House on Haunted Hill (1999) | บ้านเฮี้ยนหลอนผวาโลก | B+
Director: William Malone
Genres: Crime | Fantasy | Horror | Mystery | Thriller
"เป็นหนังแนวบ้านผีสิงที่ชอบที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้"
งานรีเมคจากปี 1959 กับโรงพยาบาลผีสิงที่อดีตคือโรงพยาบาลบ้าที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันจนต้องตายกันโขยงเพราะระบบตัวอาคารที่ปิดตายได้เอง เรื่องราวเริ่มหลังจากนั้นที่มีนายทุนสตีเฟ่น ไพรซ์ (Geoffrey Rush) เจ้าของสวนสนุกอยากลองเล่นเกมสักเกมหนึ่งในงานวันเกิดที่อาคารแห่งนั้นโดยมุ่งหวังตั้งเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะเกมได้เป็นมูลค่า $1,000,000 ที่นับเป็นเงินก้อนโตที่พร้อมจะดึงดูดนักเล่นเกมทั้งหลาย ในขณะที่เหล่าบรรดาแขกเริ่มเข้ามากันงาน ไพรซ์ต้องแปลกใจเมื่อสังเกตเห็นว่าแขกที่มาในงานต่างไม่ใช่คนที่คิดเอาไว้ ซึ่งทั้งหมดคือคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักหรือเคยเห็นมาก่อน รวมถึงบัตรเชิญที่ตั้งใจส่งถึงอีกคนกลับกลายเป็นอีกคนได้อย่างไรก็ไม่รู้ ทำให้บรรดาแขกทั้งหลายต่างสักไม่แน่ใจแล้วว่าสมควรไว้วางใจกับการมาที่นี้หรือไม่ และไพรซ์ก็เริ่มคิดแล้วว่าอาจเป็นฝีมือของเอลเวอเรน (Famke Janssen) ภรรยาตัวเองที่พยายามแย่งชิงความเด่นและต่างแข่งกันเพราะความบาดหมางเรื่องส่วนตัว แต่ยังไงเรื่องล้วนเลยเถิดมาไกลเกินจะให้ย้อนกลับ ด้วยความที่ไพรซ์เป็นเจ้าภาพในงานทำให้ต้องดำเนินเรื่องต่อไปแบบงงๆก็ตามที โดยประกาศให้ทุกคนทราบถึงสิ่งที่ต้องทำในคืนนี้ว่าจะมีใครอยู่ได้นานแค่ไหนและจะได้รางวัลไป และด้วยเป็นคนมีลูกเล่นทำให้เขาเองมีแผนซ่อนเอาไว้กับอุปกรณ์ต่างๆที่ออกแบบมาเพื่อหลอกบรรดาแขกๆให้ตกใจอย่างเป็นความลับ แต่ทว่ากลหลวงต่างๆดูเหมือนจะทำงานเกินขอบเขตเมื่อสิ่งที่วางไว้กลับเกิดขึ้นจากจุดที่ไม่ทำให้เกิดหรือเกิดขึ้นแต่ไม่ใช่เพราะเป็นหนึ่งในกลอย่างว่า แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง
ดูเหมือนว่าเกมปฏิบัติการขนหัวลุกครั้งนี้จะอยู่เหนือสิ่งที่วางแผนเอาไว้อย่างมาก เริ่มตั้งแต่แขกที่ไม่ได้รับเชิญหรือจะความเพี้ยนของตัวอาคารหลังนี้ที่ทำให้ตกใจในความหลอนที่เกินไพรซ์จะสร้างขึ้นมาเอง แต่เท่านั้นยังไม่จบง่ายๆเมื่อมีคนอยากจะออกจากที่นี้ทำให้เครื่องจักรตัวอาคารทำงานโดยอัตโนมัติอย่างเหลือเชื่อด้วยวิธีเดียวกับการไม่ให้คนไข้หนีจากโรงพยาบาลบำบัดโรคจิตนั้นคือขังทั้งเป็นด้วยการปิดตัวอาคารทั้งหมด ไร้ซึ่งทางออก ไร้ซึ่งหนทาง ไร้ซึ่งชีวิตรอด ในเวลานี้พวกเขาทั้งหมดต้องถูกขังในที่แห่งนี้ที่พร้อมด้วยวิญญาณอาฆาตอีกนับไม่ถ้วนที่เล่นงานอยู่ตลอดเวลาที่มีความน่ากลัวอันสยดสยองมากมายให้ตกใจ ในขณะเดียวกันที่แห่งนี้ยังมีความลับที่อาจเป็นหนทางรอดไปก็ได้แต่จะรอดได้ยังไงถ้าไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเล่นอยู่กับใคร
บางทีการดำเนินเรื่องแบบสยองเข้าว่าคงไม่ได้ใจสักเท่าไหร่ถ้ายิ่งดูแนวนี้มามากเพราะสิ่งที่เห็นคือการดำเนินตอบสูตร ชอบไม่อยู่เป็นกลุ่มหาเรื่องแยกทางตลอด หรือจะชอบเสี่ยงทำโน้นทำนี้หาเรื่องใส่ตัว แต่กับ House on Haunted Hill ไม่ใช่ทุกอย่างเกิดขึ้นตามนี้ เนื่องจากบทบาทของแต่ละตัวละครมีจุดเด่นของตัวเอง อีกทั้งยังเดายากพอสมควรว่าหนังจะให้เราสะดุ้งอะไรได้บ้าง(ถ้ายังไม่เคยดูหรือเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน) ที่น่าสนใจคือรูปแบบตายตัวที่ง่ายๆในการชักนำคนเข้าบ้านโดยไม่รู้ว่าที่แห่งนี้เหี้ยนมากแค่ไหนก่อนจะรู้ว่าช้าเกินไปที่จะออกจากประตู ซึ่งหลังจากได้เหยียบเข้าบ้านทุกอย่างเป็นอันจบ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวจากภายนอก ดังนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างจะอยู่ในบ้านที่ตัวละครเดินไปว่าเล่นและเกิดเรื่องสยองต่างๆนาๆขึ้นแบบแอบซาดิสซ์ปะปนกันไป ในเรื่องเองจะมีตัวละครที่ค่อนข้างหลากหลายมีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเองที่ชัดเจนและที่สำคัญคือการแจกจ่ายบทอย่างลงตัว แม้จะอาจไม่พอดีบ้างแต่ถือว่าทำให้ตัวละครต่างๆมีส่วนเด่นๆของตัวเองอยู่ไม่น้อย ทั้งนี้การสร้างพฤติกรรมและบุคลิกเบื้องหลังจัดว่ามีการหักมุมเป็นนัยๆอีกด้วย เนื่องจากอันดับแรกทุกคนมาที่แห่งนี้อย่างไม่รู้ตัวว่าจะมา และสองบางคนมาอย่างมีจุดมุ่งหมาย แล้วทำไมทั้งสองข้อถึงดูหักล้างกันและไม่น่าจะเหมารวมได้ เพราะว่ารายชื่อของแขกที่ไพรซ์ทำนั้นบิดเบียนไปจากที่ทำเอาไว้ตอนแรกจนกลายพาใครที่ไหนมาก็ไม่รู้ แต่ถ้าลองชมหนังไปเรื่อยๆจะพบว่ามีบางคนมาตามที่คาดเอาไว้และคนนั้นมีเอี่ยวกับคนอื่นด้วย ฉะนั้นนอกจากความอาภรรพ์แล้วยังมีเรื่องของคนกันเองที่จะไว้ใจกันได้มากแค่ไหนอีกด้วย บางทีการเห็นว่าคนๆนั้นเป็นแบบนั้นแต่พอเอาเข้าใจภายใต้เบื้องหลังกลับกลายเป็นอีกคนที่พร้อมจะทำตามใจตัวเอง สรุปว่านอกจากผีแล้วคนยังน่ากลัวเหมือนกัน
