่ะใจก็ได้ล่ะมั้ง แต่เธอแสดงได้ดีและกรี๊ดได้เหนื่อยเอาเรื่องจนสติจะแตกกันเลย
จัดได้ว่าเป็นหนังที่กำลังแย่แต่ไม่ได้หมายความว่าแย่แล้ว เพียงไม่สามารถเทียบกับของภาคก่อนๆได้ แม้ว่าจะเค้าลูกเล่นจากภาคสี่ในการกัดจิกในเรื่องต่างๆในวงการหนังก็แล้ว ซึ่งปัญหาในภาคห้าคือความยุ่งยากที่แสนวุ่นวายในด้านตัวละครที่มีนิสัยอ่อนปวกเปียกจนน่าจะรำคาญอย่าง เช่น เกลนที่ทำให้เนื้อเรื่องยุ่งยากขึ้น รวมถึงแผนของทิฟฟานี่เองที่สร้างโจทย์ขึ้นมามากมายจนคล้ายไร้สาระ และหนักสุดคือบทบาทของชัคกี้ที่ไม่องอาจหรือน่ากลัวเท่าก่อนๆ เนื่องจากความตลกขบขันที่ใส่เข้ามาจนได้เลือดที่ไม่โหดแต่รุนแรงประมาณว่าพอน่ากลัว แต่เอาตรงๆแล้วไอเดียต่างๆที่เกิดขึ้นประดุจการโจมตีถึงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการล้อเลียนดาราฮอลลีวูดหรือหนังต่างๆที่หยิบเล็กหยิบน้อยมาให้แปลกใจว่าคุ้นตา อาจเป็นไปได้ว่าเนื้อเรื่องการเขียนบทเริ่มหมดไอเดียเพราะเอาจริงๆไม่มีเนื้อหาอะไรให้แน่นเลย ในขณะที่ความต่อเนื่องยังพาให้สนุกแบบลูกบ้าเกินตัวจนใครที่ไม่เคยดูภาคก่อนๆอาจชอบภาคนี้เข้าเพราะลูกเล่นมันเยอะดีและบ้ามากด้วยที่เสนอได้แบบแสบๆคันๆและฮาด้วย