Chernobyl Diaries (2012) | เมืองร้าง มหันตภัยหลอน
Director: Bradley Parker
Genres: Horror | Mystery | Thriller
Grade: C+
ก็รู้ว่าสถานที่แห่งนี้ห้ามเข้ายังดันทุรังเข้าจนได้ สุดท้ายหายนะเกิด เพราะกลุ่มวัยรุ่น 6 คน ได้แก่คริส (Jesse McCartney), นาตาลี (Olivia Dudley), อแมนด้า (Devin Kelley), พอล (Jonathan Sadowski) , ซู (Ingrid Bolso Berdal), มิเซล (Nathan Phillips) และไกด์นำเที่ยวยูริ (Dimitri Diatchenko) ที่ได้ทัวร์ในเชอร์โนบิลเพราะความคิดของพอล ทว่าหลังจากพาไปถึงที่แห่งนั้นปรากฏว่าถูกสั่งห้ามเข้า ทำให้ยูริใช้เส้นทางอื่นเข้าไป หลังจากได้เข้าไปสักระยะหนึ่ง ทุกคนเริ่มรู้สึกว่าที่นี้มีหลายอย่างที่น่าขนลุก ทั้งความเงียบสงบไร้เสียงรอบกายนอกจากเสียงของพวกเขาเองจากการเดินหรือพูดคุย แต่การทัวร์ครั้งนี้ไม่สามารถไปเกินขอบเขตตามต้องการได้เพราะตามที่ต่างๆปนเปื้อนด้วยกัมมันตภาพรังสีจึงต้องไปตามที่ยูริสั่งเท่านั้น ซึ่งจะอยู่ได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมงจึงปลอดภัย หลังการทัวร์เสร็จสิ้นลงทุกคนเดินกลับมาที่รถที่จอดเอาไว้เพื่อพร้อมกลับบ้าน ทว่ารถสตาร์ทไม่เกิดติดสายไฟขาดต้องติดอยู่ที่นั้น ระหว่างนี้ต้องอยู่กับรถเพื่อความปลอดภัย จนกระทั่งมืดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างไร้วี่แววเงียบสงบและปราศจากสิ่งเคลื่นไหวใกล้ตัว จู่ๆความเงียบต้องจบลงไปเพราะมีบางสิ่งอยู่ข้างนอกอยู่ในเมืองกัมมันตรังสีแห่งนี้ทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้ และบางสิ่งนั้นเองที่ทำให้พวกเขา/เธอต้องหนีขวัญกระเจิงจากสิ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้คืออะไร
หลังจากได้รู้ที่มาที่ไปคร่าวๆกันแล้วว่าคงรู้ว่าสถานที่แห่งนี้น่ากลัวมากแค่ไหนกับเมืองร้างข้ามคืนที่เหลือเอาไว้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะไม่มีใครได้เวลาเก็บข้าวของอะไรเลย ฉะนั้นนอกจากเป็นเมืองร้างคนแล้วยังเตรียมไปด้วยสิ่งของมากมายที่เหลือตามห้องตามที่ต่างๆ และที่น่ากลัวสุดคือตุ๊กตาและบรรยากาศที่ใครก็ไม่ชินถึงสภาพแวดล้อมที่เงียบผิดสังเกต เมื่อลองฟังเรื่องราวจนรู้รายละเอียดมากขึ้นถึงรู้ขึ้นมาทันทีว่าเพราะอะไรจึงต้องเป็นเชอร์โนบิล เพราะนั้นเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องมีเสน่ห์มากขึ้น ชวนติดตามและน่าตื่นเต้นไปกับสถานที่จริงที่ร้างและปราศจากสิ่งมีชีวิตโดยรอบ ช่วงแรกคือการปูพื้นฐานตัวละครให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ทั้งเรื่องพี่น้องหรือจะความรักที่จะขอแต่งงานในไม่ช้า จะไปตัวผู้ชมเองถูกหนังวางระเบียบเอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมเดินทางที่เสมือนได้ทัวร์ครั้งนี้จากมุมกล้องที่ผ่านสายตาของใครคนหนึ่งที่ไม่ได้มีอยู่จริง นับเป็นเรื่องดีที่เริ่มแรกปูเนื้อหาตัวละครได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งก่อนจะได้ไปทัวร์กันจริงๆ ทีแรกจะมีไปกันแค่สี่คนก่อนจะมีมาเพิ่มในเวลาถัดมาอีกสอง แสดงให้รู้ว่าการทัวร์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใดเพราะมีคนอื่นรู้เช่นกัน ฉะนั้นแรกๆหนังปล่อยไปตามสบายไม่กังวลจนกว่าลักลอบเข้าเชอร์โนบิล
