Spawn (1997) สปอว์น ฮีโร่พันธุ์นรก

Spawn (1997) | สปอว์น ฮีโร่พันธุ์นรก
Director: Mark A.Z. Dippe
Genres: Action | Drama | Horror

สิ่งแรกที่ทำเรื่องนี้ดีมากๆคือการจัดการเอฟเฟค CGI ที่เนียนเหลือเชื่อว่าจะเป็นสมัยนั้นๆได้ ไม่ใช่แค่เนียนต้องบอกว่าเนียบเนียนเหมือนของจริงมากๆ

เดิมที Spawn คือการ์ตูนยอดฮิตของอเมริกาอันแสนโด่งดังเพราะความดาร์คการดำเนินเนื้อเรื่องอันแสนสุดโต่งที่ถลำเข้าสู่ด้านมืดของตัวละครอย่างลึกซึ้ง และในฉบับหนังจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับอัล ซิมมอนส์ (Michael Jai White) อดีตทหารที่ตอนนี้กลายเป็นทหารรับจ้างทำตามคำสั่งของเจสัน วินน์ (Martin Sheen) ที่เป็นเจ้านายว่าจ้างให้ไปทำภารกิจต่างๆโดยอ้างว่าทำไปเพื่อจัดการผู้ก่อการร้าย แต่หลังจากทำภารกิจสำเร็จในครั้งล่าสุดก็จริงแต่ใจกลับรู้สึกไม่ค่อยดี เมื่อรู้ว่ามีคนบริสุทธิ์ต้องตายในภารกิจของตัวเอง อัลจึงคิดถึงครอบครัวก่อนจะบอกว่าขอเลิกกับเจสัน แต่เจสันไม่ให้เลิกทันควันก่อนจะทำภารกิจสุดท้ายไปถล่มโรงงานเสียก่อน แต่กลายเป็นว่าอัลถูกเจสันหลอกใช้ให้มาติดกับเพื่อฆ่าตามแผนของคลาวด์ (John Leguizamo) ที่ทำหน้าที่บ่งการวางแผนให้กับเจสัน โดยการตายของอัลคือแผนการเริ่มต้นดำเนินการล้างโลกหายนะครั้งใหญ่ หลังจากอัลตายก็ได้ทำคำสัญญากับซาตานเพื่อจะแก้แค้นเจสัน เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นสปอว์น หลังจากอัลกลับมาจากนรกพร้อมจะแก้แค้นเจสัน แต่ทว่าทุกอย่างเหมือนถูกวางหมากเอาไว้ ยิ่งเขาใช้ความโกรธมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งได้ใจคลาวด์มากขึ้นเท่านั้น ทุกๆครั้งที่อยากกำจัดเจสันกลับยิ่งเหมือนราดน้ำมันลงไฟ แต่ยิ่งรับรู้อะไรหลายอย่างมากขึ้นทำให้ตอนนี้รับรู้แล้วทำไมอยากให้กำจัดเจสันมากนัก เพราะชนวนระเบิดล้างโลกจะทำงานเมื่อเจสันตาย และอัลคือนกต่อที่ต้องการปลูกฝังความแค้นให้รับเงื่อนไขเป็นสปอว์นในการล้างแค้นเพื่อหลังจากระเบิดไวรัสล้างโลกเสร็จ กองทัพซาตานจะมายังพื้นโลกได้ ทว่าถ้าเขากำจัดเจสันลงได้จะสามารถเป็นถึงผู้นำเหล่ากองทัพสปอว์น นั้นจะทำให้เขามีอำนาจยิ่งกว่าใครๆ แต่ถ้าเขาฆ่าเจสันจะทำให้ทุกคนบนโลกตาย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีแวนด้า (Wanda Blake) ภรรยาสุดที่รักกับไซแอน (Sydni Beaudoin) ลูกสาวต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย ถึงงั้นเขาที่เป็นสปอว์นกลายเป็นปีศาจไปแล้วจะหันกลับมารักได้ลงรึ


