Miss Congeniality (2000) พยัคฆ์สาวนางงามยุกยิก

Miss Congeniality (2000)
พยัคฆ์สาวนางงามยุกยิก
Director: Donald Petrie
Genres: Action | Comedy | Crime | Romance

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนที่มีอคติกับสาวนางงามต้องมาประกวดนางงามซะเองกับเกรซี่ ฮาร์ท (Sandra Bullock) เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ได้รับหน้าที่ต้องปลอมตัวเข้าไปในกลุ่มนางงามประกวดเพื่อตามหาคนร้ายที่กำลังวางแผนวางระเบิดอยู่สักแห่ง ซึ่งได้ความร่วมมือจากเอริค แมตทิวส์ (Benjamin Bratt) เพื่อนร่วมงานเอฟบีไอที่ขอร้องให้ช่วยปลอมเป็นหนึ่งในผู้ประกวด สุดท้ายเกรซี่ต้องตอบตกลงรับข้อเสนอเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ ทว่าผิดถนัดไปคือตัวเกรซี่กับสภาพไม่บอกยี่ห้อสาวนางงามได้เลยสักนิด ดังนั้นจึงร้อนถึงวิกเตอร์ (Michael Caine) ผู้จะมาฝึกทักษะความเป็นผู้หญิงนางงามให้สวยเริ่ดเชิดหยิ่งจนสายตาชายมองค้างไปเลย แต่ด้วยเกรซี่ไม่ใช่หญิงทั่วไปงานนี้จึงต้องฝึกหนักกันหน่อยล่ะเพื่อให้ออกมาเฟอร์เฟคที่สุดเท่าที่ทำได้ ส่วนจะได้แค่ไหนไปลุ้นเอาตอนประกวดล่ะกันเด้อ


เป็นหนังที่ไปไม่สุดสักทาง แต่ความเพลินของเรื่องค่อนข้างมีสูงจนเราไม่รู้สึกว่าจะมีการดำเนินเรื่องที่น่าเบื่อตรงไหนเลย ซ้ำยังอยากติดตามขึ้นเลยๆกับสาวเกรซี่ผู้นี้ว่าจะไปรอดถึงฝั่งได้หรือไม่ บางทีผู้ชมคงเข้าใจอะไรหลายอย่างกับเรื่องนี้ผิดถนัดไปเล็กน้อยเกี่ยวกับจุดประสงค์ของเกรซี่ที่เข้าประกวดนางงาม ใช่เธอมาตามจับผู้ร้ายที่อาจเป็นใครก็ได้ในงานเพื่อกู้หน้าของตัวเองที่เคยทำงานพลาด ซึ่งดูเหมือนตัวหนังจะเอียนเอียงเข้าการประกวดมากไปหน่อยจนเกือบๆลืมไปเลยว่าเกรซี่ไม่ได้มาประกวดจริงๆจังๆซะหน่อย โดยเห็นได้จากระยะหลังๆที่ตัวหนังค่อยๆปรับมุมมองเกี่ยวกับการประกวดนางงามให้มากขึ้นจนเราเห็นเป็นเรื่องประกวดเกือบเต็มรูปแบบ แม้จะคั่นด้วยเรื่องอื่นๆเพื่อไม่ให้เสียเรื่องราวหลักก็ตาม กระนั้นตัวหนังก็ค่อยๆปรับมุมมองตัวเกรซี่ให้เข้าใจอีกด้านหนึ่งเกี่ยวกับนางงามทั้งหลายที่เข้าประกวดว่าเป็นเช่นไรบ้าง และมันไม่ได้เป็นอย่างที่เกรซี่ได้คิดเอาไว้แต่แรกเสมอไปเพราะเมื่อสัมผัสเองเท่านั้นจึงจะให้คำตอบที่แน่นอนยิ่งกว่า ประเด็นตรงนี้คล้ายกำลังทำให้ผู้ชมที่ไม่ค่อยอยากสนใจเกี่ยวกับการประกวดนางงามต้องรู้สึกน่าสนมาบ้าง เมื่อผู้ชมบางคนไม่ได้แตกต่างจากตัวเกรซี่ที่คิดว่าผู้เข้าประกวดต้องเป็นพวกอ่อนต่อโลก และพร่ำพูดคิดว่าตัวเองช่วยโลกให้สันติได้ แต่แล้วเราต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ให้สอดคล้องับความฝันของผู้เข้าประกวดว่าอันที่จริงนี่อาจเป็นแค่เส้นเริ่มต้นของชีวิตใหม่ ไม่จำเป็นเลยว่าการเข้าประกวดต้องทำตัวให้ดูเป็นพวกสมองกลวงเพื่อดึงดูดกรรมการ อันที่จริงคนที่เข้าประกวดทุกคนล้วนแล้วแต่มีความสามารถกันทั้งนั้นเฉกเช่นมุมมองของเกรซี่ที่เปลี่ยนไปในตอนสัมภาษณ์ที่เปิดใจยอมรับตัวเองต่อหน้าทุกคนว่าเคยคิดแง่ลบกับผู้เข้าประกวด