Chernobyl Diaries มีลูกเล่นให้ผู้ชมรู้เท่าที่ตัวละครรับรู้ ทั้งเรื่องเราจะติดตามตัวละครทุกฝีเก้า ไปไหนมาไหนเห็นด้วยกัน ซึ่งตอบสนองได้ดีถึงอารมณ์ความตื่นเต้นในการเล่าเรื่องอย่างมีเงื่อนไขถึงขอบเขตที่ว่าแหล่งแห่งนี้เป็นที่อันตรายเต็มไปด้วยกัมมันตภาพรังสีทั้งบริเวณเป็นอันตรายต่อผู้เข้าใกล้ จึงเป็นเมืองร้างที่ไร้การติดต่อสื่อสารจากโลกภายนอก ประหนึ่งถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ในป่าที่มีหมีขย้ำได้ทุกเมื่อ เช่นเดียวกับความลึกลับของเมืองร้างแห่งนี้เมื่อไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจออะไรและทำไมต้องติดอยู่ที่นี้ ทั้งการโฟกัสเข้ากลุ่มตัวละครที่มีพฤติกรรมไม่ไว้ใจต่อความมืดที่อาจมีบางอย่างซ่อนอยู่ เป็นการเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นว่าอะไรที่ภายนอกนั้น หรือจะผี วิญญาณ อะไรกันแน่จากกัมมันตภาพรังสี
เรื่องเริ่มสนุกและตื่นเต้นมากขึ้นหลังจากรถมีปัญหา สร้างความกดดันเข้ามาระดับหนึ่งที่น่าเครียดอย่างหนักว่าต้องอยู่กับเมืองที่ตายแล้วพร้อมรังสีที่ฆ่าได้ถ้าหลงทาง แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจนกระทั่งตัวละครบางคนเกิดสติแตกได้ยินเสียงอะไรข้างนอกเข้าจนเป็นเหตุให้ตัวละครอีกสองต้องลงไปดูว่ามีอะไร ตามความจริงจำเป็นต้องไปดูหรือไม่ในเวลากลางคืนเช่นนั้น เพราะเป็นการออกจากที่ปลอดภัย ตัวหนังเองขาดความสมเหตุสมผลไม่น้อยรวมถึงการทำให้ตัวละครมีทักษะการเอาตัวรอดที่ต่ำมาก เห็นว่าได้แผนที่แต่เปล่าประโยชน์เปล่าดูไม่เป็น ก็ในเรื่องมันรีบดูขนาดนั้นคงจะตั้งสติมองทันหรอก หรือจะเรียกให้เหมาะสมคือให้ออกมาเป็นสายบันเทิงมากกว่าจะนั่งเอาใจช่วยอย่างหดหู่ไร้หนทาง ทั้งความบังเอิญที่เกิดขึ้นที่ว่ายูริคนนำทางทำงานเช้นนี้มาหลายปีไม่เคยมีปัญหา แต่เหตุไฉนต้องมาเกิดขึ้นกับครั้งนี้ด้วย สรุปว่าคนมันซวยสินะ
สำหรับความตื่นเต้นถือว่าสนุกเอาใจช่วยกันตลอด การดำเนินเรื่องแม้จะเจออะไรแปลกๆขาดเหตุผลพอ แต่ก็จัดว่าชวนน่าระทึกดีกับสิ่งที่แวบไปแวบมา เพราะอย่างที่บอกตัวละครเราเห็นอะไรรู้แค่ไหนผู้ชมก็รับได้เท่านั้น ที่น่าสงสารคือยิ่งหนีมากเท่าไหร่ตัวละครยิ้งถลำลึกเข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว(งงสิ ยิ่งหนียิ่งเข้า) ที่สนใจอีกอย่างคือจะรู้ได้ไงว่าตัวละครของเรายิ่งหนียิ่งลึก จะมีอยู่ประมาณสองอย่างคือเครื่องวัดที่บอกว่ามีกัมมันตภาพรังสีที่เป็นอันตรายหรือไม่ หรือจะพฤติกรรมของเหล่าตัวละครที่เริ่มเป็นปัญหามากขึ้นจากความผิดปกติทางร่างกาย น่าเสียดายล่ะนะที่พล็อตเรื่องถูกพยายามให้เข้าเชอร์โนบิลจนได้แต่ทุกอย่างก็เดาได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่าจะซับซ้อนอย่างที่คิด ยิ่งตอนจบอันสุดแสนสยองขวัญที่มาไม้นี้ก็รู้ทันเพราะแววส่อตั้งแต่ยังไม่เริ่ม และดูเหมือนว่า Chernobyl Diaries ไม่มีอะไรแปลกตานอกจากสถานการณ์จำปิดตายแบบเปิดโล่ง ทั้งความสัมพันธ์ของตัวละครที่พอมีอะไรให้จับต้องจับตาได้หลายอย่าง สิ่งมีชีวิตที่อาศัยในเมืองร้างทั้งที่ไม่น่าจะมี และสุดท้ายความลึกลับของตัวโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลที่ถูกทิ้งร้างนั้นมีอะไรซ่อนไว้เป็นเบื้องหลัง สุดท้ายหนังจบไปกับความลับที่ระบุไม่ได้สักอย่างนอกจากทิ้งเชื่อว่าเป็นเพราะกัมมันตภาพรังสีที่น่าเป็นไปได้มากที่สุดเท่านั้น และจะอะไรถ้ามีรัฐบาลเข้ามากเกี่ยวข้องในตอนท้ายที่ดูเหมือนใครรู้ความลับก็ไม่รอด งั้นตอนจบก็ว่ากันตามน้ำล่ะกัน