นี่คือซุปเปอร์ฮีโร่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าซุปเปอร์ฮีโร่รายอื่นๆเพราะมีคอนเซ็ปต์สุดดาร์คก่ำกึ่งว่าจะดีหรือร้าย ที่กล่าวมานี้หมายถึงฉบับการ์ตูนไม่ได้หมายถึงตัวหนัง เพราะถ้าเป็นฉบับหนังคงประมาณเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ตามสูตรไร้เดียงสา เมื่อรู้ว่าธรรมมะย่อมชนะอธรรมเรื่องก็ง่ายเข้าไปใหญ่ การเล่นจิตใจกับสปอว์นเป็นจุดอ่อนของเรื่องที่นำพาแบบหลวมๆคล้ายกับกระดาษเปื่อยน้ำที่สะบัดทีเดียวก็ขาดอย่างง่ายดาย แม้จะมีการดำเนินแบบเล่นกับครอบครัวก็จริงๆแต่ผลลัพธ์ดูจะมองข้ามผ่านจนเป็นได้เพียงตัวละครเสริมเนื้อเรื่อง

ถ้าหากไม่ใช่มีการปูความสัมพันธ์ครอบครัวมาบ้างเราอาจจะรู้สึกได้แค่การล้างแค้นเพียงอย่างเดียว ถึงงั้นก็เหอะเรื่องสัมพันธ์ความรักอะไรนั้นยังเบาบางจนไม่คิดอยากเอาใจช่วยเลยด้วยซ้ำ การตายของอัลไม่ได้ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกเสียใจกับทหารรับจ้างปลดเกษียณที่อยากมีชีวิตกับครอบครัว เพราะในแง่มุมมองที่ตัวเรื่องกำลังเดินอยู่นั้นเป็นเพียงการหลบหนีความผิดพลาดของตัวเองมากกว่า ถ้าจะนับจริงๆว่าเกิดคุณธรรมขึ้นมากลางคันจะฟังดูพิลึกขึ้นมาทันที


สำหรับผู้ชมแล้วคิดว่าการตายของอัลคือสิ่งที่อยากรอคอย(และดำเนินเรื่องเร็วซะด้วย) เพราะถ้าอัลตายเมื่อไหร่สปอว์นจะจุติเมื่อนั้น พอถึงตอนนั้นสายตาผู้ชมจะรับคิดสปอว์นเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวละครอื่นๆถ้าสร้างให้มีมิติจะช่วยในเรื่องของปมได้ แต่นี่ไม่เลยปล่อยไปตามน้ำไม่ไหลกลับ กะเอาสปอว์นมาโชว์เอฟเฟคมากกว่า

ที่น่าชื่นชมคือทีมงานเอฟเฟคที่ไม่รู้ว่าจะดีไปไหน ขนาดที่ว่าอย่างกับเห็นตัวสปอว์นจริงๆหลุดโลกมาอย่างนั้น และด้วยความสามารถของสปอว์นตัวหนังจึงเรียกใช้เอฟเฟคกันอย่างจุใจ แถมแอ็คชั่นพอทำหอมปากหอมคอได้บ้างในบางจังหวะ แต่เพราะฟอร์มเล็กเกินไปจึงมีคุณภาพแค่เอฟเฟคดีในพื้นที่จำกัด ไม่ถึงขั้นจะสร้างความยิ่งใหญ่ตระการตาได้อย่างเต็มอิ่ม ถ้าถามว่าจะเอาอะไรมากมันพึ่งจะเริ่มต้นสงครามสวรรค์กับนรก อันนี้ขอตอบว่าใช่มันพึ่งเริ่มต้นอาจจะไม่มีอะไรมากให้โยงถึงเรื่องอื่น แค่มันน้อยเกินไป เหมือนเป็นเรื่องปัญหาครอบครัวที่ตีกันไม่แตก ซึ่งแก้ปัญหาโดยใช้กำลังกับสมองที่เกือบๆไร้สติยั้งคิด แม้จะมีของดีในตัวอยู่หลายส่วนจนน่าจะกลายเป็นฮีโร่มีปมได้อย่างเข้มข้น สุดท้ายต้องปล่อยของดีหลุดลอยไปกับความมืดอย่างน่าเสียดาย สำหรับคนที่ไม่คิดมากการได้รับเอฟเฟคงามๆกับตัวละครแปลกตาอาจเป็นของดีเอาไว้ผ่อนคลายยามว่างก็ได้ และโดยส่วนมากจะชอบเรื่องนี้กันตรงที่การเล่าเรื่องเร็วกระชับง่ายและแอ็คชั่นมันส์ๆกำลังพอไปรอดที่มากับกลิ่นอายกำลังใช่


