Triangle (2009) เรือสยองมิตินรก


Triangle (2009) | เรือสยองมิตินรก | A-
Director: Christopher Smith
Genres: Fantasy | Mystery | Thriller
www.imdb.com/title/tt1187064/

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

เจส(Melissa George)เดินทางไปที่ท่าเรือกับเพื่อนๆที่มีสมาชิกกัน 5 คน ได้แก่ เกร็ก(Michael Dorman),แซลลี่(Rachael Carpani),ดาวน์นี่(Henry Nixon),วิคเตอร์(Liam Hemsworth),เฮียเตอ(Emma Lung) โดยเป็นการไปเที่ยวเดินเรือเล่นในท้องทะเล ทว่าต้องมาเจอพายุเข้ากระทันหันแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อน ทำให้เรือเกิดอับปางและพังจนไม่สามารถใช้ได้ต่อ ระหว่างการรอคอยความช่วยเหลือจู่ๆมีปรากฏเหลือเชื่อเกิดขึ้นเมื่อมีเรือสำราญขนาดใหญ่พุ่งตรงมาที่พวกเขา เมื่อได้ขึ้นเรือสำราญนั้นกลับแปลกใจที่ไม่มีใครอยู่ที่เรือเลยแม้แต่คนเดียว ฉะนั้นเรือลำนี้มาจากไหนแล้วทำไมผู้คนถึงหายไปหมด แล้วเรือลำนี้กำลังมุ่งตรงไปที่ไหนเป็นเป้าหมายหรือเปล่า

แรกๆเหมือนไม่มีอะไรกับเนื้อเรื่องที่กล่าวกับการดำเนินเนื้อเรื่องเป็นหนังระทึกขวัญทั่วๆไปที่ต้องมีอะไรเซอร์ไพร์สบนเรือสำราญปริศนานั้นแน่ๆแต่พอดำเนินเรื่องไปสักพักต้องแปลกใจตัวเองที่เกิดเรื่องสยองขวัญเข้าเมื่อมีฆาตกรในเรือ ตอนแรกที่ชมคิดว่าคงเป็นหนังสยองเกรดบีทั่วๆไปที่ไม่คำนึงเหตุผลเป็นหลักอยู่แล้ว เน้นไล่ล่าหรือฉากรุนแรงเป็นหลักในการกระตุ้นเรื่องราว จนดำเนินเรื่องไปสักระยะเริ่มรู้สึกแปลกกับเจสที่มีนิสัยคล้ายซึมเศร้าและก็อ่อนไหวง่าย ซึ่งอาจเป็นเอกลักษณ์ของนางเอกที่อ่อนแอแต่ใจแกร่ง



คนที่แสดงเป็นนางเอกเจสคือ Melissa George ในความเห็นส่วนตัวการได้เห็นการแสดงของเธอช่างน่าดึงดูด ที่ได้เห็นอารมณ์ที่ชิดใกล้เหมือนติดตามเธอไปตลอดเรื่อง ทั้งเรื่องการแสดงถือว่าดีแถมหนังเองจัดให้มีมิติหลายรูปแบบจึงเห็นสปิริตเอาจริงเอาจังของเธอได้ง่าย แถมประเด็นหลักคือสวยตามสไตล์วัยสาวที่นุ่งขาสั้นเสื้อกล้าม ส่วนนักแสดงคนอื่นๆก็ใช่ได้ดีแต่หนังไม่ได้เจาะจงที่ใครมากยกเว้นเจสที่เป็นนางเอก ถ้าถามว่านางเอกมีแล้วงั้นพระเอกล่ะเป็นไง คำถามนี้จะสลัดทิ้งทันทีเพราะในเรื่องไม่มีพระเอกใดๆมาช่วยนางเอก มีแต่นางเอกที่ต้องช่วยเหลือตัวเองทั้งเรื่อง

ตามสูตรหนังสยองเรื่องมุมกล้องและสถานการณ์แวดล้อมคับแคบชวนอึดอัดอยากไปข้างนอกอยู่แล้วกับ Triangle ยิ่งตรงประเด็นทันทีหลังจากเข้าไปในเรือเพราะจากนั้นจะไม่มีอะไรให้ชวนปลอดภัยชวนระแวงหลังได้เรื่อยๆ นับว่าการดำเนินเรื่องมีประโยชน์หลายๆด้านที่ไม่จำเจกับในตัวเรือเพราะเนื้อเรื่องจะพาไปยังที่ต่างๆที่ไม่คับแคบ มีฉากกว้างๆสวยๆพอเล็กน้อย มีโทนของหนังที่มืดๆบางทีก็สว่างจนเหมือนมีความปลอดภัยสูง ซึ่งในเรื่องแสดงต่างออกให้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ที่น่าสนใจคือบรรยากาศที่มีหลายระดับทั้งไอน้ำ ที่มืด สว่าง ท้องทะเล ชายหาด ที่แตกต่างกันไปไม่ซ้ำเรื่องราว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรใหม่เว้นแต่ว่าหนังมีต้นทุนไม่สูงนัก นับว่างานออกมาดีในแนวชาติอังกฤษ



