Crimson Tide (1995) ลึกทมิฬ

Crimson Tide (1995)
ลึกทมิฬ
Director: Tony Scott
Genres: Action | Drama | Thriller | War

"หากเรารับคำสั่งไม่ได้ หากเราไม่ยิง ในวอชิงตันเขาก็จะสั่งให้เรือลำอื่นยิงอยู่ดี หากว่าเขาสั่งให้ยิงจริงๆ"

"แต่หากว่าเรายิงโดยที่คำสั่งอาจจะบอกว่าไม่ แล้วยิงนิวเคลียร์  เรายิง เขายิง จะเกิดอะไร เกิดสงครามนิวเคลียร์ และเราจะได้รับกันถ้วนๆหน้า"

ถึงคราวนักแสดงรางวัลออสการ์มาประชันบทกันในเรื่องของเรือดำน้ำที่กำลังมุ่งตรงสู่รัสเซียเพื่อยับยั้งการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ของเหล่ากลุ่มชาติหัวรุนแรงที่จะยิงนิวเคลียร์ในไม่ช้า จึงเป็นหน้าที่ของกัปตันแฟรงค์ แรมซีย์(Gene Hackman)และต้นเรือรอน ฮันเตอร์(Denzel Washington)ในการคุมบัญชาการเรือดำน้ำ โดยเป้าหมายคือจัดการกลุ่มหัวรุนแรงก่อนที่จะมีการยิงนิวเคลียร์ แต่ทว่าเกิดเหตุขัดข้องกับการปะทะเรือดำน้ำทำให้สัญญาณวิทยุขาดหาย ซ้ำวิทยุยังพังยากแก่การซ่อมแซ่มให้ใช้ใหม่ กลายเป็นว่าได้คำสั่งปฏิบัติการมาไม่ชัดเจน แต่ด้วยหน้าที่ของเรือดำน้ำที่ได้มา กัปตันแฟรงค์ตัดสินใจให้มีการยิงก่อนจะถูกยิงแม้ไม่รู้เบื้องบนสั่งอะไรมา ต้นเรือฮันเตอร์คัดค้านและยืนกรานไม่เห็นด้วยกับการกระทำ จึงเป็นข้อขัดแย้งภายในตัวเรือว่าสมควรจะคอยซ่อมวิทยุที่ไม่รู้จะซ่อมได้หรือไม่ หรือยิงไปเพื่อให้เรื่องราวจบด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ แต่ไม่ว่ายังไงสงครามได้เกิดก่อนจะเกิดสงครามจริงๆที่ไม่นานต่างคนต่างเริ่มมีความเห็นต่างกันแบ่งเป็นพวก และสุดท้ายเรือดำน้ำลำนี้จะทำยังไงระหว่างยิงกับไม่ยิง


ช่วงแรกของหนังเริ่มได้ดีและอรรถรสในการให้ความรู้สึกร่วมทำได้น่าสนใจ ไม่ว่าจะการสนทนาที่ไปแบบสบายๆแต่ข่มกันไปมาหรือจะดนตรีประกอบที่กระตุ้นอารมณ์ร่วมรักชาติยังไงอย่างนั้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นฝีมือคนโปรดจาก Hans Zimmer ที่บุคคลนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากเพราะผลงานแต่ละเรื่องแสดงความขลังได้น่าลุ่มหลง หนังเปิดด้วยครอบครัวของฮันเตอร์ที่มีงานปาร์ตี้วันเกิดของลูก ในช่วงนั้นเองที่เกิดข่าวเกี่ยวกับจะเกิดสงครามทำให้เขาได้รับหน้าที่พิเศษไปเป็นตัวแทนต้นเรือดำน้ำคนใหม่เพราะคนเดิมป่วยกระทันหัน มุมมองแรกที่คิดได้คือการเป็นทหารนั้นก็เสี่ยงพออยู่แล้วกับการมีชีวิตข้างนอกที่จำกัด เวลาเกิดเรื่องอะไรก็โดนเรียกตัวแม้ในวันเกิดลูกก็ต้องไปเพราะเป็หน้าที่รับใช้ชาติ เห็นแบบนี้เป็นใครคงหดหู่กันบ้างทั้งที่มีความสุขกับครอบครัว แต่ว่าหนังเลือกให้ฮันเตอร์มีความมั่นคงตลอดเวลาไม่หวั่นไหวที่จะกลัวเลยในขณะเดียวกันก็ยังเห็นได้ว่ามีนิสัยที่ไม่เข้มงวดกับคำสั่งเกินไปแต่ก็ไม่หย่อนให้ อย่างตอนเห็นลูกเรือทะเลาะกันที่ไม่ได้กล่าวทำโทษอะไนหนักนอกจากสั่งสอนเล็กๆน้อยๆไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก ที่สำคัญคือฮันเตอร์เป็นคนใหม่สำหรับเรือดำน้ำนี้ ฉะนั้นการทำหน้าที่ต้นเรือในฐานะคนแปลกจึงเป็นที่ต้องสายตา และคนที่มองฮันเตอร์มากที่สุดคือกัปตันเรือแฟรงค์

