Bedazzled (2000) | 7 พรพิลึกเสกคนให้ยุ่งเหยิง
Director: Harold Ramis
Genres: Comedy | Fantasy
Grade: C+
เรื่องมหัศจรรย์ได้เข้าหาเอลเลียต ริชาร์ดส (Brendan Fraser) ชายหนุ่มผู้หวังดีช่วยเพื่อนๆด้วยคำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา แต่เหมือนเพื่อนๆทั้งหลายของเขาดูจะไม่สบอารมณ์กับการช่วยเหลือเท่าไหร่จนต้องมีหลบหน้าไปเมื่อหนีได้ แต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปเมื่อเขากำลังตกหลุมรักอลิสัน การ์ดเนอร์ (Frances O'Connor) เพื่อนร่วมงาน และด้วยเหตุนี้ทำให้เขาพยายามตามจีบให้สำเร็จ ทว่าความสำเร็จดูริบหรี่เกินไปจนเขารู้สึกถึงความท้อจนเผลอเอ่ยปากยอมแลกด้วยชีวิตเพื่อจะได้รักมาครอง และนั้นเองที่ทำให้เขาต้องพบกับผู้หญิงปริศนาที่ยินดีพร้อมใจให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ซึ่งเธอไม่ใช่นางฟ้ามาประทานพรให้สมหวังแต่เป็นถึงปีศาจ (Elizabeth Hurley) ที่มาทำสัญญาพร 7 ประการให้สมหวังปรารถนาตามที่ต้อง แต่เมื่อไรที่ขอพรครบทั้ง 7 ข้อ สัญญาจะตามมาทวงคืนด้วยการแลกชีวิตเอลเลียตไป ดังนั้นด้วยกลอุบายในพรแต่ละครั้งจึงไม่ต่างกับการหยอกหนูให้หลงกลในพรที่ขอ ซึ่งเขาจำต้องระมัดระวังการขอให้ดีๆก่อนจะหมดโอกาส
แทบไม่ต้องคิดอะไรมากเลยจริงๆเมื่อเนื้อเรื่องค่อนข้างมาเถรตรงขนาดนี้จนอารมณ์มาทางตลกมากกว่าจะให้ผู้ชมรู้สึกอินเข้าใจในท้ายเรื่องที่น่าจะให้อารมณ์ที่มีความหมายกับชีวิตความรัก แต่ถ้าเรามองที่ตัวเอลเลียตจะพบได้หลายอย่างที่หนังกำลังสื่อเป็นนัยๆผ่านพรข้อต่างๆเพื่อเอาใจคนที่รักให้รู้สึกชอบเขาอย่างที่ปรารถนาตามที่อลิสันต้องการชายในฝัน ในขณะที่อีกทางยังเป็นการบ่งบอกถึงความสัจที่แท้จริงแล้วว่าทุกอย่างย่อมไม่สมหวังตลอดรอดฝั่งเสมอไป เพราะนั้นเป็นเพียงแค่ความอยากเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงอาจไม่ใช่อย่างที่อยากด้วยซ้ำไป ถ้าหนังจะหนักไปทางตลกแล้วใช่ว่าจะไร้สีสันที่น่าจับตามอง เพราะทุกครั้งที่พรสำฤทธิ์เท่ากับยิงมุขตลกไปแล้วหนึ่งดอก อาจไม่ถึงขั้นขำขันจนต้องส่งเสียงแต่ต้องอดยิ้มไม่ได้ในผลลัพธ์ของพรที่ออกมาฮาอย่างมีลูกเล่นพร้อมกับกัดจิกเล็กน้อยไปในตัว อย่างพรข้อแรกที่ขอให้กลายเป็นผู้มีอิทธิพลอำนาจมากที่สุดในโลก มีความสุขสบาย ได้แต่งงานกับอลิสัน และรวยแบบไม่ต้องกังวลใจว่าเงินจะหมด ซึ่งผลที่ได้คือเจ้าพ่อค้ายาชาวโคลัมเบีย ทีแรกไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นพ่อค้ายารายใหญ่จนไปเจอผงเท่านั้นแหละ แม้แต่ตัวเองยังช็อกที่ตัวเองเป็นอยู่เลย แต่นั้นไม่น่าเจ็บใจเท่ากับการได้รู้ความจริงเกี่ยวกับอลิสันที่แท้จริงแล้วไม่ได้รักในตัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ยอมแต่งงานด้วยก็เพราะเห็นว่ามีอำนาจมีเงินร่ำรวยเท่านั้น