The Return of Godzilla (1984) ก็อตซิลล่า 85 ทลายโลก, คืนชีพก็อตซิลล่า ถล่มโตเกียว

The Return of Godzilla (1984)
ก็อตซิลล่า 85 ทลายโลก / คืนชีพก็อตซิลล่า ถล่มโตเกียว
Director: Koji Hashimoto, R.J. Kizer
Genres: Action | Sci-Fi | Thriller
Grade: B+

อย่างแรกคือมาทำความเข้าใจกันก่อนนะว่านี้จะเป็นภาคที่ไร้การเชื่อมโยงใดๆกับเนื้อเรื่องก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น ยกเว้นภาคแรกของปี 1954 ที่จะเป็นการอิงหลังจากนั้นประมาณ 30 ปีให้หลัง(การวาระครบรอบไปในตัว) ดังนั้นนับตั้งแต่ภาค Godzilla Raids Again (1955) - Terror of Mechagodzilla (1975) จะเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย หรือคิดเอาเล่นๆว่าเป็นอีกจักรวาลหนึ่งไปเลยก็ได้เพราะเป็นช่วงที่ก็อตซิลล่าเป็นฝ่ายดี และการเป็นฝ่ายดีนี่เองที่ทำให้ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นช่วงที่ก็อตซิลล่ารักโลกเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมสู้ศึกกับสัตว์ประหลาดตัวต่างๆจนทิ้งแนวจากภาคแรกทั้งประเด็นและความน่ากลัวไปโดยปริยาย ดังนั้นการกลับครั้งนี้จะเป็นเส้นเรื่องใหม่ที่จริงจังมากขึ้นและให้ก็อตซิลล่ากลับมาน่าหวาดกลัวเฉกเช่นภาคแรกที่ทำให้ชาวแดนอุทัยจะต้องตระหนักอีกครั้งกับนิวเคลียร์เคลื่อนที่ตัวนี้ และที่สำคัญคือจะมีการกล่าวถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างทั้งเนื้อเรื่องและขนาดตัวของก็อตซิลล่าที่ต้องใหญ่ขึ้นเพื่อเป็นการย่ำเตือนบางสิ่ง สำหรับในที่นี้คือโรงงานนิวเคลียร์เพราะสิ่งนี้คืออาหารชั้นเลิศของก็อตซิลล่า มันเติบโตได้เพราะสิ่งนี้ เมื่อโตขึ้นได้ย่อมหมายถึงการใช้พลังงานที่ไม่หยุดหย่อนเช่นกัน


ถึงแม้การกลับมาในรูปแบบใหม่หรือดั้งเดิมนี้จะไม่เป็นที่ถูกใจสำหรับเด็กๆเท่าไหร่เพราะมีการวางบรรยากาศที่เข้มข้นและครึ้มเครียดกว่าจะเป็นหนังสัตว์สู้กันแบบการ์ตูนอย่างที่เด็กต้องการเพราะก็อตซิลล่ารักโลก ทว่านี่คงเป็นการบอกลาด้วยอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการพักจนใครหลายคนลืมเลือนไปแล้วเกี่ยวกับประเด็นตัวจริงเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ที่ควรจะออกมาโหดร้ายมากกว่าที่เป็น ทำให้ใครหลายคนไม่ได้ตีค่ากับหนังก็อตซิลล่ามากอย่างที่เป็นและเป็นการจบในยุคโชวะกับภาค Terror of Mechagodzilla (1975) ด้วยรายได้ที่ไม่งดงามทำให้ถึงคราวจบฉากลง แต่ด้วยเสียงเรียกร้องความฮิตที่ทำไม่รู้ลืมทำให้การกลับมาของก็อตซิลล่ายังมีฝั่งฝันไม่ใช่น้อยจนกระทั่งเวลาที่ผ่านมานานก็ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ในแบบฉบับที่คุ้นตาเช่นภาคแรกพร้อมกับสร้างหลักไมล์เกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่จริงจังในการต่อยอดต่อไปอีกภาคโดยไม่ทำให้งงแบบที่ผ่านมาเดี๋ยวทีเล่นทีจริงแต่จะจริงๆก็หลังจากนี้แหละ ส่วนภาคนี้เนื้อเรื่องจะพุ่งมาที่ก็อตซิลล่ากับฝ่ายรัฐบาลถึงวิธีจัดการแก้ปัญหายังไงบ้างในการรับมือสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นเรื่องคู่ต่อสู้หรือสัตว์ประหลาดตัวอื่นยังไม่ปรากฎให้เห็นนอกจากการทำให้ผู้ชมเห็นความสัมพันธ์ในจุดนี้ก่อน