การที่หนังได้ทิวทัศน์เสริมนั้นมาจากการถ่ายทำออสเตรเลีย ซึ่งบรรยากาศก็ออกแนวนั้นอยู่แล้วว่าไม่คุ้นเคย เอาเป็นว่าเข้าที่ตัวหนังกันว่าเป็นอย่างไร บอกได้ว่าไม่เลวกับงานสยองขวัญที่สั่นประสาทขนาดนี้ที่อัดลูกเล่นน่าทึ่งน่าตื่นเต้นสูงมาก มีการดำเนินเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไปในช่วงแรกทำให้ยังไม่มีอะไรสะดุดตานักจนไปเจอพายุเข้า เอฟเฟคตรงพายุจัดว่ากำลังดีมองผิวเผินแล้วน่ากลัวกับความทะมึนที่เข้ามา แต่เสียไปหน่อยตอนสร้างสถานการณ์พายุกับคลื่นที่ยังไม่เนียน ตอนเรือสำราญโผล่มาเป็นฉากที่ตระการตาไม่ใช่อลังการแต่หมายถึงมันติดตา มาแบบกว้างๆแถมแปลกๆที่จู่ๆโผล่ออกมาดื้อๆแบบงงๆว่ามาจากไหนซึ่งจะเป็นประเด็นกันต่อไป การเดินเรื่องหลังจากขึ้นเรือเริ่มออกความสนุกของเรื่องราวลึกลับอย่างเห็นได้ชัด เกิดปมประเด็นขึ้นตามเหตุการณ์จนพอถึงจุดหนึ่งจะรู้ว่า"อ้าวเฮ้ย"

ข้อดีคือเรื่องบทที่แน่นมีหลักมีเกณฑ์ที่สูงมีเหตุผลรองรับได้ตลอดทุกการกระทำ ที่สำคัญถ้าคิดเป็นพล็อตอาจคิดว่าแปลกๆและสั้นแต่เมื่อลงรายละเอียดแล้วก็เหมือนเจอเนื้อเรื่องใหม่ ฉะนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะมีความเข้าใจของตัวมันเอง เมื่อเป็นถึงหนังสยองข้อเสียจึงมีอยู่ที่ว่าความสยองไม่ค่อยมีอาจเป็นเพราะเข้าขั้นสืบสวนไปแล้วเพราะมีปมปริศนาให้หาความจริงตลอด หนังก็เลยมีความเครียดในตัวไม่น้อยซึ่งจุดนี้คนดูอาจมีมึนกันได้ถ้าตามหนังไม่ทัน หนังมีข้อเสียอีกอย่างสำหรับคนที่ยังไม่ตีความเนื้อเรื่องละเอียดพอเพราะทุกอย่างมีเหตุผลที่เกิดขึ้นก็เท่ากับว่าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างบังเอิญและประจวบเหมาะแทบทุกอย่าง ฉะนั้นความน่าเบื่อจะอยู่ตรงที่ว่าถ้าเดาได้ก็เดาไป แต่เดาไม่ได้หมดทุกอย่างแน่นอนเพราะหนังเตรียมหักมุมคอยผู้ชมแล้วว่าจะคิดยังไง ซึ่งถ้าเข้าใจกับระบบเวลาลูปแล้วล่ะก็จะคิดได้ทันทีกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องอย่างเป็นระเบียบที่น่ากลัว



เข้าใจกับคำว่า Triangle มากแค่ไหนสำหรับความคิดในตัวคุณที่มีอยู่ ในเมื่อรู้กันอยู่แล้วว่าหมายถึงสามเหลี่ยม แต่อันที่จริงแล้วตัวหนังมีความเป็นไปได้สูงที่กล่าวถึงอีกแง่หนึ่งเป็นสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าซึ่งน่าจะคุ้นมากที่สุดว่าอะไรควรเชื่อมโยงถึงสามเหลี่ยม แต่ประเด็นได้ต่อยอดถึงความเป็นไปได้ถึงความไม่สิ้นสุด เมื่อถึงจุดที่เต็มที่แล้วจะหักเหไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในทางใหม่และกลับมาเป็นเช่นเคยและวกกลับมาซ้ำที่เดิม ในทางเดียวที่ต่อยอดได้เรื่อยแต่ซ้ำรอยเดิมเป็นการกล่าวถึงเรื่องซ้ำๆที่เดิมแต่ดูกันคนละมิติคนละช่วงในลูปวงเดียวกันที่เป็นลูปขนาดใหญ่ เจสตัวละครหลักที่มีทิศทางที่แน่นอนในการจับตามองที่เริ่มค้นพบถึงความผิดปกติอย่างร้ายแรงและเต็มไปด้วยความพิศวงที่น่าประหลาดใจเมื่อค้นพบว่ายังมีหลายเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น และไม่มีทางเรียกเวลาเดิมกลับมา ไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องจะกล่าวอย่างไร้เหตุผลที่วกวนอีหรอบเดิมซ้ำไปซ้ำมาแต่ยังมีข้อชวนคิดเกี่ยวกับตำนานกรีก ซึ่งถ้าหนึ่งในตัวละครในเรื่องไม่กล่าวถึงคงสงสัยว่ามันเกิดจากอะไรแล้วเกิดขึ้นมาเพื่ออะไร นับเป็นข้อดีที่หนังมีเรื่องเล่าในตำนานที่ช่วยให้เข้าเนื้อเรื่องง่ายขึ้น โดยซาลลี่ได้บอกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆว่าเป็นการกระทำของเทพผู้หนึ่งที่ผิดสัญญาและได้รับโทษให้ขนก้อนหินขึ้นภูเขาซึ่งจะไม่มีความจบ



