Ballistic: Ecks vs. Sever (2002) ฟ้ามหาประลัย

Ballistic: Ecks vs. Sever (2002)
ฟ้ามหาประลัย
Director: Wych Kaosayananda
Genres: Action | Crime | Mystery | Sci-Fi | Thriller
Grade: F

ข้อดีของหนังเรื่อง
- ระเบิดตู้มตามเป็นว่าเล่นที่มากเท่าที่เราอยากจะบ่นขึ้นมา(ดีตรงไหน?)

ข้อเสียของหนังเรื่อง
- พล็อตเรื่องเยี่ยงนี้ทำให้กลายเป็นโชว์งี่เง่าในบันดล
สรุปผล
- แอ็คชั่นอันไร้สาระ คิดว่าน่าดูไหมล่ะ


ผู้กำกับชาวไทย วิชช์ เกาไศยนันท์ รายชื่อนี้อาจจะเป็นที่คุ้นเคยใครหลายคนไม่แง่ใดก็แง่หนึ่ง ซึ่งคนนี้เองที่เคยมีผลงานหนังเรื่องฟ้า(1998)ที่มีนักแสดงร่วมอย่างฉัตรชัย เปล่งพานิช ซึ่งหนังดังกล่าวเป็นการสร้างหนังครั้งแรกของเขาและยังเป็นการลงทุนที่สูงจนประสบความสำเร็จ และด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาได้รับคำเชื้อเชิญจากฮอลลีวู้ดที่ลงทุนลงแรงด้วยจำนวนเงินมหาศาลกับหนังแอ็คชั่น $70 ล้านให้ไปทำหนัง ทีแรกฟังดูดีเหมือนคนไทยจะก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่สู่วงการหนังระดับฮอลลีวู้ดได้อย่างน่าพอใจ จนกระทั่งได้ชมเรื่องนี้แบบเต็มๆเท่านั้นเองถึงเข้าใจว่าทำไมกันนะเรื่องนี้จึงออกมาแย่หรือห่วยแบบนักวิจารณ์สับแล้วสับอีกจนติดอันดับหนังห่วยต้นๆ(บางทีเห็นว่าติดอันดับหนึ่งด้วย)และด้วยเหตุผลต่อไปนี้กระมั้งที่ Ballistic: Ecks vs. Sever ติด F

ทีแรกคิดว่าอาจเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับคนอยากได้ของมีคุณภาพแนวหน้าจึงมีอคติกับหนังมีข้อเสีย ซึ่ง Ballistic: Ecks vs. Sever จะเสียหนักอย่างมากจนพลาดท่าแบบไม่น่าให้อภัยตามเสียงวิจารณ์ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผู้กำกับรายนี้จึงยึดติดกับคำว่าแอ็คชั่นจนไม่รู้คำว่าชีวิตชีวา ด้วยการดำเนินเรื่องแบบไร้การควบคุมจนเรื่องราวออกนอกทางตลอดเวลาคล้ายยัดประเด็นมากมายมาใส่ในเวลาคราวเดียวกันจนเละเทะ ถ้าคิดว่าเนื้อเรื่องจะล้ำประมาณไซไฟคงเป็นอะไรที่ด้อยยิ่งกว่าเพราะไร้เหตุและไร้ผลเอามากๆกับสิ่งที่เห็น


มาเริ่มเรื่องก็หาฉากแอ็คชั่นมาให้ดูแบบไม่ต้องเสียเวลาที่เริ่มด้วยการถูกลักพาตัวลูกชายเจ้าของบริษัทที่ก่อนหน้านี้มาฉากต่อสู้กันจนมองว่าเป็นไปได้ยังไงกับผู้หญิงหนึ่งคนที่ลุยเดี่ยวมาตัวเปล่าสู้กับเหล่าองค์รักษ์ที่กราดกระสุนเต็มที่ไม่ยั้งมือ บางทีก็เป็นไปได้แต่ลองสังเกตดีๆจะพบว่าเป็นการต่อสู้ที่ถูกบังคับมาให้แพ้ชัดๆ ขณะเดียวกันหนังตัดที่ฉากอดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอเจเรไมร์ เอ็คส์(Antonio Banderas)ที่อยู่สภาพโทรมจากการดื่มเหล้าในบาร์จนหมดสภาพความน่าเชื่อถือ ซึ่งตอนนั้นมีข้อเสนองานให้ทำและเขาก็ทำเพราะมีแรงจูงใจ นั้นคือรายงานเรื่องเรนภรรยาของเขา(Talisa Soto)ที่เชื่อว่าตายไปแล้วในอุบัติเหตุรถระเบิดเมื่อ 7 ปีก่อน ซึ่งนั้นทำให้ต้องหาตัวการลักพาตัวคนลึกลับรายนั้นที่เป็นถึงอดีตสายลับนักฆ่ามือฉกาจ เซเวอร์(Lucy Liu)