ด้วยคำถามที่ถามเกรซี่ว่า"คิดยังไงกับการประกวดนางงามสหรัฐที่นี้ล้าสมัย และต่อต้านสตรี" คำตอบที่ได้แม้จะไม่ชัดเจนในเชิงกว้างและเข้าข้างตัวเองอยู่พอสมควร แต่การมาพิสูจน์กับชีวิตนางงามนั้นทำให้การแข่งขันที่เป็นมากกว่าการได้มงกุฎคือเหล่ามิตรภาพผองเพื่อนที่ทุกคนต่างรักกัน กระนั้นเกรซี่ยังเอ่ยในเชิงเสียดสีนิดๆเรื่องการคิดในใจที่หวังอยากให้ผู้เข้าประกวดคนอื่นๆสะดุดล้มให้ดูอับอายต่อหน้าเวที ซึ่งดูเหมือนตัวหนังจะตั้งใจย้อนไปหาตัวเองเพราะตลอดทั้งเรื่องมีเพียงเกรซี่ที่ล้มอยู่คนเดียว(อันที่จริงมันเป็นมุขน่ะ)


ด้วยความที่ว่ามีหลายคนที่คิดว่าล้าสมัยมาจากวิธีรูปแบบเดิมๆคือการหาผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์ เสน่ห์ในที่นี่หมายถึงควาสามารถที่มากพอจะดึงผู้ชมได้ว่ามันสุดยอดแม้จะเห็นๆได้ทั่วไปอย่างการควงไม้ที่มีไฟตรงด้าม หรือการทำเสียงเพลงบนแก้วด้วยการถูวนไปรอบปากแก้วให้ไพเราะ ทว่าสิ่งที่แตกต่างกันไปคือผู้กระทำที่ช่วยเติมเต็มความสวยงามเข้าไปในการแสดง แต่ปัญหาคือการประกวดมีวัตถุประสงค์ไปเพื่ออะไรมากกว่าการได้ผู้หญิงที่สวยที่สุดจากการชนะผู้หญิงที่มาจากหลายสถานที่ คำตอบคือไม่มีสำหรับเวทีประกวดที่แค่หาคนสวยมีความสามารถ

ดังนั้นสำหรับอเมริกาบางครั้งถูกมองในแง่ลบที่ว่าเป็นรายการที่ไร้สาระ มีแต่ผู้หญิงมาโชว์โน้นนี่นั้นและตามด้วยเงินกับตำแหน่งที่ทำให้คนนั้นรวยได้เพราะสวยอย่างว่า ในขณะที่เกรซี่พยายามบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องสาระอย่างที่เคยคิดอีกต่อไป เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขกับเพื่อนๆต่างถิ่นมากหน้า และแน่นอนคือประสบการณ์จากการประกวดอันมีค่าที่ถามหน่อยเถอะว่าคนที่ว่าๆเป็นการประกวดแสนไร้สาระเคยลองได้เหยียบหรือประจักษ์ต่อหน้าคนทั้งประเทศแล้วหรือยังว่าตัวเองคือคนที่สวยไม่แพ้ใครเช่นกัน