ทีนี้ลองมาเล่าเรื่องเต็มๆกันว่าเป็นอย่างไร เริ่มเรื่องที่ชื่อเรือกันก่อน ชื่อของเรือเอียลัส(Aeolus)เป็นชื่อของกษัตริย์กรีกซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งลมที่สามารถควบคุมลมได้ มีบุตรชื่อซิสซีฟัส(Sisyphus)ซึ่งมีพลังควบคุมลมได้เช่นกัน จากช่วงแรกของเรื่อราวหลังจากเดินเรือมาได้สักระยะนั้นจู่ๆลมก็หายไปอย่างฉับพลัน ซึ่งจู่ๆก็เกิดพายุขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้เรืออับปางในที่สุด จากข้างต้นเรื่อราวเรื่องของลมคาดได้ว่าเป็นอิทธิพลของซิสซีฟัสที่ควบคุมลมจนเกิดพายุ แล้วประเด็นได้เกิดขึ้นทันทีว่าทำไมถึงทำเรื่องแบบนั้นเพราะอะไร จากตำนานได้กล่าวเอาไว้ว่าตอนที่ซิสซีฟัสตายได้ขออนุญาตฮาเดส(Hades)กลับไปบนพื้นพิภพเป็นครั้งสุดท้าย และสัญญาว่าจะกลับมาในหนึ่งอาทิตย์ แต่ทว่าเขาเลือกโกงความตาย หนีความตาย ไม่กลับมาตามสัญญา จนท้ายสุดเกิดถูกจับตัวจนได้ก็เลยถูกลงโทษด้วยการให้แบกก้อนหินก้อนใหญ่ขึ้นภูเขา เมื่อถึงยอดก็ถูกสาปให้หินกลิ้งกลับลงมาที่ตีนเขาทำให้เขาต้องไต่ลงไปนำหินขึ้นมาใหม่ และคงเป็นเช่นนี้ไม่รู้จบสิ้น ดังนั้นเป็นไปได้อีกว่าที่เรืออับปางก็เพราะซิสซีฟัสต้องนำสิ่งหนึ่งไปสู่จุดหมายให้ได้ ซึ่งเปรียบเสมือนนำก้อนหินไปสู่จุดหมายบนยอดเขา แล้วอะไรคือตัวแทนของก้อนหินล่ะ นี้จะเป็นจุดสำคัญของเนื้อเรื่องว่าอะไรคือเป้าหมายของการกระทำ



ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากขึ้นเรือไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น อันที่จริงไม่มีความน่ากลัวใดๆทั้งสิ้นด้วยซ้ำ ไม่มีแม้กระทั้งฆาตกรหรือสัตว์ประหลาด จะมีแต่คนด้วยกันเท่านั้นที่ขึ้นเรือลำนี้ จากตอนแรกเราไม่เข้าใจเลยว่าการเกิดพายุอาจเป็นเรื่องบังเอิญแต่เมื่อมีจุดชนวนตัวสำคัญในการตีความทุกอย่างก็ล้วนมีจุดประสงค์ด้วยกันทั้งนั้น เจสและเพื่อนคนอื่นๆได้ขึ้นเรือสำราญลำใหญ่เพราะตัวเรือแล่นผ่านมาแบบบังเอิญพอเหมาะขณะที่ตัวเองต้องติดบนเรืออับปางลอยบนน้ำ ตอนแรกความบังเอิญนั้นดูพอเหมาะเกินไป แต่ยิ่งเข้าใจเค้าเรื่องหลักมากขึ้นยิ่งเห็นว่าความบังเอิญไม่มีอยู่จริงสำหรับเรื่องนี้แม้แต่น้อย ทีแรกเริ่มสงสัยว่าเรือทำไมถึงร้างผู้คนก็เลยพากันตามหาสืบตัวเรือลำนี้ว่ามีอะไรที่พอช่วยได้บ้าง จนที่สุดเกิดเรื่องไม่คาดคิดคิดกับเสียงปืนที่ดังมาจากห้องโรงละคร กลายเป็นว่าเกร็กถูกยิงในขณะที่เจ้าตัวบอกด้วยว่าเจสเป็นคนยิง ซึ่งซาลลี่กับดาวน์นี่ต่างได้ยินและตกใจอย่างมากที่เกร็กถูกยิงตาย

ในระหว่างเหตุการณ์นั้นเจสก็เดินเข้ามาและเห็นแซลลี่กับดาวน์นี่ล้อมเกร็กด้วยความพยายามที่อยากจะช่วยเหลือ ซึ่งซาลลี่ตะโกนบอกเจสว่าเธอฆ่าเขา สิ่งนี้ที่ทำให้เจสงงแล้วว่ามันอะไรกัน ทำไมถึงเป็นตัวเองได้ทั้งที่ไม่ได้อยู่ที่นั้นซะหน่อย แล้วจู่ๆก็เกิดมือปืนที่ไหนไม่รู้บนระเบียงข้างบนยิงลงมาที่ซาลลี่และดาวน์นี่อย่างไม่หยุดมือจนทั้งคู่ตายในห้อง ส่วนเจสรอดไปได้ 