ด้วยที่ว่ามีตัวละครหลายตัวจึงต้องใช้เวลาสักระยะให้ผู้ชมเข้าใจกันก่อนและคนแรกคือไพรซ์ที่เชื่อว่าสามารถมัดใจผู้ชมได้ตั้งแต่ต้นจนจบด้วยลูกเล่นที่มากมาย และสำคัญสุดคือเป็นคนที่เอาตัวรอดได้เก่งอีกคนหนึ่งในท่ามกลางความหลอน แม้ว่าไพรซ์จะเป็นเจ้าของสวนสนุกก็จริงอยู่จึงไม่แปลกที่จะชอบการหลอกคนด้วยกันเองให้กลายเป็นเรื่องสนุก อย่างช่วงเปิดตัวที่ไพรซ์พูดคุยกับนักข่าวในลิฟท์ด้วยท่าทางสบายใจก่อนจะเล่นละครตบตาด้วยกลไลระบบทำลิฟท์เสียที่กำลังลงจากที่สูงด้วยความเร็วที่เซอร์ไพร์สด้วยการหลอกเล่นอย่างสบายใจว่าตัวเองทำสำเร็จ ในขณะนั้นเองเอลเวอเรนที่เป็นภรรยาเก่าก็ดูจะไม่ลงรอยกันเท่าไหร่กับไพรซ์ เมื่อไปถึงไม่ทันไรก็ออกแววจะกัดกันซะแล้ว ถ้าไม่ใช่หนังสยองแบบเอาเพลินตามสูตรก็อาจเอาโป้กฮากึ่งไร้สาระ แต่ก็ยอมรับ House on Haunted Hill เป็นหนังที่น่าโดนใจพอสมควรที่สามารถให้อารมณ์ได้เกือบหมดจดของแนวสยองขวัญที่มีฮากันบ้างเล็กน้อย(แต่ก็ขึ้นกับว่าจะขำออกกันหรือเปล่า) ทีนี่ก่อนจะกล่าวถึงความอรรถรสของตัวหนังลองมาเจาะเหล่าตัวละครที่เหลือกันก่อนว่าเป็นใครกัน
เริ่มจากเอ็ดดี้ เบเคอร์ (Taye Diggs) อดีตนักกีฬา สำหรับรายนี้มาแบบงงๆไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับใครเลย,แบล็คเบิร์น(Peter Gallagher)คนนี้เป็นแพทย์ กับรายนี้ดูไปสักพักจะรู้ความจริงว่ามีส่วนกับใคร ซึ่งนั้นทำให้ตัวละครนี้เด่นขึ้นมาและดูเป็นว่าจะเหมือนเป็นตัวโกงแต่แท้จริงแล้ว...,วัตสัน (Chris Kattan) มีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยตรงเพราะพ่อเป็นคนสร้างและดูจะระแวง ไม่ชอบที่แห่งนั้นมาก,ซาร่า วูล์ฟ (Ali Larter) ผู้หญิงที่เป็นตัวเอกของเรื่องที่มีความลับของตัวเองอยู่ และ เมลิสสา มาร์กาเร็ท มาร (Bridgette Wilson-Sampras) จัดรายการโทรทัศน์ ในหนังถือกล้องตลอดและเป็นคนเดียวที่เกือบถูกลืมก่อนจะมีคนทักว่าเธอหายไปไหน ซึ่งเธอ... คิดว่าจะมีอะไรบ้างถ้าลองเทียบกับหนังสยองขวัญแนวบ้าน คฤหาสน์ผีสิง คำตอบคือความหลากหลาย ปกติแนวนี้พื้นฐานของมันคืออยากรู้อยากเห็น ซึ่ง House on Haunted Hill ดัดแปลงอีกทีให้เป็นรูปแบบเกม ตามด้วยตัวละครที่มาจากคนละทิศคนทางต่างฐานะต่างอาชีพ และไม่ได้ตั้งใจอยากจะมา
