The Hills Run Red (2009) ฟิล์มเชือด สับไม่เหลือซาก

The Hills Run Red (2009)
ฟิล์มเชือด สับไม่เหลือซาก
Director: Dave Parker
Genres: Horror / Mystery / Thriller
Grade: C+

ไทเลอร์(Tad Hilgenbrink)หนุ่มศึกษาเรื่องหนังที่กำลังค้นคว้าอย่างหนักในการตามหาหนังเรื่อง The Hill Run Red ที่คงเอาไว้แค่ตัวอย่างหนังที่มีความสยองจนได้กระแสว่าเกินไปสำหรับวงการหนังจนถูกทำให้ลืมหรือแบนหายไปอย่างไร้ร่องรอยรวมถึงผู้กำกับคอนแคนนอน(William Sadler)ที่หายไปอย่างปริศนา เบาะแสอย่างเดียวที่ไทเลอร์รู้คืออิเล็กซ่าลูกสาวของคอนแคนนอนที่แสดงในหนังดังกล่าว และนั้นทำให้เขาต้องขอความช่วยเหลือจากเธอเกี่ยวกับหารตามหาหนังเรื่องนั้นเพื่อต้องการดูต้นฉบับที่ได้เพื่อนร่วมทางลาโบ(Alex Wyndham) และเซริน่า(Janet Montgomery)แฟนของไทเลอร์ที่ความสัมพันธ์ทั้งสองมีปมด้อยขึ้นเรื่อยๆจากความคลั่งไคล้ของไทเลอร์ แม้ทีแรกอิเล็กซ่าจะไม่ยินยอมพาไปที่บ้านของพ่อแต่สุดท้ายจำต้องไปตามคำยุยงตามต้องการของไทเลอร์ที่แอบแฝงเจตนารมณ์อย่างอื่นซ่อนไว้ ทว่าการเดินทางยังคงราบรื่นไปด้วยดีจนเริ่มมีบางอย่างทำให้สังหรณ์ใจแปลกๆเกี่ยวกับการเดินทางที่ไม่ชอบมาพากลก่อนจะรู้ว่าหนังที่พวกเขากำลังตามหานั้นกำลังถูกใครบางคนลอบถ่ายเป็นหนังสยองซะเองเรื่องหนึ่งที่กำลังจะเกิดเรื่องสยองน่ากลัวเกิดขึ้นกับฆาตกรโรคจิตเสื้อสีแดงหน้ากากตุ๊กตาเด็ก


ดูเหมือนว่าคราวนี้จะได้ดูหนังสยองแรงๆอีกเรื่องหนึ่งที่ใส่ความโหดเข้ามาจนมีแบนกันไปบ้างทีเดียว ซึ่งความสยองในทีนี้คือการนำลูกเล่นเก่าๆมาใช้กันอย่างบ้าคลั่งก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะมีตามสูตรตามเกิดแล้วยังมีเรื่องราวที่โยงเข้ามาจนเหมือนจะคิดมาก แต่จริงคือคิดน้อยเข้าไว้รับประทานความโหดเยอะๆ เริ่มที่ว่าฆาตกรรายนี้ที่มีส่วนผสมที่น่าใกล้เคียงกับพวกเจสัน วอร์ฮีส์ที่มีลักษณะปิดบังใบหน้าตัวเอง(ประมาณว่ากลัวความหล่อไปชนะใจสาวๆ)ตามด้วยร่างกายที่ต้องใหญ่โตให้น่าเกรงขามและกดดัน ซึ่งฆาตกรรายนี้มีการใช้หน้ากากของตุ๊กตาจึงได้ฉายาว่า"เบบี้เฟซ" ถือเป็นเรื่องพิสูจน์อย่างหนึ่งเกี่ยวกับตั้งชื่อที่ทำให้เราสงสัยถึงความแปลกที่น่ามีต้นตอ คล้ายๆกับเลเธอร์เฟซที่มีหน้ากากเพราะเป็นโรคผิวหนังในขณะที่เบบี้เฟซมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่าเรื่องปกติเช่นโรคคือสภาพจิตใจที่ไม่ปกติหรือจะกล่าวตรงๆคือฆาตกรในเรื่องนี้มีสติไม่เต็มนั้นเอง  ทว่าการดำเนินเนื้อเรื่องยังมีส่วนของการเริ่มเรียกที่ว่าครอบครัวเป็นตัวกลางในการสื่อถึงความจริงที่มากกว่าหนึ่งหรือฆาตกรมากกว่าหนึ่งคน