คำถามคือเพราะอะไรแซลลี่กับดาวน์นี่ถึงเชื่อว่าเจสเป็นคนยิงทั้งที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่กำลังอยู่กับวิคเตอร์ที่ท่าทางบาดเจ็บและเหมือนเสียสติจนเข้าทำร้ายอย่างไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเจสก็จัดการวิคเตอร์โดยง่ายด้วยการไปกดแผลหลังหัวที่เหมือนจะเป็นรูสักอย่างจนวิคเตอร์อ่อนแรงลงไป ใช่แล้วทั้งที่มีหลักฐานสถานที่ที่เห็นชัดเจนแต่ทำไมถึงคิดอย่างนั้นได้ ฉะนั้นในส่วนนี้ต้องเก็บเอาก่อนแล้วให้ลองคิดถึงเหตุการณ์ต่อจากเจสรอดมาได้จากการยิงในโรงละคร เมื่อเจสหนีมาได้ คนที่ตามเธอก็ตามมาด้วย แต่คนที่ตามนั้นคือใครก็ไม่รู้เพราะมีถุงปิดหน้าอย่างมิดชิดและเสื้อผ้าที่ปกปิดทุกอย่างจนแยกไม่ออกว่าเป็นเพศชายหรือหญิง แต่ที่แน่คือเจสต้องเอาตัวรอดจากฆาตกรนั้นให้ได้และหนังได้เดินเรื่องจนออกไปที่ข้างนอกเรือซึ่งเจสและฆาตกรนั้นได้สู้กัน และผลที่ได้คือเจสเป็นฝ่ายชนะด้วยการทำให้ฆาตกรตกจากเรือไป แต่ก่อนตกทำไมฆาตกรนั้นถึงมีท่าทางรนรานและบอกด้วยว่าให้ฆ่าคนอื่นให้หมดเป็นทางเดียวที่จะกลับบ้าน ประเด็นอีกแล้วว่าอะไรคือกลับบ้าน ทำไมต้องฆ่าคนอื่นๆ ให้นับจุดริ่มของหนังมาถึงจุดนี้ก่อนว่ามันคืออะไรกัน ถ้านี้คือหนังสยองขวัญไล่ฆ่ากันแล้วล่ะก็การหยิบเรือสำราญมาช่วยคนเรืออับปางคงยากไปถ้าจะลงทุนมากมายขนาดนั้น ซึ่งถ้าไม่คิดมากอาจเป็นเช่นนั้นจริงๆสำหรับหนังสยองขวัญเกรดบี แต่ทว่านี้ดันตรงกันข้ามเมื่อมีแรงจูงใจบางอย่างบีบบังคับให้ทำและต้องทำ กลายเป็นหนังมีปมปริศนาไปซะแล้ว





ปมปริศนาที่หยิบมาใช้เป็นการดำเนินที่น่ากลัวอย่างมากจนอาจเป็นการหักมุมหลายด้านเพราะทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้แล้วอย่างสมบูรณ์ก็ว่าได้ งั้นลองมาต่อตอนที่เจสจัดการฆาตกรรายนั้นตกเรือกัน คือตามตรงแล้วแทบตกใจในเรื่องที่เห็นเพราะไม่นึกว่ากำลังถูกเรื่องนี้เล่นงาน เพราะเมื่อเจสหันไปมองข้างนอกเรือจะพบเห็นสิ่งที่เกินคาดเกิดขึ้นเมื่อตาของเจสมองเห็นเพื่อนๆของตัวเองบนเรืออับปางเช่นอย่างที่เจสเคยเจอก่อนจะขึ้นเรือ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกและตกใจอย่างมากที่เหตุการณ์นั้นกลับมาอีกครั้งทั้งที่ตัวเองก็ขึ้นเรือมาแล้วคนอื่นๆก็ตายกันไปแล้ว แต่นี่กลับมามีชีวิตอีกครั้งและกำลังขึ้นเรือเหมือนทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นอีกรอบ เจสเองก็งงอย่างมากว่าเป็นอาการประสาทหลอนชั่วขณะหรือเปล่าเพราะมันบ้าและเพี้ยนมากที่มีอะไรที่ถูกจังหวะมากขนาดนั้น งั้นลองเอาส่วนนี้มาอธิบายอีกรอบซึ่งจากการเขียนต่อไปนี้จะเขียนบอกให้เข้าใจเป็นจุดๆไปเพื่อความละเอียด ถ้าใครงงลองหยิบเรื่องนี้มาชมรับรองมีหงายหลัง ย้อนไปยังจำเกร็กที่ยังอยู่บนเรืออับปางได้หรือไม่ ที่ตอนนั้นเรือสำราญปรากฏขึ้นมาแล้วบอกไปว่าเห็นคนอยู่บนนั้น แล้วยังจำได้หรือไม่ว่าหลังจากเจสจัดการฆาตกรปิดหน้านั้น เจสเห็นอะไร ถูกต้องอย่างที่สุดเมื่อเหตุการณ์นั้นเกร็กเห็นเจสแต่มองไม่ชัดจึงได้แต่กล่าวว่าเห็นคนบนนั้นเท่านั้น ในขณะที่เจสเห็นเพื่อนๆอยู่กันครบ แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อีกล่ะแถมบังเอิญมากไปหรือเปล่าที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นซ้อนเหตุการณ์อย่างพอดี

เหตุผลคือปัจจัยหลักที่หาความหมายได้ชัดเจนว่าเพราะอะไรและสำหรับเจสแล้วการหาความจริงเป็นสิ่งที่เธอต้องทำให้ได้กับเรือลำนี้ หลังจากคนอื่นได้ขึ้นมาแล้วสิ่งที่เจสจะทำคือการบอกในสิ่งที่เหลือเชื่อว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การบอกไปตรงๆแบบนั้นใครจะเชื่อแถมแต่ละคนยังอยู่กันเป็นกลุ่มซึ่งต้องหาจังหวะก่อนว่าจะเริ่มที่ใครให้เชื่อมากที่สุด แต่ก่อนนั้นเธอต้องคอยหลบหลีกเพื่อหาตัวบ่งการว่าเจ้าฆาตกรแอบอยู่ตรงไหนเผื่เป็นจุดหักเหหรืออะไรสักอย่างได้ ตอนแรกเจสยังไม่เข้าใจถึงว่ามันคืออะไรดีพอจึงยังกระทำในแบบลับๆและไร้แผนที่ดีพอ จนเกิดเรื่องซ้ำรอยเดิมอีกครั้งเมื่อเธอทำพลวงกุญแจตกเกิดส่งเสียงให้คนอื่นได้ยินตามๆกันทำให้เจสต้องหนีไปที่อื่นก่อนทันหยิบพลวงกุญแจไปด้วย และนั้นเองที่เกิดลูปเดิมอีกครั้งเพราะก่อนหน้านี้เจสเจอพลวงกุญแจตกอยู่เพราะได้ยินเสียงเหมือนมีใครแถวนั้น กลายเป็นเรื่องระยะสั้นหนึ่งเรื่องที่ว่าเจส(ปัจจุบัน)ทำพลวงกุญแจตกและเจส(ลูปใหม่ A)ก็มาเจอซะเอง ถ้าคิดย้อนกลับเหตุการณ์จะเป็นเจส(ปัจจุบัน)เจอพลวงกุญแจ ขณะที่เจส(อดีต)ทำพลวงกุญแจตก แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นได้แต่ขอตระหนักในเรื่องตำนานกรีกเอาก่อนที่ว่าเมื่อสิ้นสุดจะเกิดรอบใหม่ขึ้นเป็นเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วตอนไหนถึงเกิดขึ้นลูปใหม่ขึ้นอีกครั้งล่ะ ก็ตอนที่ทุกอย่างลงตัวครบทุกคนหรือง่ายๆคือทุกคนตายกันครบแล้วถึงได้รอบใหม่ ถ้างั้นฆาตกรปิดหน้าปิดตาที่โผล่มายิงนั้นเป็นใครที่ไหนกัน



เจส(ปัจจุบัน)เริ่มรับรู้ถึงรูปแบบลูปที่เกิดขึ้นทีละนิดจากการกระทำของลูปก่อนๆที่ทิ้งร่อยรองเอาไว้ทั้งไม่ตั้งใจและตั้งใจ ซึ่งตอนที่ระหว่างสับสนในตัวเองก็พบถึงอาวุธปืนและชุดแบบเดียวที่ฆาตกรรายนั้นมี ตามด้วยกองกระดาษมากมายซึ่งเมื่อเธอเขียนลงกระดาษกลับพบว่าใช้คำเหมือนกันทุกประการและลายมือเดียวกันเหมือนก๊อปวาง ทว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าการที่สร้อยคอตัวเองขาดขณะก้มมองบางอย่างที่อยู่ข้างล่าง ที่ถ้ามองชัดๆนั้นคือสร้อยของเจสอีกหลายคนที่ทำขาดและร่วงทับมากมาย แสดงถึงว่าเคยเกิดเหตุการณ์นี้มาก่อนอีกครั้ง กลายเป็นว่าเจส(ปัจจุบัน)ต้องหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะคิดว่าบางทีถ้าหยุดการฆ่าได้อาจไม่มีการเกิด และเมื่อไม่มีการเกิดทุกอย่างอาจยุติลง คนแรกที่เจส(ปัจจุบัน)ไปหาคือวิคเตอร์เพราะเป็นคนแรกที่ไม่รู้เลยว่าหายไปไหนแล้วกลับมาทำไมถึงได้แผลที่หลังหัว เจส(ปัจจุบัน)ได้เล่าเรื่องสิ่งที่เกิดให้วิคเตอร์ฟังตอนที่ทุกคนกำลังแยกย้ายสำรวจเรือ ตอนแรกวิคเตอร์แปลกใจเล็กน้อยที่เจสมาถึงนอกเรือก่อน โดยเขาไม่รู้ว่าเป็นเจส(ปัจจุบัน)เพราะเจส(ลูปใหม่ A)อยู่ในตัวเรือ เจส(ปัจจุบัน)พยายามทำให้วิคเตอร์เชื่อให้ได้แต่เกิดพลั้งมือจับหัววิคเตอร์ไปกระแทกกับเหล็กข้างหลังอย่างไม่ตั้งใจจนเกิดเป็นแผลที่หัว จากจุดนี้เป็นข้ออธิบายได้แล้วว่าทำไมหัววิคเตอร์ถึงมีแผลและเป็นรูแถมยังจะทำร้ายเจสอีกด้วยเพราะคิดว่าเจสบ้าเสียสติ เห็นได้ชัดว่าเจส(ปัจจุบัน)พยายามช่วยและบอกว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ลงรอยเดิมอีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ความจริงบางอย่างเริ่มชัดขึ้นและเจส(ปัจจุบัน)คิดตัดสินใจทำเรื่องที่จะเกิดซ้ำอีกครั้งนั้นคือเป็นฆาตกรที่เธอพึ่งจัดการลงเรือไป