นั่นเองที่ทำให้เอลเลียตต้องเรียกพรคืนด้วยการกดเลขหมาย 666 ให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติอีกครั้ง เป็นการประกันให้เจ้าตัวที่ขอรู้สึกไม่พอใจในพรแล้วสามารถกลับคืนสู่เดิมได้ เมื่อเอลเลียตกลับมาสู่ช่วงเวลาเดิมก็ไปโมโหใส่นางปีศาจก่อนจะตอบกลับในทางเสียดสีว่า"ไม่ได้ขอให้เธอมารักนี่" ทำให้เอลเลียตตระหนักว่าคือความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือเงินซื้อความรักไม่ได้
"หลังจากนี้จะสปอยล์เนื้อเรื่องเยอะเลย ฉะนั้นข้ามได้เลยสำหรับสองย่อหน้าหลังจากนี้"
เมื่อพรข้อแรกไม่อาจทำให้สมหวังปรารถนารักกันได้จริงแล้วยังเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะโดนคู่อริไล่ล่าเพราะเรื่องยา ตอนนี้เอลเลียตขอเอาให้พร้อมกับแอบเข้าบ้านอลิสันเพื่อหาจุดที่น่าสนใจจนไปเพื่อบันทึกไดอารี่ที่อยากได้ผู้ชายที่เข้าใจ มีอารมณ์อ่อนไหว และเขาได้ขอพรอีกครั้งเป็นผู้ชายที่อ่อนไหวที่สุดในโลกตามที่อลิสันอยากได้ผู้ชายในฝัน ซึ่งทำให้เขากับเธอได้พบกัน รักกัน และได้ดื่มด่ำกับการนั่งชมพระอาทิตย์ยามเย็นริมชายหาดอันแสนซาบซึ้ง(เพียงคนเดียว) การเป็นผู้ชายอ่อนไหวทำให้อลิสันชอบในส่วนนี้ แต่การแสดงออกทางอารมณ์มีมากเกินไปจนน่ารำคาญ สุดท้ายโดนชายอื่นยึดไปครอง งานนี้จึงซาบซึ้งยิ่งกว่าเก่าจนยกเลิกพรอีกครั้งเช่นเคย พรครั้งนี้ทำให้เราผู้ชมรับรู้อย่างหนึ่งเกี่ยวกับผู้หญิงแล้วว่าต่อให้เป็นอุปนิสัยที่ผู้หญิงชอบแค่ไหนแต่ถ้ายังเป็นได้แค่นิสัยที่ไร้ส่วนร่วม ยังไงๆก็เป็นความรู้สึกที่ตัวเองรับรู้อยู่คนเดียวโดยไร้ความความหมายกับคนใกล้ตัว พูดง่ายๆถ้าเปรียบกับความสุขก็ไม่ต่างอะไรกับความสุขที่ตัวเองเข้าใจและรับรู้อยู่คนเดียว ในขณะที่คนรอบข้างเริ่มรู้สึกถึงความทุกข์มากกว่าสุข เรื่องเช่นนี้ไม่แตกต่างอะไรกับเอลเลียตก่อนได้พร ที่เพื่อนๆอยากจะเดินหน้าหนี ไม่ยอมบอกกระทั่งว่าจะไปบาร์ไหนดี ทั้งๆที่เอลเลียตมีเจตนามีดีเสมอแม้จะปากมากไปหน่อยก็ตาม พอมาคิดแบบนี้ตอนที่เอลเลียตพูดเขาดูมีความสุขที่ได้คุย แต่กับคนที่คุยด้วยไม่ได้มีความสุขตาม ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับผู้ชายอ่อนไหวที่เข้าใจในอารมณ์ดีแต่ไม่อาจนำความเข้าใจนั้นมาอธิบายได้อย่างพอดี
พรขอไปแล้วสองครั้งแต่เหมือนจะลงแบบไม่น่าจดจำทุกครา ตอนนี้เอลเลียตขอเริ่มอีกครั้งในพรข้อที่สามที่ไม่ได้เจาะจงเข้าหาอลิสันว่าต้องแต่งงานอยู่ด้วยกัน หรือชอบเพราะนิสัย แต่เป็นการทำให้ตัวเองเป็นที่โด่งดังจนอลิสันต้องเข้ามาหาซะเอง ด้วยการเป็นนักบาสเก็ตบอลมืออาชีพตัวสูงยักษ์ไม่มีใครโค้นเขาลงได้จนทำลายสถิติทุกรายการ พร้อมกับเป็นผู้ชายที่หนักแน่น ห้าวหาญ และทุ่มเทในการแข่งขันไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน และเป็นจริงอย่างว่าเมื่ออลิสันได้เข้ามาหาเขาในฐานะนักข่าวที่อยากเขียนข่าวเกี่ยวกับตัวเขา ทุกอย่างดูดีมากตั้งแต่พรแสดงผลให้กลายเป็นนักกีฬาที่ไม่มีใครสู้เขาได้ รวมถึงการชู้ตลูกที่ทำได้ขั้นเทพจนกลายเป็นคนดังอย่างไม่กังขา ทว่าต่อหน้าอลิสันด้วยร่างกายที่สูงใหญ่กลับไม่ได้แปลว่าจะมีครบทุกสัดส่วนใหญ่ตาม เพราะอุปกรณ์ที่คิดโม้ว่าแน่จริงต้องด้อยมาตรฐานจนอลิสันแอบขำเดินหนีไปพร้อมจะเขียนข่าวเพราะเรื่องนี้แหละ สุดท้ายเขายกเลิกพรอีกครั้งพร้อมกับบ่นเรื่องขนาดที่ไม่ใหญ่ตามตัว ซึ่งดูเหมือนเอลเลียตจะเริ่มๆปลงกับชีวิตความรักมากขึ้นเรื่อยๆจากพรที่ขอแล้วผิดหวังจนต้องขออีกครั้งด้วยการให้ตัวเองเป็นคนฉลาดล้ำ ดูดีมีการศึกษา เป็นที่ใครๆต้องชื่นชมในความสามารถความรู้ของเขาจนอลิสันต้องเทใจในเสน่ห์ความเท่จุดนี้ก่อนจะกลายเป็นว่าเขาเป็นเกย์ แม้แต่ตัวเองยังเชื่อจนลึกๆแล้วสรุปคือเกย์นั่นแหละ พอพรข้อนี้ทำให้ตัวเองผิดหวังทำให้รู้สึกละในความรักจนไม่ขอให้สมปรารถนาอีกต่อไปจนขอพรแบบหมดหวังให้ตัวเองกลายเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ แล้วเป็นใครไม่ได้นอกจากผู้ปลดปล่อยทาส ซึ่งคือประธานาธิบดีลินคอล์น คงรู้นะว่าจุดจบของท่านผู้นี้เป็นยังไง ว่าแล้วกด 666 ก่อนดีกว่า
ดูเหมือนเอลเลียตจะเริ่มเข้าใจมาบ้างจากการขอพรแต่ละครั้งที่สมดังเพียงเปลือกนอกแต่ภายในดูทำร้ายจิตใจเกินกว่าจะเรียกว่าสมพรปรารถนา แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลหลักเมื่อเขาเริ่มตระหนักของการให้พรออกมาไม่สมเหตุสมผลคือเรื่องสัญญาเมื่อขอพรครบทั้งเจ็ด ซึ่งแต่ละครั้งราวกับจงใจให้เกิดข้อผิดพลาดและแต่ครั้งคล้ายกับว่ากำลังเล่นสนุกให้ขอพรจนครบทั้งที่พรเดียวน่าจะพอหวังแล้ว แล้วเอลเลียตก็ไม่อยากขอพรอีกเพราะยิ่งขอไม่ต่างอะไรกับการทำให้วันครบสัญญาใกล้เข้ามา กระนั้นใช่ว่านางปีศาจจะใจดียอมโน้นยอมนี้เสมอไปเพราะเธอต้องทำให้เอลเลียตเอยปากขอให้ได้ ก็นับว่าเป็นการแข่งกับตัวเองและปีศาจจอมประทานพรไปทั้งสองอย่าง เอลเลียตดูๆแล้วพยายามเอาใจอลิสันจนยอมได้แม้กระทั่งแปรสภาพตัวเองซึ่งเขาเองก็รับได้ถ้ายังสมหวังในความรัก ทว่าความรักย่อมมีอุปสรรคเสมอและมันคงไม่ง่ายถ้าจะได้มาแบบไม่เสียสละ แง่ประเด็นหนังสอนได้ดีผ่านมุมมองต่างๆจนผู้ชมเริ่มจะตระหนักได้แล้วว่าการขอพรนั้นจะสำเร็จไม่ได้ถ้าเราสร้างพรให้สำเร็จขึ้นมาเอง แน่นอนว่ารวมถึงการให้พรแบบไม่เห็นแก่ตัวรวมอยู่ด้วย ซึ่งปกติเรามักจะขอพรหลายอย่างแต่ไม่เคยคิดว่าควรจะเป็นคนอื่นที่ได้ผลของพรเหล่านั้นไป ดังนั้นการเสียสละพรจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ตัวหนังกำลังอธิบายแม้จะฟังดูแปลก แต่ถ้าอยากให้มีความสุขคงต้องเริ่มที่คนอื่มีความสุขก่อนไม่ใช่ตัวเรา
