The Messengers (2007) คนเห็นโคตรผี

The Messengers (2007) | คนเห็นโคตรผี
Director: Oxide Pang Chun, Danny Pang
Genres: Drama | Horror | Mystery

ครอบครัวโซโลมอนได้ย้ายถิ่นอาศัยจากเมืองชิคาโก้มาสู่สถานที่อันสันโดษแห่งความสงบในฟาร์มนอร์ธ ดาโกต้ากับไร่กว้างขวางที่ตัดสินปลูกดอกทานตะวันเป็นอาชีพหลัก เจส(Kristen Stewart)หญิงสาววัย 16 ปีไม่พร้อมสำหรับการมาที่แห่งนี้ ด้วยปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นในอดีตตามประสาวัยหัวเลี้ยวหัวต่อทำให้เธอขาดความอบอุ่นจากครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้น้องชายเบน(Evan Turner)วัย 3 ขวบของตัวเองไม่ยอมพูดเพราะอุบัติเหตุขับรถ ทำให้เดนิส(Penelope Ann Miller)แม่ของเจสไม่ค่อยไว้ใจในตัวเจสว่าจะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายอีก ในขณะที่รอย(Dylan McDermott)พ่อของเจสยังคงเชื่อมั่นว่าอาจไม่ใช่ปัญหาที่เจสเองไปทีเดียวทั้งหมด หลังจากอยู่บ้านใหม่ได้ไม่นานเจสก็เริ่มไม่ไว้ใจในตัวบ้านหลังนี้ที่สักจะมีบางอย่างผิดสังเกตขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นนกกาที่มาเกาะตามบ้านอย่างมากมายหรือจะอาการอึดอัดภายในตัวบ้าน แต่ทั้งนี้ยังไม่แปลกใจเท่าเบนที่มีพฤติกรรมแปลกๆเหมือนเห็นบางสิ่งบางอย่างตามพื้นผนังหรือมุมมืดของบ้าน รวมถึงการใช้นิ้วชี้ไปตามที่ต่างๆคล้ายจะบอกว่ามีบางสิ่งอยู่ตรงนั้น


เมื่อรู้ว่าน้องชายของตัวเองเห็นผี สิ่งที่เจสทำได้คือการหลีกเลี่ยงจากเรื่องเหล่านี้ให้มากที่สุดแต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะจำใจยอมรับในสภาพที่วุ่นวายเช่นนี้จนคิดไปเองไม่ได้ว่าถ้าปล่อยเอาไว้จะกลายเป็นเรื่องประสาท แม้จะพยายามบอกพ่อกับแม่แล้วยังไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เจสเจอ มีแต่จะทำให้เจสถูกมองในทางไม่ดีมากยิ่งขึ้นว่าเป็นเด็กมีปัญหาไปซะเปล่าๆ แล้วเจสควรจะทำยังไงต่อไปหรือว่าบางทีพวกผีเหล่านี้กำลังบอกบางอย่างกันแน่

พล็อตเรื่องการย้ายบ้านใหม่ถือว่าเป็นสูตรธรรมดาของความเฮี้ยนที่เจอกันบ่อยจนเป็นตำราแขนงหนึ่งของเนื้อเรื่อง โดยมักจะพบบ่อยสุดคือเรื่องราวในอดีตของบ้านหลังนั้นว่าต้องเคยมีอะไรมาก่อนแน่ๆ และก็แบบนั้นจริงๆตามการเปิดต้นเรื่องที่แสดงถึงความเป็นมาในครั้งอดีตว่าเคยเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจนเป็นไปได้ว่าที่นี้มีคนตาย และกลายเป็นผีตามหลอกตามหลอนเจสทุกครั้งที่เข้าบ้าน หรือจะโผล่แบบไม่ให้เจสเห็นแต่เบนเห็น ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวละครนี้ที่มีอะไรก็ชี้นิ้วบอกเหมือนชื่อหนังที่กลายเป็นผู้ส่งสารระหว่างคนกับผี โดยเจสเป็นผู้รับและผีกลายเป็นพวกส่ง จึงเป็นความสงสัยที่ไม่รู้เรื่องเลยว่าทำไมถึงมีวิญญาณสิงสถิตอยู่ไม่ยอมไปสู่สุขคติสักที ไม่ว่าจะที่มาหรือยังไงก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะช่วยได้มากกับเรื่องที่เรายังไม่รู้ รวมถึงเจตตนาแฝงของพวกผีว่ากำลังสื่ออะไร เพราะถ้าคิดจะเล่นงานให้ตายจริงคงไม่ยากเกินไป เนื่องจากมีหลายฉากที่ทำได้แต่ไม่ทำ เอาสะดุ้งเอาเสียวเป็นชวนใหญ่