ด้วยการดำเนินเรื่องแบบเถรตรงไร้มุมมองให้เลี้ยงคดคิดมากพอจึงเป็นเรื่องราวแบบง่ายๆไม่ชวนน่าสนใจนัก ทำให้นักแสดงบางหลายออกอากาศกันอย่างไม่เต็มที่ทั้งที่มีหลายตัวละครน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยมิติตัวละครตัวหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูผิดหูผิดตาคือคลาวน์ ตัวตลกตัวแสบที่ปล่อยมุขแบบหยาบๆให้ฟัง เป็นสมุนของเมลโบเกียอสูรปีศาจที่ให้สัญญากับอัลจนเป็นสปอว์น ด้วยความที่คลาวน์เป็นตัวตลกด้วยส่วนหนึ่งจึงทำให้มีนิสัยแบบเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย(ร้ายอย่างเดียวมากกว่า) และลูกเล่นที่กวนโอ้ยเป็นประจำจึงเป็นตัวละครเรียกความสนใจได้อย่างดี ซึ่งแสดงโดย John Leguizamo ที่พอรู้เห็นตัวนักแสดงก็อดประหลาดใจไม่ได้ว่านี่คือเขาคนนี้จริงเหรอ เพราะรูปลักษณ์หน้าตากับส่วนสูงมันคนละเรื่องกับตัวจริงเลย การแต่งหน้าแต่งตาอาจเปลี่ยนไปคนละคนได้ก็จริง แต่ส่วนสูงนี่สิมันแปลกๆชอบกล บางทีอาจเป็นเพราะเป็นตัวละครที่อ้วนด้วยจึงแลดูเตี้ยๆไปก็ได้ แต่ดูเหมือนเป็นตัวเป็นตนกับตัวเองจริงๆ นอกจากนี้ยังจำฉากคลาวน์กินพิซซ่าได้หรือไม่ ที่เปิดกล่องมามีแต่หนอนบนหน้าพิซซ่ากำลังดิ้นยุบยับหลายสิบตัว(หรือจะร้อยถ้านับทั้งหมด) ถ้าจำกันได้คงจะรู้ว่าฉากต่อไปคืออะไร และกับคนที่ยังไม่รู้จะบอกให้เลยล่ะกันว่าฉากต่อไปคือการหยิบหน้าพิซซ่ารับประทานแบบเต็มปากเต็มคำแล้วบอกอร่อยเหาะ ฟังดูแล้วอาจจะเฉยๆคงปลอมแปลงให้เหมือนหนอนล่ะสิท่า แต่ไม่เลย John Leguizamo แกเขมือบหนอนในฉากนั้นจริงๆ แต่คิดว่าจังหวะที่หันหน้ากลับไปพร้อมกับบอกอร่อยเหาะในใจคงบอกว่ารีบๆสั่งคัททีเถอะ สมกับเป็นตัวตลกอันแสนชั่วร้ายจริงๆ เอ่ยไม่ใช่สมกับเป็นนักแสดงใจกล้ามากสปิริตจริงๆ  นอกจากนี้เสน่ห์เอกลักษณ์ตลกร้ายแสบแบบชั่วร้ายแล้วยังมีบทพูดที่ไปแซวถึงหนังสงครามระดับมาสเตอร์ Apocalypse Now (1979) อีกด้วย จากคำพูดอันแสนคุ้นเคย"ฉันชอบกลิ่นนาปาล์มตอนเช้าๆ มันกลิ่นเหมือนชัยชนะ"เปลี่ยนเป็นยังไงนั้นลองเทียบฟังให้ดี