Bedazzled เป็นงานสร้างใหม่จากเมื่อปี 1967 มีการปรับเนื้อหาให้ทันสมัยขึ้น โดยเฉพาะประเด็นของสิ่งที่คนปัจจุบันปรารถนากันนัก แถมยังเปลี่ยนปีศาจให้พรจากชายในชุดทักซิโด สวมแว่นตาเรย์แบนด์ มาเป็นปิศาจสาวสุดเซ็กซี่ชวนร้ายกาจ เป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหลดีไม่น้อยแต่เนื้อเรื่องว่าง่ายไปหน่อยในการหาเหตุผลว่าทำไมถึงประทานพรได้ง่ายขนาดนี้ แบบจู่ๆอยากได้ก็มาดื้อๆเลย แต่ประเด็นตรงนี้ไม่เท่าไหร่เพราะถ้าจะเอาอะไรมากคงดูไม่สนุกอีกแน่นอน แต่จะมาสนุกเรื่องพรแต่ละครั้งที่หนังยิงมุขเข้าไปเต็มที่นับแต่พรแรก
ในส่วนของมุขตลกถือว่าใช้ได้มีฮาชวนขำตลอด ทว่าแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นก่อนจะแผ่วลงเรื่อยๆตามระยะของพรที่กระชับสั้นขึ้นผิดกับแรกๆที่พรอยู่นานกับเรื่องราวนั้นๆก่อนหลังๆจะสั้นลงจนเหมือนจะใส่เรื่องราวได้ไม่ไหว ที่ดีคือนักแสดง Brendan Fraser มาประคับประคองให้น่าดูน่าติดตาม แถมยังเปลี่ยนสุคสไตล์ตามพรของตัวเองที่เดี๋ยวเป็นเจ้าพ่อนักค้ายา นักกีฬา ประธานาธิบดี ทำให้ราวกับได้ดูหนังเรื่องหลายไปในตัวแต่โครงหลักยังเป็นเรื่องเดิม ที่เห็นจะพลาดไม่ได้คือ Elizabeth Hurley มาสร้างปีศาจที่น่าจะน่ากลัวกลายเป็นเซ้กซี่กัดเจ็บตลอดเรื่อง เพราะลีลาก็มา แถมยังเปลี่ยนลุคไปเรื่อยตั้งแต่นางพยาบาล ครู เป็นได้หมดแบบไม่มีใครสงสัยหรือแปลกสักนิด ขาดไม่ได้คือ Frances O'Connor ที่ในเรื่องก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆที่มีมุมมองของตัวเงแตกต่างกันไป แต่ที่ต่างคือเรื่องอารมณ์กับนิสัยที่เดี๋ยวอ่อนโยน เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย กลายเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวและน่ารักในตัวว่างั้น
ด้านนักแสดงอาจใช่ไม่มาก ทว่าองค์ประกอบถือว่าจัดได้หลากหลายรูปแบบดี ทำให้เห็นความแตกต่างผ่านหลายมุมมองได้เยอะ อันที่จริงเนื้อเรื่องแบบนี้ถ้าทำดีๆจะจบได้น่าประทับใจตราตรึงดีไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว แต่เหมือน Bedazzled ยังสร้างความประทับใจไม่หนักแน่นพอเท่าไหร่ในตอนจบที่น่าจะหลงเอยได้อารมณ์ที่เข้าใจเต็มเปี่ยม อย่างน้อยหนังจบสวยดีแถมจบแบบไม่มีอะไรชวนให้คาใจเท่าไหร่ในเรื่องของโชคชะตาความรัก ในแง่ของพล็อตเรื่องอาจว่าง่ายไม่มีอะไรสลับซับซ้อนแต่ถือว่าดีในการดูเอาเพลินไม่คิดมากมาย เนื่องจากข้อคิดที่ได้นั้นชัดเจนตั้งแต่เริ่มเรื่องจนไม่ต้องหาข้อเปรียบเทียบมาอธิบายอะไรเพิ่ม ก็นับว่าดูได้สนุกแบบเรื่อยๆไม่มีอะไรให้หนักใจแถมมุขแต่ละมุขดูฮาแบบมีระดับ ไม่ทะลึ่งหรือทะเล้น จัดเป็นหนึ่งเรื่องที่น่าเก็บไว้ชมยามว่างได้เพลินดีทีเดียว ใครชอบก็ชอบเลยนะเรื่องเนี่ย