ช่วงแรกของหนังคือการดำเนินเรื่องไปกับการเจอเบบี้เฟซไล่ฆ่าคนที่มีดีกรีความโหดและน่ากลัวใช่ย่อย แต่จะอะไรซะอีกที่ตัวหนังเสิร์ฟเมนูบริหารสายตาเป็นว่าเล่นที่โชว์ฉากเปลือยท่อนบนจนมากแล้วมากอีกที่กินเวลาโดยรวมไปหลายฉากที่พอๆกับฉากโหดๆ ซึ่งถ้าการดำเนินเรื่องลงเรื่องราวให้ตั้งใจมากกว่านี้บางทีการโชว์นมอาจเป็นเมนูเล็กๆมากกว่าเมนูหลัก แต่ด้วยถือคติที่ว่าหนังสยองต้องจัดให้เร้าใจการมีฉากเปลือยถือเป็นเรื่องปกติในการกระตุ้นอารมณ์อย่างหนึ่งที่เรียกว่า"ความรุนแรง"

สิ่งแรกคือการดำเนินเรื่องที่อธิบายความเป็นมาของเบบี้เฟซชัดเจนในบางส่วนที่เข้าใจในระดับที่รู้กันได้ เนื่องจากมีการพูดคุยเรื่องอื่นเสียมากการโยงใยเข้าตัวเบบี้เฟซจึงมองว่ามีพฤติกรรมแบบสติฟั่นเฟือง การที่ถูกมองเช่นนั้นเพราะการเล่าปูมหลังที่ไม่สำคัญอะไรมากเนื่องจากลงรายละเอียดไปกับบางเรื่องเพราะเบบี้เฟซเป็นแค่ส่วนหนึ่งในนั้นเท่านั้น แม้ว่าผิวเผินจะดูเก่งและมีความอึดเหมือนพวกรุ่นพี่นักฆ่าก็ตามทีแต่ใจจริงคือการทำให้ผู้ชมคิดไปเองเพราะว่านี้คือการถ่ายทำหนัง ฉะนั้นเบบี้เฟซไม่ใช่ตัวละครที่มีปัญหาแต่เป็นคนที่มีความหดหู่ชอบระบายไปกับความรุนแรงจนจิตใจติดใจกับการฆ่า ถ้ามองว่าเบบี้เฟซมีจุดอ่อนในเรื่องจิตใจให้ตัดทิ้งไปได้เลยเพราะความฉลาดและไหวพริบนั้นเอง ก็หนังสยองเรื่องไหนบ้างที่ฆาตกรที่ชอบใช้มีดจู่ๆใช้ปืนมายิง


"ถ้าอยู่เฉยๆไม่ใช่พวกอยากสอดรู้สอดเห็นบางทีก็รอดไปนานแล้ว"

หรือเป็นเพราะเป็นความต้องการที่ล่อกลุ่มคนรักหนังให้มาติดกับกันแน่ ข้อแรกที่หนังทำให้ดูดีคือการใช้เหตุผลในการทำให้ตัวละครมีแรงจูงใจ อย่างเช่นการทำไมต้องเจาะจงไปกับการหาหนังเรื่อง The Hill Run Red หรือเลือดท่วมภูเขาที่ตัวเอกของเราพยายามตามหามาโดยตลอดเพราะเหตุที่ว่าไม่เคยมีได้เห็นต้นฉบับมาฉายอีกเลย ในขณะเดียวกันยังเป็นปริศนาอีกอย่างหนึ่งที่ว่าตัวผู้กำกับหนังเรื่องนี้ยังหายตัวไปอย่างลึกลับพร้อมกับหนังเรื่องนั้นที่คงไว้เพียงแค่ตัวอย่างสั้นๆเอาไว้ชุดหนึ่งที่ได้สร้างความอยากของไทเลอร์เอาไว้มากจนแทบจะเรียกว่าเสพติดก็ยังได้ เนื่องจากเป็นการหมกมุ่นที่หลงตัวเองจนขาดการแคร์คนรอบข้างที่ชัดๆคือแฟนของตัวเองจนเป็นเรื่องน่าหนักใจ แต่ถึงกระนั้นการดำเนินเรื่องยังสอดแทรกของเรื่องอารมณ์หรือความอยากในกามที่เกิดขึ้นกับแฟนของไทเลอร์อันมาจากความหมกมุ่นของเขา จนไม่รู้ตัวว่าเพื่อนใกล้ตัวของเขาลาโบได้แอบคิดไม่ซื่อกับเซริน่าแฟนของเขาเป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าบางทีการกระทำดูเหมือนเป็นการบอกเลิกแต่ก็ยังไม่เลิกเพราะในใจของเซริน่าเองยังห่วงไทเลอร์อยู่และนั้นเป็นเหตุผลที่ต้องตามไทเลอร์ไปด้วย ฟังดูเหมือนเซริน่าเป็นนางเอกที่ไม่น่าเป็นเพราะภาพพจน์ที่ไม่ดีแต่กระนั่นใช่ว่าจำเป็นต้องเป็นไปตามสูตรซะเมื่อไร และที่น่าเห็นใจคือตัวละครหลักในเรื่องจะมีอยู่เด่นๆไม่กี่คนจึงต้องใส่รายละเอียดไปมากพอควร ซึ่งจนจบหนังถึงเข้าใจไทเลอร์ว่าใจจริงของเขาต้องการอะไรมากกว่าได้ดูหนังเรื่องนี้