คิดว่าความสยองจะเป็นยังไงบ้างมาให้สะดุ้งไหมหรืออะไรที่มันน่ากลัวจนไม่กล้านอนหรือเปล่า อันนี้ขอตอบตามจริงเลยว่ามันสนุกจนลืมไม่ลงจริงๆ ความสยองถือว่าโอเคเลยมีลูกเล่นผสมเข้าไปชวนผวา มีหลอกหลอนกันพอประมาณแต่ที่เด็ดสุดคือการสร้างภาพว่าตัวละครตายทั้งที่ยังไม่ตาย จัดว่าเป็นการหลอกผู้ชมและตัวละครในเรื่องได้น่าสนใจ ไม่ใช่แค่ผีเท่านั้นที่น่ากลัวยังมีคนที่ต้องระวังกันอีกด้วย ความสะดุ้งออกแนวโหดๆจัดกันหนักทีเดียว เป็นหนังสยองที่ไม่เสียเวลากับลูกเล่นเดิมๆพยายามสร้างของใหม่มาตลอดและในแต่ละครั้งที่ความสยองเกิดมักจะมีการโชว์ของเด็ดต่างๆ อย่างเช่นตอนไพรซ์ถูกขังในห้องทดลองสักอย่างที่เหมือนมีเอาไว้ดับจิตผู้ป่วย ที่พอเครื่องจักรในห้องทำงานเท่านั้นแหละลูกเล่นที่ไม่ธรรมดาก็เริ่มขึ้นทันที แถมด้วยบรรยากาศจัดว่ามาแบบมืดๆแคบๆตามทางเดิน ซึ่งจุดนี้เองที่พอใช้ได้แต่ความเห็นส่วนตัวรู้สึกจะถูกบั่นทอนไปหน่อยเรื่องโทนที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสน ที่ตะหงิดคือการเอาเอฟเฟคคอมฯมาใช้ในตอนท้ายกับผีตัวท้ายเรื่องที่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยเนียนเลย เห็นแล้วแปลกๆ ลองสังเกตดีๆอีกอย่างผีตัวสุดท้ายมีความนัยเปรียบเทียบอีกอย่างคือการนำอุปนิสัยมาใช้ หรือตามโรงพยาบาลที่เวลาตรวจสภาพจิตใจหรือความคิดจะเอาหมึกดำในกระดาษที่ถูกพับแล้วเป็นรูปแปลกขนานกันสองข้าง นับว่าเหมาะกันดีที่ดั้งเดิมเป็นโรงพยาบาลบ้าซะด้วย
ถ้าใครยังเบื่อๆกับทัศนคติเดิมกับหนังผีบ้านผีสิงตามสูตรเอาสะดุ้งอย่างเดียวแล้วละก็ ขอแนะนำ House on Haunted Hill ให้หามาชมกันสักรอบเพราะบางทีอาจจะชอบตั้งแต่หนังยังไม่จบก็ได้ และที่ไม่พ้นความสนุกคือการสร้างให้เรื่องราวผูกกันได้กับตัวละครต่างๆว่าทำไมถึงถูกเชิญมาได้ นอกจากนี้ยังมีการดำเนินเรื่องที่มันส์อีกด้วย ไม่มีจุดสะดุดหรือรำคาญมีความต่อเนื่องเรื่องราวไปตลอด ตัวละครเองไม่จัดว่าสมควรให้ตายเพราะความงี่เง่าอีกด้วย ทำให้อารมณ์แบบเซ็งๆไม่มีนอกจากความสนุกจากความสยองที่ได้ใจกับลูกเล่นต่างๆที่ขยันขนมากับความโหดที่มีได้เลือดนองกันบ้าง ฉะนั้นขอย้ำว่านี้เป็นหนังสยองขวัญบ้านผีสิงที่ขนอารมณ์มาให้หมดทุกรูปแบบแล้วอยากได้อย่างไหนรับรองมีให้แน่นอน