Wishmaster (1997) | ผีแตก | B-
Director: Robert Kurtzman
Genres: Fantasy | Horror
ตำนานปีศาจจินน์ (Andrew Divoff) ที่จะให้สิ่งที่ปรารถนาสมหวังได้กับพรสามประการกับคนที่ปลุกมัน และเมื่อขอพรครบได้ทั้งสามประการจะสามารถเอากองทัพปีศาจมาครอบครองโลกได้ในทันที แต่จากการขอพรครั้งล่าสุดเมื่อหลายร้อยปีก่อน มันได้ถูกพ่อมดสะกดกักตัวไว้ในอัญมณีสีเลือด แล้วปัจจุบันจากอุบัติเหตุทำให้อัญมณีปรากฎขึ้นมาในรูปปั้นและอเล็กซานดร้า แอมเบอร์สัน(Tammy Lauren)ได้นำมาวิจัยถึงที่มาของอัญมณีชิ้นนี้ ซึ่งได้ปลุกจินน์อย่างไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดเรื่องราวสยองขวัญมากมายกับการเล่นให้พรตามสมหวังที่ต้องแลกมาด้วยบางสิ่ง จินน์ยังคงต้องการครอบครองโลก แต่การจะทำได้นั้นต้องให้อเล็กซานดร้าต้องเป็นคนขอพร ทำให้เกิดเรื่องราวไล่ล่าและบีบบังคับทรมานจิตใจให้เธอขอให้ครบเพื่อครอบครองโลก
ได้เวลาลืมเรื่องราวก่อนๆของจินนี่ที่โผล่จากตะเกียงพร้อมให้ขอพร 3 ประการแล้วสมหวังอย่างมีความสุข เมื่อ Wishmaster คือเรื่องราวแบบใหม่ที่ตีแผ่รูปแบบของจินนี่ให้เรียกว่าจินน์ที่จะขยายความสมหวังตามคำขอที่มากับการแลกเปลี่ยนที่สมหวังแบบไม่มีวันย้อนกลับ เมื่อจินนี่ยักษ์ตะเกียงตัวใหญ่ที่ใจดีที่ได้เจ้าของ ต้องขยายรายละเอียดใหม่กับเรื่องราวที่เก่าแก่กว่านั้นในอีกมุมมองของความชั่วร้าย และทุกครั้งที่ขอพรความปรารถนานั้นจะกลายเป็นจริง แต่เป็นพรที่รุนแรงและชั่วร้าย และแน่นอนในเรื่องจินน์จะมีลูกเล่นการใช้ถ้อยคำที่น่าหลงใหล และมักกล่าวตัณหาของคนให้เกิดคำถามกับตนเองว่าต้องการสิ่งใดมากที่สุดในตอนนี้ ซึ่งนั้นทำให้เกิดปริปากขอพรแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าจะเกิดผลกระทบอะไรตามมา
โดยจะเห็นได้จากเรื่องที่ตัวละครหนึ่งได้ขอพรอยากให้สวยและคงกระพันวัยไม่แก่ไม่เฉาไปตามเวลา ซึ่งจินน์ได้ให้พรนั้นสมหวังตามปากที่ขอ คือกลายเป็นหุ่นนิ่งที่มักพบในร้านเสื้อผ้าไม่มีวันแก่หรือหมดความสวยงาม นับว่าเป็นมุมมองที่อันตรายและสาหัสจากการขอที่ไม่รู้ว่าผู้ให้นั้นมาจากด้านมืด
ไอเดียการดัดแปลงจากดีกลายเป็นชั่วถือว่าดูใช้ได้ อีกทั้งยังดัดแปลงรูปร่างของจินน์ให้น่ากลัวชวนแหวะที่มองแล้วใครจะกล้าขอพรกับเจ้ามารร้ายตัวนี้ แต่หนังมีวิธีกับการเปลี่ยนรูปร่างของจินน์ให้กลายเป็นคนแบบสยองๆนั้นคือการลอกหนังหน้าแล้วมาแปะหน้าตัวเอง