แต่กระนั้นเซเวอร์ถูกสะกดรอยตามโดยเจ้าพ่ออาวุธ โรเบิร์ต เกนท์(Gregg Henry)และเหล่าตำรวจที่อยากได้ตัวมาโดยเร็ว แต่ว่าเซเวอร์ยังคงหนีไปได้ทุกครั้งและแต่ละครั้งขนแอ็คชั่นมาทุกเวลาที่มีโอกาส ในช่วงที่เรื่องราวไปเรื่อยๆนั้นเองที่เอ็คส์ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับภรรยาของเขาว่ายังไม่ตาย แต่ที่หายตัวไปเพราะไปอยู่แต่งงานเสร็จสรรพกับเกนท์ เพราะมีเรื่องราวอยู่ว่าตอนที่เกิดเหตุรถระเบิดนั้นเองเรนคิดว่าเอ็คส์โดนระเบิดตายไปแล้วซึ่งตรงความคิดเดียวกับเอ็คส์คิดว่าเรนตาย(พล็อตเรื่องตรงนี้เองที่ฟังไร้เหตุไร้ผลมาก สามารถปิดไม่ให้รู้เรื่องรู้ราวกันได้ยังไงถึง 7 ปี มันไม่แปลกไปหน่อยรึ) แล้วเอ็คส์เองก็เริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในสิ่งที่เซเวอร์ได้ทำลงไปเพื่ออะไร ทำให้เอ็คส์เปลี่ยนความคิดที่จะตามล่าเซเวอร์กลายเป็นร่วมมือในการจัดการเกนท์


พล็อตมีอยู่ไม่เท่าไหร่และเหมือนจะง่ายๆไม่มีอะไรน่าสงนซับซ้อนจนเมื่อเรื่องราวเป็นไปด้วยความไม่รู้เต็มไปหมด ทั้งเหตุผลการลักพาตัวที่มาเฉลยในช่วงท้ายว่ามันคืออะไรในขณะที่ตลอดการดำเนินให้ความสำคัญกับการตามล่าที่ระดมไปด้วยแอ็คชั่นและระเบิด ด้วยสิ่งที่น่าจะหาได้ยากสำหรับยุคสมัยนี้คือการวางมาดโพสท่าเท่ๆที่พอมีผ้าคลุมจำต้องพริ้วไสวตามสายลมที่ผ่านมาอย่างปริศนาที่เก๊กแล้วเก๊กอีก และฉากต่อสู้ที่ขนมาครบกระบวนท่ายันกังฟูที่โชว์พลังงานภาพที่ผสมผสานกับคำว่าเท่เข้าไปบวกกับทำสโลโมชั่นที่ยิ่งแล้วไปใหญ่ ตรงส่วนของแอ็คชั่นไม่น่าปวดหัวเท่ากับความสนใจของเนื้อเรื่องที่เหมือนวางทิ้งเอาไว้และไม่ได้หยิบมาใช้ในท้ายสุด เริ่มจากความตื้นเขินของตัวละครที่ทำได้น่าขบขันยิ่งนักกับเหล่าตำรวจและหน่วยสวาทในเรื่องที่โลดแล่นแบบไม่แคร์ในชีวิตของตัวเองที่เอาตัวรับห่ากระสุนตรงหน้าประหนึ่งคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เหล็กหรือยังไง แล้วไหนจะการละเลยความผูกพันของตัวละครกับผู้ชมที่ไม่เห็นว่าตัวละครเหล่านี้จะสร้างความประทับใจได้ตามที่หวังหรือรู้สึกเช่นเดียวกับตัวละครนั้นได้เลยว่ามีปมอันแสนเจ็บปวดในใจ ซึ่งผลเช่นนี้มาจากเหตุของความบ้าแอ็คชั่นเป็นเหตุ