ในด้านฝีมือของพี่น้องผู้กำกับแปงยังไม่ต่างอะไรจากเดิมที่เอาผีอ่อนแอมาเล่นที่ยังคลานเช่นเคย ทั้งบนพื้นหรือบนผนัง รวมถึงการเอาผีมาโผล่ตามผนังแบบเชื้อราที่ตอนแรกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่หลังๆโผล่มาแบบน่าตื้นตา กับมุขพวกนี้จัดว่าเป็นของตายไปแล้วก็ว่าได้ ถ้าใครชอบก็ชอบจริง ถ้าใครชินแนวนี้ก็ยิ่งเบื่อง่ายเพราะเดาได้ ตั้งแต่มีผลงานเด็ดๆทั้ง The Eye 3 ภาคหรือ Bangkok Dangerous (1999) ถึงคราวเข้าฮอลลีวู้ดบ้าง ผลคือหนังผีเรื่องนี้ปล่อยของไม่เต็มที่อย่างที่ควร ทั้งความสนุกหรือเนื้อเรื่องที่สรุปโดยง่ายเกินไปจนขาดใจความ นอกนั้นเป็นหนังผีให้อารมณ์ร่วมลุ้นได้ดี อย่างฉากเจสอุ้มเบนแล้วเดินไปตามทางที่เบนชี้ ตั้งแต่วินาทีนั้นความน่ากลัวทำได้ดีกับองค์ประกอบหลายๆอย่างที่ทั้งนิ่งและเงียบง่ายจนคิดว่าปลอดภัย แต่เนื้อแท้แล้วคือความน่ากลัวฉบับชวนเสียวก่อนจะลงเอยด้วยการทำให้ผู้ชมตกใจไปตามๆกัน ยังยอมรับการทำหนังผีให้น่ากลัวในด้านฝีมือยังไม่ตก มีอะไรให้ตุ้งแช่กันพอประมาณไม่เลยเถิด ทว่าหนังมีข้อเสียและขาดเรื่องราวให้เข้าใจก็เท่านั้นเอง

ที่ว่าเสียตรงจุดเนื้อเรื่องนี้มาจากความเป็นไปได้หลายอย่าง เช่น การอยู่บ้านหลังนี้เป็นการพึ่งเข้ามาอาศัยและตอนนั้นกำลังหางานทำจากภาวะเงินเริ่มขาด ซึ่งข้างบ้านมีไร่จึงตัดสินปลูกดอกทุ่งทานตะวัน หนังดำเนินเรื่องการเจอผีตั้งแต่ยังไม่ปลูกต้นดอกทานตะวัน จนกระทั่งต้นโตอร่ามผลิดอกแล้วกันแล้วเรื่องราวจึงจะจบด้วยดี คำถามคือการเจรอญเติบโตของดอกทานตะวันที่อาจใช้เวลาเป็นเดือนๆเช่นนี้เท่ากับว่าเจสต้องใช้ชีวิตเจอกับผีร่วมเดือนมาตลอดงั้นรึ ไหนจะเรื่องปมที่ทิ้งท้ายเอาไว้ในต้นเรื่องกลับถูกเฉลยโดยง่ายอย่างไม่มีเยื่อใยในความซับซ้อนที่น่าสนใจกลายเป็นเรื่องราวขาดข้อผูกพันในการอธิบาย หรือจะชายปริศนาที่โผล่มาแล้วเสนอว่ามีคนขอซื้แบ้านหลังนี้แถมเงินให้อีกด้วยจำนวนหนึ่ง ถ้างั้นชายผู้นี้คือใคร ทีแรกคงประมาณว่ามาตักเตือนทางอ้อมชวนให้น่าลึกลับกับบ้านหลังนี้ ก็พึ่งจะมาอยู่แปปๆมีคนจะซื้อต่อซะงั้นเรื่องอะไรจะขาย ที่สำคัญอีกคือชายคนนี้ไม่ได้โผล่มารอบเดียวแต่ถึงสองรอบแบบงงๆ คือจู่ๆโผล่ออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแถมมาแต่ละทีพาตกใจทั้งในหนังและผู้ชม แต่ว่าการปรากฏยังไม่แปลกเท่าตอนหายไปที่ไปแบบเงียบๆ และกับตัวละครปริศนาที่โผล่มายิงปืนไล่กาตอนที่รอยโดนกาอาละวาดอย่างเบอเวลล์(John Corbett)ที่เท่าที่รู้คือคนระแวกนั้นที่พเนจรหางาน จนได้เป็นลูกจ้างของรอยทำงานไร่ในที่สุด และเป็นไปได้อีกว่าอาจเป็นตัวละครที่มีบางอย่างซ่อนอยู่ก็เป็นได้ งานนี้ The Messengers ทำเนื้อกลวงเป็นรู
 