ความสยองของหนังเป็นไปตามยุคจัดว่าตอนเรื่องนี้ออกมาใหม่ๆทำได้ไม่เลว มีดีกรีความโหดและน่ากลัวอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับ Hellraiserที่รุนแรงกับความโหดแบบสุดก็ตาม แต่ถือว่า Wishmaster จะหนักด้านการไล่ล่าซะมากกว่าจะตามฆ่า และนั้นทำให้หนังน่ากลัวมากกว่าจะมาสยองกับฉากที่ชวนแหวะ และที่สำคัญตัวหนังได้ Peter Atkins คนเขียนบท Hellraiser ภาค 2 - 4 มาทำเนื้อเรื่อง ซึ่งจัดว่ามีความสนุกกับพล็อตเรื่องที่แหวกแนวและใหม่ มีการผูกเป็นเรื่องเป็นราวได้ดี อีกทั้งยังบอกที่มาที่ไปได้ชัดเจนแสดงถึงการเกริ่นเนื้อเรื่องของความสยองได้น่ากลัว
Wishmaster มีความสนุกกับเนื้อเรื่องที่ไม่ได้อืดจนเกินไป กำลังไปได้เรื่อยๆค่อยๆขยายปมปัญหาต่างๆได้อย่างดีและลูกเล่นแสดงถึงข้อดีข้อเสียของจินน์ที่ยังไม่มีอำนาจมากพอหรือใช้งานได้ก็ต่อเมื่อคนๆนั้นจะปริปากขอเสียก่อนผลลัพธ์จึงแสดงออกมาได้ และแน่นอนการจะขอพรแต่ละอย่างมีทั้งอันตรายที่ส่งผลโดยและโดยอ้อม ไม่ว่าจะขอแบบไหนจำต้องมีเสียมากกว่าได้ คำพูดที่น่าจะเป็นเอกลักษณ์ของจินน์คงจะเป็น"ระวังสิ่งที่ขอ"
ซึ่งแน่นอนในเรื่องไม่มีใครที่คิดมากเกี่ยวกับความอยากได้เพราะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ในเรื่องแสดงถึงความอยากได้อยากลองของตัวละครได้อย่างดี มีความอยากที่มีกิเลสครอบงำหรือจะเรื่องอารมณ์ที่พูดไปเพราะความวู้วามของตนเองก่อนจะรู้ว่าพรนั้นเป็นจริง และผู้ที่ให้ก็คือตัวจริงและความชั่วร้าย
คนที่เล่นเป็นจินน์ก็คือ Andrew Divoff ที่แสดงได้น่ากลัวแบบตัวโกงมากๆ ทั้งการแสดงในเรื่องนับว่าชั่วร้ายเอาเรื่อง ยิ่งการแสดงทางหน้าตายิ่งแล้วใหญ่โดยเฉพาะการยิ้มที่บ่งบอกได้ทางแววตาแล้วว่าในหัวคงมีแผนอะไรชั่วๆแน่นอนและการแสดงก็เข้าถึงบทจริงๆ เป็นจุดเร้าอารมณ์เนื้อเรื่องให้น่าติดตามได้อย่างดี ตอนเมคอัพกลายเป็นปีศาจจินน์ก็น่ากลัวพอสมควรชวนพอขยะแขยงได้อย่างดี แต่ตอนแสดงเป็นเมคอัพรู้สึกจะยังไม่โดดเด่นเท่าไรในช่วงแรกที่เล่นเป็นคนเสียมากกว่า และกลายเป็นจินน์ในช่วงท้ายเสียมาก เป็นการบ่งบอกถึงช่วงไคลแมกซ์ตอนท้ายได้น่าลงตัว สิ่งที่ชอบมากสำหรับเรื่องนี้คือตัวร้ายที่มีเสน่ห์ที่น่าเกรงขามไม่น้อยกับเล่ห์เหลี่ยม ซึ่งจุดนี้ทำให้หนังน่าดูแบบสุดๆ