เมื่อได้รู้ว่าฮันเตอร์เป็นคนแบบไหนก็ถึงคราวตัวละครสำคัญกัปตันแฟรงค์ที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุความขัดแย้ง เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากตัววิทยุเสียหายอย่างหนักจนรับคลื่นไม่ได้ซึ่งนั้นทำให้ข่าวที่ได้รับตอนนั้นได้มาแค่ครึ่งเดียว แต่ครึ่งที่ว่าไม่รู้ว่าจะสั่งหยุดหรือยิง โดยการจะยิงนิวเคลียร์มีอยู่ว่าถ้าข้าศึกเตรียมพร้อมเมื่อไรจะมีเวลาเพียงไม่กี่นาทีในการให้เตรียมตัวยิง และเป็นไปอย่างที่บอกคำสั่งไม่มาไม่ครบ แต่ในฐานะกัปตันแฟรงค์สิ่งที่ต้องปฏิบัติคืคำสั่งแม่ที่ให้ทำหน้าที่ยิงหากมีการส่งสัญญาณถึงข้าศึก ฮันเตอร์เองไม่พอใจกับคำสั่งนี้ จึงขอให้คอยไปก่อนและจะซ่อมวิทยุเพื่อรับคำสั่งเต็ม ทีนี่กัปตันแฟรงค์ไม่ฟังมุ่งจะลงมือต่อไปให้สำเร็จจึงกลายเป็นการทะเลาะระหว่างต้นเรือกัปตันที่มีความเห็นไม่ลงรอย


เสนห์อย่างหนึ่งของหนังเรือดำน้ำที่ต้องมีกันคือแรงกดดันที่บีบมาจากใต้มหาสมุทรอันลึกล้ำยากแก่การรับสัมผัส หรือง่ายๆคือจิตใจของคนเรานี้เอง ซึ่งมักจะตอบสนองต่อความกลัวได้อย่างน่าตกใจและครุ่นคิดเสมอถึงความกลัวที่กำลังก้าวข้ามมาจากสิ่งที่มองไม่เห็น การอยู่ในเรือดำน้ำมีข้อแตกต่างกับเรือบนน้ำหลายขุม ทั้งสภาพความเป็นอยู่หรือข้าศึกที่ค่อยๆก้าวจากหนึ่งเป็นสองหรือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากมิตรเป็นศัตรู ต้นเรือฮันเตอร์แม้จะไม่เคยได้ลงประสบการณ์การรบจริงมาก่อนนั้นยังเข้าใจในประเด็นความเสี่ยงที่ว่า"อย่าลงมือปฏิบัติจนกว่าจะรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด" แต่ทีนี้ปัญหาของเหตุการณ์อยู่ว่าวิทยุรับสัญญาณเกิดปัญหาขัดข้องจนไม่สามารถซ่อมได้ทันทีทันใด และเป็นปัญหาที่ว่าข้อมูลที่ได้มีระยะการส่งเพียงครึ่งหนึ่งที่รับรู้ ซึ่งมีคำสั่งว่าอะไรสักอย่างไม่มีโอกาสได้รู้ต่อ บางทีอาจเป็นยิงหรือหยุดก็เป็นได้ ด้วยความเห็นเพียงหนึ่งเดียงที่ต้นเรือพึ่งประสงค์มากที่สุดคืออย่าทำอะไรกับหัวรบนิวเคลียร์จนกว่าจะซ่อมวิทยุเสร็จเพื่อจะได้รู้อย่างแจ่มแจ้งว่าคำสั่งจะหมู่หรือจ่า แต่ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่นั้นแต่หมายถึงกัปตันเรือแฟรงค์ที่มีคำสั่งเด็ดขาดจากคำสั่งเบื้องสูงที่เดิมทีว่ามีหน้าที่ยิง และตัวเองก็เชื่อว่าการได้รับสั่งมาไม่ครบยังไงสิ่งที่ต้องรับรู้ครั้งสุดท้ายคือต้องทำตามนั้น นั้นคือยิง