สิ่งที่ออกจะเหวอนิดนึงคือโทนมาแปลกกว่าที่คุ้นเคย เริ่มตั้งแต่เปิดเรื่องกับฉากนักประมงกำลังฝ่าพายุแต่เกิดไปเห็นเกาะระเบิดเข้าด้วยแสงที่วูบวาบทำให้หลายคนช็อคกันไปเลย จากนั้นตัดมาที่โกโร่ มากิ (Ken Tanaka) นักข่าวที่ไปเจอเรือประมงเข้าหลังจากหายไปและไร้การติดต่อกลับมาได้ขึ้นไปสำรวจก่อนจะต้องประหลาดใจเมื่อพบศพคนกลายสภาพเหี่ยวแห้งประหนึ่งมัมมี่เพราะการจู่โจมของเหาทะเลขนาดยักษ์ที่ดูดเลือดไปหลายศพ ทว่าภายในเรือที่เหมือนจะไร้วี่แววผู้คนก็พบกับฮิโรชิ โอคมูระ (Shin Takuma) ชายผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว แต่ที่ประหลาดใจที่สุดคืออาการหวาดกลัวไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเรือแต่หากหมายถึงเหตุการณ์ที่เขาได้เห็นต่อเสียงระเบิดและแสงที่กระพริบวูบวาบ เพราะนั้นคือก็อตซิลล่าสิ่งมีชีวิตที่หายไปยาวนานได้ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว ช่วงแรกของหนังไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ไปกว่าทำให้ตำนานราชันได้ถูกกล่าวชื่อออกมาโดยไม่ทันได้เห็นตัวเป็นๆทั้งยังสร้างความหวาดกลัวที่ส่งผลทางจิตใจไปชั่ววูบหนึ่ง(ไม่สนแม้กระทั่งคนในเรือที่ตายแต่เลือกสนในสิ่งที่เห็นมากกว่า) ฮิโรชิจึงเสมือนตัวแทนของชาวญี่ปุ่นในด้านหนึ่งเกี่ยวกับความจริงที่กลับมา ก็อตซิลล่าเดิมคืออะไรนั้นย่อมเข้าใจกันดีในฐานะสิ่งมีชีวิตนิวเคลียร์เคลื่อนที่ ดังนั้นการปรากฎตัวไม่ว่าจะเป็นแค่ชื่อหรือสัญลักษณ์อะไรก็แล้วแต่ที่บ่งบอกการห้วนคืนของสัตว์ประหลาดต้องมีก็อตซิลล่าอยู่ในหัวของคนญี่ปุ่นไม่เปลี่ยนแปลง เพราะสิ่งนี้คือความอัปยศที่สมควรระลึกเสมอ


ยกเว้นกับภาคแรกในช่วงยุคโชวะเราได้เห็นก็อตซิลล่าพิทักษ์โลกดูเป็นช่วงเวลาแห่งมิตรคล้ายการ์ตูนธรรมะปราบอธรรม แต่ช่วงเวลานั้นได้หายไปโดยสิ้นเชิงด้วยภาพลักษณ์ในมุมมองอีกแบบจึงออกมาดูแนวสยองขวัญและกดดันประกอบกับฉากที่ให้ความเข้มข้นออกโทนมืด ตัวอย่างฉากก็อตซิลล่าโผล่มาถล่มโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ อันที่จริงการบอกถล่มคงฟังไม่เกินเลยหากสังเกตดีๆนี่จะเป็นการบริโภคอย่างหนึ่งของก็อตซิลล่าที่ชื่นชอบพลังงานนิวเคลียร์และฉากนี้ก็อตซิลล่าได้ดูดซับพลังงานนี้อย่างเอร็ดอร่อยด้วยการใช้ด้านหลังครีบ

ถ้าพิจารณาอีกหน่อยมองว่าท้องฟ้าดูสดใสเป็นสีฟ้าอาจเหมาะกับเด็กที่ยังดูได้ ทว่ากลับออกมาดูมืดหม่นแฝงความน่ากลัวเต็มเปี่ยม แล้วไหนจะฉากบุกโตเกียวยิ่งเป็นอะไรที่ดูอลังการงานสร้างในการวางฉากและโทนได้อย่างเหมาะสมราวกับขุมนรกที่ประทุเดือดยังไงอย่างงั้นเลย ทำให้การกลับมาของก็อตซิลล่าเป็นการจัดเต็มเรื่องเอฟเฟคได้ดีมากทีเดียวในขณะที่ทางเนื้อเรื่องเองก็ใช่ย่อยใส่ประเด็นสงครามเย็นเกี่ยวกับประเทศมหาอำนาจได้อย่างแนบเนียนไปกับการบุกของก็อตซิลล่าและยังโยงเกี่ยวพันกับรัฐบาลญี่ปุ่นในการแก้สถานการณ์อีกด้วย จึงเป็นข้อสังเกตการเล่าเรื่องและสไตล์เข้าประเด็นกุมรัดตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัดในแบบระทึกขวัญ


ไม่ว่าจะฉากที่ขับเน้นตัวก็อตซิลล่าให้ออกมาใหญ่เพื่อตอบสนองยุคสมัยที่แตกต่าง การถกกันเรื่องปราบก็อตซิลล่าด้วยนิวเคลียร์ ใช้อาวุธยาน Super X ที่เก็บเอาไว้ยามจำเป็น ตลอดสิทธิ์การรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับก็อตซิลล่า หลายสิ่งหลายอย่างทำได้อย่างเป็นระบบมีชั้นเชิงการเล่าที่ดี อย่างเรื่องการไม่บอกเรื่องก็อตซิลล่าให้คนในประเทศรู้แต่ต้องการปกปิดเป็นความลับเอาไว้ก่อนแสดงออกถึงสื่อที่ยังมีข้อบกพร่องตกภายใต้รัฐบาลที่ยังลังเลเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ซ้ำยังกลัวประชาชนแตกตื่นจนเศรษฐกิจล่มเอาได้ แต่ภายหลังได้ตัดสินเปิดเผยด้วยตัวเองก็เป็นการบ่งบอกถึงทางตันในการแก้ปัญหาด้วยเช่นกันเพราะเดิมคิดว่ากองทัพที่มีอยู่จะสามารถเอาอยู่ได้ ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้นแถมยังสร้างความเสียหายหนักเข้าไปกว่าเดิมจากการบุกถล่มเมืองอย่างไร้ความปราณี กระนั้นไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่สิ่งเหล่านี้ได้แสดงออกถึงการใช้อำนาจอย่างระมัดระวังเพื่อภัยนอกประเทศหรือที่ตอนนี้กำลังประสบคือสงครามเย็น เฉกเช่นกับฉากนั่งโต๊ะพูดคุยถึงอเมริกาและรัสเซียเกี่ยวกับการกำจัดก็อตซิลล่าด้วยนิวเคลียร์ก่อนนายกญี่ปุ่นขอปฏิเสธการใช้วิธีนี้เพราะยังเห็นว่าตัวเองยังไม่หมดทางสู้

สำหรับการปฏิเสธการใช้นิวเคลียร์คือประเด็นหลักที่น่าจดจำเพราะคงมีแต่ชาวอุทัยด้วยกันที่ลึกซึ้งในข้อนี้ดีว่าทำไมถ้าย้อนกลับไปสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่โดนถล่มด้วยนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมากับนางาซากิจนเป็นบาดแผลที่แก้ไม่หายและคงตอกย้ำไม่เจือจาง นับเป็นบทเรียนชิ้นสำคัญที่ยากจะลืมเลือน


The Return of Godzilla นับว่าเป็นการกลับมาของก็อตซิลล่าที่น่าภาคภูมิและสมเกียรติที่สามารถทำให้ทุกอย่างลงตัวไปกับยุคสมัยพร้อมกับตีความได้อย่างแยบยลไปกับตัวก็อตซิลล่าได้เกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ที่จ้องจะเล่นงานอย่างลับๆของประเทศมหาอำนาจ แต่ที่ชอบคือเรื่องของฉากที่นับว่าแปลกตาเพราะเข้าขั้นแนวระทึกขวัญอารมณ์ออกมาได้สมชื่อสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวบวกกับเสียงของก็อตซิลล่าที่ขับได้น่าหวาดกลัว

กระนั้นตัวหนังยังคงสูตรสำเร็จไปบ้างตามสเต็ปท้องเรื่องที่จะต้องมาบุกญี่ปุ่นไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง ซ้ำเนื้อเรื่องยังมีจุดที่เล่าเยอะไปหน่อยเพราะมาขยายเนื้อเรื่องทางฝั่งคนจนบางทีก็น่าเบื่ออยากให้ก็อตซิลล่าโผล่มาไวๆ แต่อย่างน้อยเอฟเฟคเรื่องการวางฉากต่างๆนับว่าค่อนข้างดีพอตัว ระเบิดได้สมจริงเหมือนเกิดขึ้นจริงๆ ที่น่าชื่มชมคือการโต้กลับด้วยเทคโนโลยีกับยานสุดไฮเทคนาม Super X จนทำให้ก็อตซิลล่าล้มลงได้นี่สิที่นับว่าไม่ธรรมดา เนื่องจากนับตั้งแต่ภาคแรกมาก็หาการโต้กลับก็อตซิลล่าได้ยากลำบากเพราะไม่มีสิ่งไหนจัดการได้เลย ดังนั้นสิ่งนี้ได้บ่งบอกถึงความกล้าเผชิญและรับมือได้อย่างเพียบพร้อมไปในตัว เช่นเดียวกับภัยพิบัติที่ถึงจะไม่มีแต่ต้องรู้จักรับมือเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ นอกจากนี้ยังมีอะไรไม่เท่ากับฉากจบที่จบลงด้วยความอึดอัด สะเทือนใจ กล้ำกลืน แสนเจ็บปวด ไม่ใช่ว่าก็อตซิลล่าเป็นฝ่ายชนะทำลายทุกสิ่งอย่างแล้วจากไป ทว่าเราชนะก็อตซิลล่าต่างหาก ในฉากนี้ไม่มีใครร้องเสียงดีใจ ไม่มีเพลงประกอบที่ฟังแล้วโล่งอก จะมีก็แค่สายตาที่มองไปยังฉากสุดท้ายของก็อตซิลล่าด้วยความรู้สึกละอายใจ มันกลายเป็นเรื่องเศร้าไปในทันที

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)