ฆาตกรคือเจส ถ้างั้นตอนที่เจส(ปัจจุบัน)จัดการฆาตกรลงมือไปก่อนหน้านี้ก็คือเจส(อดีต)หรือว่าปริศนาที่เกิดขึ้นที่ต้องฆ่าทุกคนจึงจะได้กลับบ้านกำลังคลี่คลาย เปล่าเจส(ปัจจุบัน)เข้าใจทันทีว่าการทำแบบนั้นจะส่งผลให้ตัวเองต้องตายได้อีกหนเช่นเดียวกับที่เธอทำใส่เจส(อดีต) ฉะนั้นต้องห้ามยับยั้งการเกิดของลูปด้วยการห้ามฆ่าคนอื่นแต่ฆ่าตัวเองที่เป็นลูปใหม่ ทว่าการตัดสินใจยังช้าเกินไปที่จะตามเวลาทันเพราะมันเริ่มขึ้นแล้ว และเกร็กโดนยิงซะแล้วความผิดจะตกอยู่ที่เจส(ลูปใหม่ A)  แต่ที่แน่แปลกคือลูปที่เกิดขึ้นไม่ใช่มีอยู่ 2 มิติแต่เป็น 3 มิติที่เกิดขึ้นตามลำดับที่ไม่ทางเจอกันได้ทัน ถ้าไม่อย่างนั้นเจส(ปัจจุบัน)จะต้องเป็นคนยิงเกร็กเองไปแล้ว แต่เผอิญว่านี้ไม่ใช่อย่างนั้นแถมเจส(ลูปใหม่ A)ก็เดินเข้ามาที่โรงละครตามฉากเดิมของเจส(ปัจจุบัน) ซึ่งทั้งคู่เจอหน้ากัน มันจึงเป็นไปไม่ได้ว่าเวลาของลูปนั้นจะมีเจส 3 คน เพราะไม่อย่างนั้นใครคือฆาตกร เมื่อเจส(ปัจจุบัน)รู้ว่าต้องเกิดอะไรขึ้นในอนาคตสิ่งเดียวที่ทำได้คือหาตัวฆาตกรนั้นและปกป้องคนอื่นๆที่มีอยู่ทั้งแซลลี่กับดาวน์นี่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเกิดลูปซ้ำอีกครั้ง ซึ่งเธอทำไม่สำเร็จที่จะปกป้องแซลลี่กับดาวน์นี่เอาไว้ได้เพราะทั้งคู่แยกไม่ออกว่าเจสไหนคือเจสไหน ในขณะที่ดาวน์นี่ตายในห้องกับคราบเลือดกองโต แซลลี่ก็คลานไปที่ตายดาดฟ้า ซึ่งที่สุดเจส(ปัจจุบัน)ก็ตามตัวเจอแต่กับแซลลี่เป็นเรื่องที่เกิดคาดหมายเมื่อการคลานไปตายของแซลลี่นั้นเคยลูปมาหลายรอบ ที่สังเกตได้จากจำนวนศพมหาศาลที่นอนตายหลายศพ จนบัดนี้แล้วทุกอย่างยังคงเคยเกิดขึ้นหลายลูปแล้วเมื่อไรลูปแรกที่ไม่ซ้ำรอยเดิมจะเกิดขึ้น เดี๋ยวก่อนตอนก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าฆาตกรคือใคร ขณะที่ตอนนี้รู้แล้วว่าคือเจสที่มากจากไหนไม่รู้ เมื่อกลับมาย้อนเหตุการณ์แต่ละช่วงจะพบว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ในขณะที่เจส(ปัจจุบัน)ยังไม่พร้อมและช้ากับการทำใจ ลูปใหม่ก็เกิดขึ้นมาอีกรอบหนึ่งกลายเป็นเจส 3 คน ฉะนั้นเจส(ฆาตกร)จะเป็นตัวคั่นระหว่างกลางเจส(ปัจจุบัน)กับเจส(ลูปใหม่ A)