เมื่อความเห็นเป็นไปอย่างไม่ลงตัว และต้นเรือไม่อนุมัติให้ในคำสั่งว่าถูกต้อง ฮันเตอร์จึงใช้ข้อบังคับกฎทางทหารให้จับกัปตันแฟรงค์ไปคุมขัง และฮันเตอร์ขึ้นควบคุมแทน แต่ถึงอย่างั้นก็ไม่ใช่ทุกคนจะฟังเสียงของเขา เนื่องจากยังมีหลายคนเชื่อมั่นในกัปตันแฟรงค์ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสและเคยร่วมรบสงครามจริงๆมาก่อน ด้วยความเห็นที่ไม่มั่นใจว่าจะเลือกข้างอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงเป็นแรงกดดันของลูกเรือหลายคนว่าควรจะอยู่ฝั่งไหนดี ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม แล้วเกิดเป็นคำถามที่ว่าควรสนับสนุนใครระหว่างต้นเรือฮันเตอร์กับกัปตันแฟรงค์
 

เพราะมีหลายคนยังเชื่อในอุดมการณ์ความคิดของกัปตันแฟรงค์ทำให้เป็นเหตุของการก่อกบฏขึ้นในตัวเรือที่จะยึดหน้าที่การยิงกลับมา เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ความวุ่นวายจึงเกิดเป็นฝั่งเป็นพวกที่ไม่รู้ว่าควรเลือกข้างไหนกันแน่ที่ถูก แต่สิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้ทันทีว่าสงครามที่ใกล้ตัวมากที่สุดไม่ใช่สงครามที่ยิ่งใหญ่ระดับสงครามโลกหรือระเบิดนิวเคลียร์ เพราะสิ่งนั้นคือสงครามจิตใจและความไว้วางใจในการความเชื่อมั่น ถ้าจุดนี้ถูกสั่นคลอนหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นจะถูกทำลายจากสิ่งที่ไม่เหมือนกัน เช่นเรื่องของกัปตันแฟรงค์กับต้นเรือฮันเตอร์ที่มีความคิดต่างกัน อีกคนหนึ่งสุขุมอดทนแต่ใจร้อน ในขณะที่อีกคนสุขุมอดทนแต่ต่างกันที่ใจเย็นกว่า

ไม่ใช่แค่เอามันส์แบบลุ้นระทึกเท่านั้นซ้ำยังมีความตื่นเต้นในการประชันบทบาทของ Denzel Washington กับ Gene Hackman และที่ยังไม่พอคือความเครียดที่ส่งต่อถึงผู้ชมได้อย่างลงตัว มีการวางตัวละครให้ซึมซับถึงบทบาทพร้อมกับทำให้ตัวละครต่างมีมิติตัดสินใจเลือกว่าจะเอายังไงดี
 

Crimson Tide สนุกในด้านการวางเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็วและบีบคุ้นจากภายใต้กดดันของระเบิดนิวเคลียร์ที่เกิดข้อผิดพลาดว่าควรตัดสินยิงหรือไม่ ในภาวะกดดันแบบนี้ความระทึกจัดว่าน่าลุ้นระทึก มีการวางเนื้อเรื่องได้ต่อเนื่องไม่เสียเวลามาคุยโน้นคุยนี้ ที่สำคัญคือในเรื่องให้ตัวละครมีแรงกดดันผ่านสีหน้าได้ดี ในด้านนักแสดง Denzel Washington สามารถสร้างความเชื่อมั่นในตัวได้อย่างเหลือเชื่อในการโน้มน้าวใจคนให้เชื่ในสิ่งที่พูดออกมา Gene Hackman ที่รับบทกัปตันแฟรงค์ก็ใช่ย่อย จากในเรื่องเหมือนได้เจอบุคคลที่มีอารมณ์เก็บมากมายในใจแต่ต่อหน้ามีความคิดที่เด็ดเดี่ยวอย่างน่าใจหาย ที่ชอบเห็นจะเป็นฉากถกเถียงกันอย่างเมามันส์ระหว่าง Denzel Washington กับ Gene Hackman โดยหนังสามารถสร้างความน่าตกใจได้กับนิสัยของกัปตันแฟรงค์ที่จู่พออารมณ์ขึ้นมันคนละคนกับทีแรกเลย แล้วก็ยังมีนักแสดงอีกหลายๆคน อาทิ Matt Craven,George Dzundza,Viggo Mortensen และมากมายกับการแสดงแบบเครียดๆ และที่สำคัญคือฝีมือของผู้กำกับ Tony Scott รายนี้ที่ยังมีทีเด็ดเสมอกับความเร็วและแรงแบบที่หนังสร้างชื่อ Top Gun (1986) ก็ไม่วาย

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)