กับความยาวประมาณ 90 นาทีมีอะไรบ้างนอกจากความยุ่งเหยิงที่สะท้อนถึงอารมณ์เอาสนุกอย่างเดียวที่อิงแอ็คชั่นและระเบิดเข้าแลกกับความเมามันส์ที่พยายามขุดเอกลักษณ์เด่นเก่าๆจากยุค 80-90S มาใช้จนไม่มีเรื่องมีราวใดๆให้ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ด้วยเหตุมาจากบ้าแอ็คชั่นที่ใช้ได้ตลอดเวลามีเวลาว่างที่น่าจะทำเนื้อเรื่องให้ละเอียดเข้าใจก็ไม่ทำแต่ไปทำฉากแอ็คชั่นที่ระเบิดคือของเด็ดที่ตู้มตามเป็นว่าเล่นจนท้ายเรื่องยิ่งขุดขนมาอย่างมากมายจนเริ่มเข้าใจไปพลางแล้วว่าทุน $70 ล้านหดหายไปกับอะไร บางทีเพราะระเบิดเยอะขนาดนี้คงโดนลูกหลงตู้มหายไปแน่ๆเลย แต่คงไม่มีอะไรน่าเจ็บใจเท่าที่หนังมีทุนสร้างมากขนาดนี้แล้วกำไรจะได้น้อยกว่าครึ่งของครึ่ง นับว่า Ballistic: Ecks vs. Sever ประสบความล้มเหลวจนเละทั้งเสียงวิจารณ์และกำไรอย่างครบเครื่อง จากฟ้ามหาประลัยจะกลายเป็นพาบรรลัยเสียเอง


โดยส่วนตัวการจะบอกว่าหนังเรื่องนี้แย่เต็มขั้นหรือเปล่า อันนี้ตอบว่าไม่ขนาดนั้น เมื่อลองไปเทียบกับหนังยอดแย่หรือห่วยๆตัวจริงต่างๆหลายเรื่อง อาทิ Planet of the Apes (2001) ที่แย่จริงเมื่อไปดูต้นฉบับแต่ถ้ายังไม่เคยดูคงพอทำเนาเอาพอเพลินได้ อันที่จริงถ้าประติดประต่อเนื้อเรื่องให้เป็นเรื่องเป็นราวยังจะช่วยให้น่าตื่นเต้นชวนลุ้นมากกว่านั่งดูแอ็คชั่นอย่างเดียว ที่สำคัญควรให้มิติกับตัละครด้วยยิ่งดีเพราะตั้งแต่ดูมาทั้งนักแสดง Antonio Banderas หรือ Lucy Liu หน้าตายมาโดยตลอด โดยทั้งคู่มักจะให้ผลลัพธ์ในส่วนความมันส์มากกว่ารู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปด้วยจึงกลายเป็นแอ็คชั่นแห้งๆที่ยิ่งดูยิ่งเบื่อแทน

แม้จะมีทีเด็ดมาเรื่อยๆอย่างเช่นมุมกล้องที่เหมือนมีอะไรใหม่ก็ยังดูงั้นๆรวมถึงการทำสโลโมชั่นอันแสนผาดโผนกับตัวละครให้ออกมาดูเท่สมราคาความมันส์ ซึ่งตลอดเวลาที่กล่าวมาหมดนี้ที่เป็นปัญหาอันใหญ่หลวงของตัวผู้กำกับที่ตั้งใจทำหนังแอ็คชั่นไม่คิดมากออกมาเบาสมองให้มากที่สุด(และนั้นแหละที่ไร้สาระ) และผลออกมาในทำนองที่ว่าไม่มีผู้ชมรายไหนจะพร้อมเพรียงไปกับการดำเสนอนี้ได้ที่ตั้งตาฝ่าดงกระสุนและควันดินปืนที่มีฉากระเบิดหลังนับไม่ถ้วน ทั้งนี้สรุปได้ว่านอกจากแอ็คชั่นที่มันส์แบบธรรมดา(และเก่า)คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการขาดบทสนทนาที่คมคายและเรื่องราวไร้สาระได้จากเนื้อเรื่องอันจากตัวละครที่ไร้อารมณ์ร่วมใดๆ(เห็นแย่แบบนี้ก็ยังไม่ได้รางวัลยอดแย่จากสาขาไหนเลย)


ทั้งนี้เพราะเป็นถึงระดับฮอลลีวู้ดมาตรฐานย่อมเป็นมาตรฐานจะเอาระดับไม่ใช่ฮอลลีวู้ดมาวัดคงทำไม่ได้นอกจากไม่มีอคติอะไรถ้าจะมองหนังรวมๆกัน ส่วน Kaos คือฉายาสั้นๆของตัวผู้กำกับที่เกิดมาจากเพื่อนๆในโรงเรียนเนื่องจากนามสกุลที่ยาวลำบากต่อการออกเสียงเรียกขาน แต่คำว่า"เกาส์"ในภาษาอังกฤษนั้นมันสามารถเพี้ยนอ่านเป็น"เคออส"เช่นเดียวกับ Chaos ซึ่งแปลว่า"มั่ว"ได้ หรือบางทีการที่มีชื่ออัปมงคลเช่นนี้ทำให้ Ballistic: Ecks vs. Sever ออกมาเลอะเทอะชมคำว่า"มั่ว"ก็ได้ละมั้ง
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)