หนังไม่ค่อยมีอะไรให้น่าตื่นเต้นเท่าไรนอกจากตื่นตากับลูกเล่นของเรื่องที่มีรูปแบบใหม่ๆกับความสยองเป็นพักๆ การเดินเรื่องไม่ได้เอื่อยมากนักแต่ไปเรื่อยๆมีปมให้ยกประเด็นน่าคิด แต่ก็ยังรู้สึกไม่รุมเร้าทางอารมณ์ทำให้บางช่วงเหมือนไม่มีอะไรมากเท่าที่ควร ในตอนเปิดเรื่องจัดว่ามาได้เร็วดีกับการดำเนินเรื่องที่เรียกควาสะใจกับความสยองให้แก่ผู้ชมได้ดีถึงความวุ่นวายที่เคยเกิดเรื่องราวกับจินน์และผู้ปลุกจินน์ที่กำลังจะได้พรข้อที่ 3 ซึ่งเป็นข้อสุดท้ายที่จะสามารถเรียกกองทัพของความชั่วร้ายมาได้ เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่จำกัดจินน์ที่ว่าจะต้องให้ผู้ที่ปลุกตัวตนของจินน์ข้อพรให้ครบ 3 ข้อเพื่อสามารถเรียกกองทัพปีศาจมาได้ นับว่าไม่เลวกับเนื้อเรื่องและลูกเล่นที่มีการปูทาง
แต่หนังดำเนินได้น่าคิดมากๆเกี่ยวกับตอนจบที่อเล็กซานดร้า แอมเบอร์สันยังเหลือพรเพียงหนึ่งข้อ ที่สภาพของตัวเองโดนปิดล้อมอย่างเห็นได้ชัด ในจุดนี้เป็นการบีบความสามารถตัวละครได้อย่างน่าหดหู่ และน่าเห็นใจมากๆว่าจะจัดการเจ้าปีศาจนี่ได้ยังไง ซึ่งในตอนท้ายของการขอพรครั้งสุดท้ายเป็นอะไรที่หักมุมไปอีกแบบมาก และนั้นเป็นการจบแบบเซอร์ไพรส์
ถ้าลองสังเกตดีจะพบว่ามีนักสดงดาราสยองขวัญอยู่หลายคน โดยแต่ละคนต่างแสดงได้หน้ากันไปเต็มๆอีกทั้งยังมีบทบาทที่มาแปลกจนเรียกว่าแย่งซีนความโดเด่นกันไปได้ในเรื่องเลย โดยจะมี Robert Englund จากเรื่อง A Nightmare On Elm Street ที่เล่นเป็นเฟรดดี้ครูเกอร์ ในเรื่องจะมาเล่นเป็น เรย์มอนด์ เบอร์มอนต์ เจ้าของพิพิธภัณฑ์ Tony Todd จากเรื่อง Candyman ที่เล่นเป็นปีศาจผึ้งแคนดี้แมน ในเรื่องจะมาเล่นเป็น ยามหน้างานเลี้ยงในช่วงท้ายของเรื่อง Kane Hodder จากเรื่อง Friday the 13th ที่เล่นเป็นเจสัน วอร์ฮีส์ ในภาค Jason Goes to Hell: The Final Friday และ Jason X ในเรื่องจะมาเล่นเป็นยามหน้าประตูบริษัท และ Angus Scrimm จากเรื่อง Phantasm ที่เล่นเป็นตาแก่ปีศาจทอลแมน มาเป็นคนบรรยายเรื่องให้ ซึ่งในฉบับพากย์ไทยคงไม่รู้กัน
Wishmasterเป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำให้หาชมกัน ที่มีลักษณ์โดยรวมถือว่ากำลังดี ไม่ได้อ่อนเรื่องบทหรือจะมีความอืดจนเกินไป เป็นเรื่องที่เหมาะกับคนที่ดูหนังสยองไม่ค่อยได้ ซึ่งในความโหดไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป แต่มีดีกรีและความสนุกที่การดำเนินเนื้อเรื่องต่างหาก