ไทเลอร์เริ่มสืบประวัติต่างๆย้อนหลังกลับไปจนพบเบาะแสอย่างหนึ่งที่น่าช่วยเขาได้คือนักแสดงในหนังเรื่องนั้นที่เป็นถึงลูกสาวของผู้กำกับที่ตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว แต่การสืบไปสืบมาก็รู้ความจริงของอาชีพที่แสดงเป็นนางระบำโปีเปลือยซึ่งนั้นทำให้ไทเลอร์ต้องจำใจแต่เนิ่นๆก่อนจะทำให้เธอได้สติกลับมาพูดด้วยความเข้าใจจริงๆกับหนังเรื่องนั้น อิเล็กซ่าเป็นตัวละครดำเนินเรื่องหลักในตอนกลางเรื่องเป็นต้นไปนับตั้งแต่ไทเลอร์ไปพบเจอและจัดการเธอให้กลายเป็นคนใหม่ด้วยการจับมัดอยู่กับที่ ไม่ใช่เป็นการบังคับเพียงเป็นการทำให้เธอเลิกยาและไทเลอร์ทำได้จนผู้ชมอย่างเราๆต้องแปลกใจกับพฤติกรรมตอนโผล่ตัวของอิเล็กซ่าด้วยอารมณ์ยั่วยวนที่ตอนนี้กลายเป็นคนนำทางไปสู่หนังเรื่องนั้นด้วยนิสัยแบบอ่อนโยน ด้วยการแสดงของ Sophie Monk ยังยอมรับว่าพอเล่นได้เข้ากับบทบาททั้งสองจริงๆ ไม่สิต้องไม่ใช่สองเป็นสามบทบาทต่างหากที่พอเราเห็นการแสดงที่พอเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาปุ๊ปก็เหมือนเจอใครอีกคนไปแล้วและอะไรซะยิ่งกว่าการลงทุนโชว์อย่างว่า


เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากไปเรื่อยๆพอเจออะไรเดี๋ยวหนังก็พาไปเอง แรกๆเป็นการตามหาหนังที่หายไปพอเริ่มเดินทางค้นหาก็เจอกับเบบี้เฟซที่เจอทีเป็นอันได้ศพกันบ้าง ก็ด้วยเวลาเล่นจริงๆมีตัวละครเพียง 5 คนที่หนึ่งในนั้นเป็นเบบี้เฟซที่เหลือเป็นพวกไทเลอร์ ก็อาจแปลกใจว่าจะมีฉากโหดๆสยองๆมาเรื่อยๆได้ไง เรื่องแบบนี้คงไม่อยากไปถ้าคิดซะว่าแถวนั้นมีหมู่บ้านเล็กๆที่คนอาศัยอยู่แล้วเป็นพวกที่ไม่ต้องอธิบายว่าจะทำอะไร เมื่อลองเข้าประเด็นความโหดของเรื่องยอมรับว่าสยองจริงประมาณว่ามีเห็นกันชัดๆที่สำคัญคืออารมณ์กดดันที่ออกไปทางสติแตกกันนิดหรือจะเพี้ยนแบบวิปริตคงไม่ผิด ซึ่งเท่าที่ดูจากตอนจบค่อนข้างมาสับสนเกินไปคล้ายจะรีบๆจบเพราะการตัวละครเริ่มมากรวมถึงการหักมุมที่เป็นปัญหาที่ว่างานนี้มีสิทธิ์ได้พวกเพิ่มชัวร์

ในด้านบรรยากาศเองจะว่าธรรมดาคงไม่ผิดแต่ด้วยอุปกรณ์เติมแต่งเข้าไปถือว่าน่ากลัว รวมถึงลูกเล่นที่เสริมมาแบบเต็มๆกับสร้างภาพที่บางช่วงตัดไปกับภาพสยองๆในหนังที่ตามหาจนเริ่มเข้าใจแล้วเรื่องนี้ที่ตามหากันมีความน่ากลัวยังไง เนื้อเรื่องเข้าใจง่ายมีระดับความหลอนระทึกขวัญมากับช่วงท้ายๆที่ตอนแรกอาจไม่มีอะไรเพราะยังดำเนินเสนอพวกตัวละครเป็นหลัก ความสยองเองต้องเหมาะกับคนแนวนี้จริงๆเพราะถ้าชอบเรื่องนี้จัดว่าดูเพลิน แต่ยังไงก็ตามทีสูตรหนังสยองยังใช้ได้กับเรื่องนี้ที่เรื่องราวอาจเข้มข้นมีหักมุมบ้างแต่ไม่ถือว่าน่าตกใจเท่าที่ควรเว้นแต่ตอนจบของเรื่องราวที่เหมือนจะไปกันใหญ่แล้ว

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)