แต่การเป็นตัวกลางนั้นไม่ใช่ว่าเจส(ฆาตกร)จะเกิดขึ้นระหว่างตรงกลางจริงๆเพียงเป็นหน่วยย่อยของระหว่างกลางเท่านั้นเพราะบอกแล้วว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทำไมถึงไม่สะดุดลูปหรือมีการเปลี่ยนแปลง ตอนที่เจส(ปัจจุบัน)ไม่ฆ่าคนอื่นๆที่มีเจส(ลูปใหม่ A)เกิดขึ้น ฉะนั้นทำไมเจส(ฆาตกร)ถึงรู้ว่าต้องฆ่าคนอื่นๆทั้งที่ไม่มีแรงจูงใจจากเจส(ปัจจุบัน) ตรงนี้เป็นจุดสำคัญมากว่าทำไมเพราะเมื่อรู้แรงจูงใจจะรู้ถึงการกระทำทันที ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องจะไม่จบ ทีนี้ลองให้ย้อนกลับไปที่เหตุการณ์เจส(ฆาตกร)ที่จะมีบทพูดชวนสะกิดใจเล็กๆนั้นคือ"ขอโทษ ฉันรักลูกมากกว่า" สิ่งนี้บางทีอาจเป็นการบอกว่านั้นเป็นหนทางเดียวที่กลับบ้านได้และเป็นหนทางเดียวที่ต้องฆ่าทุกคนหรือบางทีเป็นระบบป้องกันตัวจากลูปที่ไม่พึ่งประสงค์

กลับเข้าเรื่องและให้ย้อนเหตุการณ์อีกครั้งไปที่เจส(ปัจจุบัน)เจอแซลลี่บนดาดฟ้า ตอนนั้นเองที่เจส(ปัจจุบัน)เห็นการกระทำของตัวเองอีกลูปหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเจส(ฆาตกร)กับเจส(ลูปใหม่ A)ที่กำลังจัดการฆาตกรตกเรือไป เมื่อทุกอย่างพังไม่ตามแผนจิตใจเจส(ปัจจุบัน)จึงวุ่นวายจนสุดท้ายต้องกลับเข้าลูปเดิมนั้นคือการฆ่า ซึ่งตอนนี้เองที่จะทำหน้าที่เป็นฆาตกร ตอนแรกของเหตุการณ์เจส(ปัจจุบัน)เคยเจอห้องๆหนึ่งที่เขียนประโยคหนึ่งว่า"ไปที่โรงละคร"แล้วทุกคนก็ไปแล้วก็ตายจากการโดนยิงจากฆาตกรบนระเบียง


ทีนี่ตอนที่เจส(ฆาตกร)ยังอยู่ได้ฆ่าดาวน์นี่ในห้องๆหนึ่ง ซึ่งนั้นแหละที่เป็นห้องของประโยคนั้นเพราะเจส(ปัจจุบัน)ทำใจไม่ได้ที่จะหลุดออกจากลูปทำให้ต้องลองทำตามลูปด้วยการเอาเลือดดาวน์นี่ที่ตายไปมาเขียนบนกระจกว่า"ไปที่โรงละคร"เพื่อรวมตัวจะได้ฆ่าอย่างสะดวก จากจุดนี้ย้อนกลับไปที่เริ่มต้นเรื่องราวถึงคราวที่เจส(ปัจจุบัน)เป็นฆาตกร ซึ่งจะมีลูปมาใหม่ของเจส(ลูปใหม่ B) จากนั้นทุกอย่างลงตัวเหมือนเดิมเจส(ลูปใหม่ B)จัดการเจส(ปัจจุบัน)ที่เป็นฆาตกรตกเรือไป แล้วทุกอย่างก็จบลงที่นั้น แค่เรื่องเรือ

จู่ๆเจส(ปัจจุบัน)ตื่นขึ้นมาบนชายหาด สิ่งแรกที่คิดคือเรื่องมันยุติแล้วเพราะตัวเองกลับมาที่บ้านได้อีกครั้งหนึ่ง แม้จะแปลกใจแต่ก็เป็นเรื่องดีที่ได้เจอลูกอีกครั้งที่บ้าน ทว่าคนที่อยู่กับลูกที่บ้านเป็นเจสอีกคนหนึ่ง เจส(ปัจจุบัน)จึงเฝ้ามองผ่านหน้าต่างก่อนที่ลูกจะมาเห็นหน้าและตกใจทำสีตกพื้น จนกลายเป็นว่าเจส(ในบ้าน)ต้องมาโกรธตบหน้าลูกตัวเองแถมด่าทออย่างไม่สนใจว่าต้องทะนุถนอมกับลูกที่เป็นถึงเด็กพิเศษ ทำให้เจส(ปัจจุบัน)ยังต้องผิดหวังกับตัวเองที่ไม่คิดว่าจะทำกับลูกตัวเองได้อย่างลงคอ จึงกดกริ่งเพื่อดูโอกาศแล้วเข้าไปฆ่าเจส(ในบ้าน)แล้วใส่กระเป๋าเตรียมหนีไปที่อื่น ระหว่างการเดินทางด้วยรถกลับมีนกมาชนหน้ากระจกทำให้เจส(ปัจจุบัน)ต้องจอดรถไปทิ้งนกบนถนน หลังจากนั้นสิ่งที่เป็นลูปบังเกิดขึ้นต่อหน้าอีกครั้งเมื่อซากนกที่ทิ้งลงไปไม่ได้มีแค่ตัวเดียวแต่มีหลายตัวเหมือนโยนมาไว้ที่เดิมๆหลายรอบ ยิ่งเป็นเรื่องที่เจส(ปัจจุบัน)ต้องหนีให้พ้นให้ได้แต่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ศพเจส(ในบ้าน)หลุดออกมาพร้อมลูกที่นอนแน่นิ่ง ที่น่าแปลกคือเจส(ปัจจุบัน)ยังรอดแถมไม่มีใครสงสัยหรือเห็นว่ามีเจสถึง 2 คน