ก็คิดอยู่ว่าถ้าขาด John Leguizamo ที่เล่นเป็นคลาวด์แล้วจะช่วยให้หนังดูมีหน้ามีตาเพราะอย่างอื่นหรือไม่ แต่ก็นะคงไม่พ้นอัลหรือสปอว์นที่เต็มไปด้วยเอฟเฟคตามตัวมากมาย ในหนังเราจะเห็นว่าก่อนเป็นสปอว์นมันช่างดูแย่มากๆเหมือนที่คลาวด์บอกไปสะดุดล้มหน้ากระแทกก้นกระทะมา เล่นเมคอัพหน้าเกรียมขนาดนั้นกะว่าจะดูให้ผ่อนสบายดูบ้างกลับตรงกันข้ามพอเหวอมากกว่า ที่ดีสงสัยจะเป็นตอนที่เข้าสู่โหมดต่อสู้เป็นสปอว์นเต็มหน้าเต็มตัวที่ดูแล้วเท่แบบดาร์คๆ ยิ่งปล่อยผ้าคลุมผืนใหญ่ยิ่งดูแล้วมีมนต์ขลังบางอย่างชวนให้สัมผัส ที่เห็นว่าดูเก่งคือความสามารถเรื่องพลังที่ใช้ได้อย่างสบายๆแบบไร้ข้อจำกัดที่ทั้งปีนตึกได้โดยเปลี่ยนมือเป็นตัวดูด หรือจะอำพรางตัวให้กับสภาพแวดล้อม รวมถึงรักษาตัวเอง และบินได้ ในแง่ของพลังสปอว์นมีลูกเล่นแพรวพราวมิใช่น้อย และตัวหนังพยายามหยิบเล็กหยิบน้อยอกมาจนแทบไม่ซ้ำสักฉาก แบบนี้เขาว่าโชว์มากกว่าล่ะมั้ง แต่อย่าลืมล่ะว่าร่างจริงของคลาวด์ก็เด็ดเหมือนกัน
 

Spawn หากมีการพัฒนาในตัวเพิ่มขึ้นอีกสักระดับหนึ่งอาจทำให้ดูดีขึ้นมาบ้าง อย่างเรื่องบทที่ควรเพิ่มมิติปัญหาจิตใจเกี่ยวกับสปอว์นอย่างจริงจังเพื่อให้ออกมามีน้ำมีเนื้ออย่างที่ควรจะเป็นในฉบับการ์ตูน ซึ่งในการ์ตูนนั้นการกัดจิกจิตใจเรื่องของตัวสปอว์นที่ต้องสู้กับโชคชะตาของตัวเองอย่างหนัก รวมถึงปมประเด็นที่พาไปสู่จุดแตกหักต่างๆได้ น่าเสียดายที่โดยรวมมีลักษณ์การทำออกมาที่น่าดู เรื่องแอ็คชั่นจัดว่าสนุกในแบบคับแคบ ไม่มีฉากอลังการหรือยิ่งใหญ่พอจะบอกว่ามันส์ถึงที่สุด จะมีเพียงสปอว์นที่ใช้พลังไม่เป็นถือปืนไล่ยิงแบบไม่คิดชีวิตที่อาจจะมันส์นิดหน่อยกับความรู้สึกชวนลุ้นตอนต่อสู้กับคลาวด์ในร่างจริงที่งัดเอฟเฟคออกมาได้อย่างน่าชื่นชม ไม่มีจะเสริมนอกจากว่าใครจะชอบก็ชอบไปไม่ผิดหรอก แค่อยากถามว่าคิดยังไงบ้างกับเนื้อเรื่องไร้มิติแบบนี้

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)