เนื้อเรื่องมีเสียผิดจังหวะ พล็อตตามสูตร มีดีกรีแห่งความน่ากลัว และอีกอย่างที่ขอยกให้กับประเด็นครอบครัวที่เกือบทำสำเร็จกลายเป็นหนังดราม่า-ชีวิตไปแล้วเชียว หนังว่าด้วยครอบครัวที่หนีจากตัวเมืองที่มีปัญหามากมาย ซึ่งเจสคือเด็กมีปัญหาคนนั้น อย่างที่เห็นคงรู้ว่าเป็นยังไงหลังจากได้อยู่บ้านใหม่ เริ่มจากตัวเองเริ่มเหงาไม่มีเพื่อนอย่างเคย ซึ่งภาพพจน์ที่หนังเสนอไม่ได้ดูย่ำแย่ถึงขั้นว่านิสัยไม่ดีแค่ออกประมาณเริ่มปรับตัว เจสกำลังค่อยๆทำความเข้าใจกับที่ใหม่ๆอย่างเต็มใจ ในขณะที่ตัวบ้านมีวิญญาณซ่อนอยู่และไม่มีใครรู้ยกเว้นเบน แต่เจสต้องรับเคราะห์ต่างๆทั้งโดนหลอกครั้งต่อครั้ง จนพ่อกับแม่ของเจสเริ่มคิดว่านี่คือการแสดงออกถึงการมีปัญหาไม่ยอมรับถึงชีวิตใหม่ที่อยู่ใหม่ พอจะบอกว่าหนูอยู่ต่อไปไม่ได้มีผีอยู่ยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายไปใหญ่ ในด้านพ่อกับแม่เองมีส่วนที่แตกต่างกันออกไป รอยเป็นคนรับผิดชอบในงานพยายามหาเวลาให้กับลูกเสมอและสนิทสนมและยอมรับเจสมากที่สุด เดนิสแม่ของเจสมีอคติกับเจสอยู่ตลอดเวลาเพราะเรื่องราวในอดีตที่ทำกับเบนเมื่อครั้งอุบัติเหตุจึงมองด้วยสายตาอย่างไม่สมอารมณ์ ดูแล้วเหมือนเป็นครอบครัวที่มีสุขบ้างทุกข์บ้าง ปัญหาคือขาดความอบอุ่น ในเรื่องไม่เคยเห็นฉากไหนที่ทั้งครอบครัวมีความสุขร้อยเปอร์เซ็นต์ ซ้ำจะมากด้วยปัญหาให้หนักใจตลอดเรื่อง 
 

The Messengers มีนักแสดงเด่นๆคือ Kristen Stewart ที่รับมือเป็นเจสได้เหมาะสมกันดีกับบุคลิกของวัยรุ่นที่มีปัญหาในใจ หรือจะฉากต่างๆที่น่าเอาใจช่วยอยู่เหมือนกัน โดยส่วนตัวชอบนักแสดงคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้จะไม่มีอะไรน่าสนใจกับบทอื่นๆแต่ถ้าออกมากึ่งโทรมๆนั้นแหละเหมาะสุด แล้วยังมีนักแสดงเด็กเล็ก Evan Turner รับบทเป็นเบนทำหน้าใสได้สบายใจเฉิบ Penelope Ann Miller รับบทเป็นแม่แสดงออกเลยถึงการกัดจิกเจสอย่างตรงไปตรงมาแสดงถึงครอบครัวนี้ขาดความอบอุ่น และรอยที่เล่นโดย Dylan McDermott กับการต้องเป็นคนกลางไม่เข้าข้างฝ่ายไหนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องงานและครอบครัวที่ผูกพันธ์กับเจสมากที่สุด ยังถือว่านักแสดงยังเล่นกันได้ดีกันทุกคน น่าเสียดายเพียงพล็อตเรื่องที่กลวงโบ๋เกินไปหน่อย ถึงหนังจะมีสภาพของเนื้อเรื่องยังไม่เอาไหนก็ยังคงสภาพความเป็นหนังสยองขวัญได้อย่างน่ากลัว ทำให้เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าต่อให้มีเนื้อเรื่องอ่อนปวกเปียกแค่ไหนถ้าผู้กำกับเข้าถึงในตัวหนังได้จะสามารถดึงความน่ากลัวมาเป็นจุดพีคได้อย่างลงตัว

ไม่รู้ใครตั้งชื่อไทยแต่บอกได้คำเดียวว่าคุ้นมากและคงมีจุดกำเนิดไอเดียมาจาก "คนเห็นผี" ฟิวชั่น "โคตรผีดุ" กำเนิด "คนเห็นโคตรผี "(ดุหน่อยๆ)

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)