เจส(ปัจจุบัน)ได้แต่ยืนมองคล้ายจำอะไรไม่ได้ก่อนจะมีแท๊กซี่เข้ามามองที่เด็กแล้วบอกไม่มีใครช่วยเขาได้แล้วถามว่าให้ไปส่งที่ไหน จากนั้นเจส(ปัจจุบัน)ตอบในสิ่งที่เราคิดว่าใช่แน่ๆแต่เพราะใช่นี่แหละที่น่ากลัวที่สุด นั้นคือให้ไปส่งที่ท่าเรือที่ๆเกร็ก,แซลลี่,ดาวน์นี่,วิคเตอร์และอีกคนที่ยังอยู่ แล้วใครคืออีกคนที่หายไปแต่ไม่ได้ขึ้นเรือ ตรงจุดนี้หนังไม่ได้กล่าวอะไรไว้มากแต่หมายถึงผู้ร่วมเดินทางอีกคนหนึ่งซึ่งหายไประหว่างเจอพายุ ซึ่งคาดว่าอาจหมายถึงรายแรกที่ตายหรือความนัยที่ไม่เด่นชัด

ลูปที่เกิดขึ้นหลายๆหนสุดท้ายตรอกย้ำด้วยลูปเดียวที่เกิดขึ้นนั้นคือเจส(ปัจจุบัน)แล้วกลายเป็นเจสอีกหลายคนที่ค่อยจังหวะการเกิดเป็นระบบนั้นคือ"ตายหมดเมื่อไรกลับมาใหม่อีกครั้ง" ถ้างั้นตอนที่เจส(ปัจจุบัน)รถชนทำไมถึงไม่เป็นอะไรเลย คำตอบคืออยู่คนละลูปกัน ลูปเจส(ในบ้าน)ตายทุกคนเห็นเพราะเป็นเจ้าของมิตินั้นกับเจส(ปัจจุบัน)คนละลูปที่อยู่มิติเดียวกันจึงไม่มีใครเห็น ถ้างั้นเรื่องราวเกิดขึ้นเพราะเจส(ปัจจุบัน)เพียงคนเดียวทั้งสิ้นแต่ทำไมถึงไม่หยุดทำ นั้นเป็นเรื่องของจิตใจที่ตัวเจส(ปัจจุบัน)ที่เสียใจกับการตายของลูกเพราะตัวเองจึงรับไม่ได้และต้องแก้ไขต่อไปให้ลูกตัวเองมีชีวิต ซึ่งเป็นไปได้อีกประเด็นคือเจส(ปัจจุบัน)ความจำเสื่อมเนื่องจากคนขับแท๊กซี่ซะเอง ทำไมต้องเป็นคนขับแท๊กซี่ด้วยล่ะ ถ้าลองมองย้อนไปในตำนานกรีกแล้วถามตัวเองว่าใครคือหินก้อนนั้น จะเฉลยขึ้นมาทันทีว่าเป็นเจส(ปัจจุบัน)ส่วนคนขับแท๊กซี่คือฮาเดสที่มารับและส่งวนไปวนมาที่ท่าเรือกับที่เกิดอุบัติเหตุ เอาจริงๆเลยเจส(ปัจจุบัน)อาจไม่ได้ความจำเสื่อมตั้งแต่ตอนขึ้นแท๊กซี่แต่เป็นตอนที่เจอพายุหรือก่อนอาจหลังก็ได้ ไม่เช่นนั้นต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว ในขณะที่ความจำเสื่อมนี้เองจะไม่เสื่อมไปซะทุกอย่างแต่คงความเคยชินเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเจส(ปัจจุบัน)จะบอกว่าคุ้นกับบันไดเรือสำราญหรือที่ต่างๆได้ยังไงกัน หรือจริงๆเป็นความรักของเธอเองที่มีความรักต่อลูกจนลืมตัวและจำยอมทุกอย่างในการลูปไปลูปมาไม่สิ้นสุดเพื่อให้ลูกตัวเองไม่ตาย จะได้ค้านคนขับแท๊กซี่ที่บอกว่าไม่มีใครช่วยเขาได้ให้รอดหรือฮาเดสว่าตัวเองทำได้แล้ว เหมือนให้กำลังใจตัวเองมาตลอดทุกครั้งที่มีคนถามว่าลูกตัวเองไปไหน จะตอบว่าลูกไปโรงเรียน



ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะแก้ไขในสิ่งที่ทำลงตัว เราเคยตระหนักมากน้อยเพียงใดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเรา ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใดกับสิ่งที่ต้องเจอ เมื่อเกิดเรื่องที่คาดคิดหรือไม่ได้คาดแล้วสิ่งแรกที่ต้องเข้ายอมรับคือการปล่อยว่างแล้วจะเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นอาจรำพึงรำพังแบบเดียวกับเจสที่รับไม่ได้ที่ลูกตัวเองตาย ถ้ารับได้จริงบางทีทุกอย่างอาจไม่เคยเกิดขึ้นมาเลยก็เป็นได้

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)