ที่ดีอีกอย่างคือตัวหนังปูความสัมพันทางจิตใจของเกรซี่ตั้งแต่วัยเด็กจากการเปิดเรื่องที่บ่งบอกถึงเด็กผู้หญิงจอมห้าว ใช้กำลัง และคิดว่าตัวเองเก่งจะจัดการคนโตได้ยามมีคนที่อ่อนแอกว่าถูกรังแก ด้วยเหตุนี้นั้นเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งของอาชีพตำรวจเอฟบีไอที่เข้าเค้านิสัยตัวเธอเลย แต่ก็ไม่วายเรื่องอ่อนต่อโลกอยู่บ้างที่เริ่มปฏิบัติงานด้วยความประมาทจนเจ้าหน้าที่ต้องถูกยิงบาดเจ็บ ซึ่งนั้นทำให้เกรซี่รู้สึกแย่อย่างมากจากความผิดพลาดของตัวเองที่คิดว่าตัวเองทำได้แต่อันที่จริงเปล่าเลย เธอเกือบทำมันพังเพราะตัวเธอเองคนเดียว และด้วยความผิดในใจในหน้าที่ของตัวเองจึงรู้สึกอยากได้หน้าว่าดีกว่าแย่จึงอาสาช่วยคดีปริศนาก่อนจะระบุได้ว่าเป็นงานประกวดนางงาม จึงเป็นหน้าที่ที่ต้องหาคนปลอมตัวเพื่อตามสืบผู้ต้องสงสัย ใช่เลยเกรซี่คือคนที่ปลอมเข้าประกวด คนที่ไม่ชอบอะไรที่หวานแววว่าง่ายตามประสาผู้หญิงทั่วไป นี่จึงเป็นวิธีดัดนิสัยอีกทางด้วยงานแบบอ้อมๆให้กลับมาดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อย มีเสน่ห์และสวยในตัวยิ่งขึ้น โดยการจะทำให้เกรซี่ออกมาดูเริ่ดได้ต้องให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพวิกเตอร์ที่เจ้าตัวรู้งานอยู่แล้วว่าควรจะทำยังไงให้ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ(ไม่สิต้องกลับกัน)

Sandra Bullock แสดงได้ดีในบทสาวเอฟบีไอมีปมในใจ อันที่จริงว่าโดยรวมแล้วมันเหมาะสมมากๆกับตัวเธอที่เล่นได้เข้าทางกับคาแรกเตอร์ตัวละครทั้งห้าว ชอบใช้กำลัง และแน่นอนคือไม่หวานแววขนาดใจอ่อนง่ายๆ คงเพราะเล่นดีด้วยอะไรๆก็เลยลงตัวไปเพียบ ชอบฉากเดินเข้าห้องด้วยอารมณ์ฉุนหลังจากทำภารกิจในช่วงต้นเรื่องเพราะสมจริงสมจังด้วยโทสะล้วนๆเลย ส่วน Benjamin Bratt ในบทพระเอกที่ไม่ค่อยเด่นอะไรแต่พยายามสร้างความน่าสนใจเสมอเรื่องด้วยการเป็นหัวหน้านำทีมพร้อมกับมุขตีคู่ Sandra Bullock เสมอมา ถือว่าแสดงได้ดีเหมือนกัน แต่อาจเป็นรัศมีที่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่จึงเหมือนบทพระรองมากกว่า ต้องนี่เลย Michael Caine แสดงพอประมาณแต่ด้วยบุคลิกที่สร้างความเหมือนจนใช่เลยกับบทผู้จัดการฝึกซ้อมให้กับเกรซี่ ด้วยท่าทางที่ไม่แมนและไม่แอ๊บเกินไปทำให้ดูมีราศีแบบแปลกๆ จะว่าอันที่จริงดูๆแล้วการเลือกตัวละครมาสวมบทบาทแต่ละตัวทำได้โอเคอยู่มากมิใช่น้อยทีเดียวจนตัวละครแต่ละตัวล้วนน่าจดจำเกือบหมด ทั้งนี้ต้องยกให้กับผู้กำกับ Donald Petrie ที่สร้างเอกลักษณ์ของตัวละครออกมาได้น่าติดตา และแจกบทได้อย่างพอประมาณ แม้จะรู้สึกเสียดายกับตัวร้ายของเรื่องที่แผ่วจนไร้ค่าเกินความคาดหวังเอาไว้ในต้นเรื่องก็ตาม และที่สำคัญคือการคุมเนื้อเรื่องให้ยึดอยู่กับการปลอมตัวได้อย่างเนียบเนียน ดังนั้นส่วนใหญ่เราจะเห็นเกรซี่ที่ต้องลำบากตั้งแต่ก่อนปลอมตัวตลอดจนขึ้นเวที ถึงอย่างนั้นหลังโชว์ตัวเสร็จต้องมาฝึกเดินแบบอย่างลับๆที่บอกได้เลยว่าคงเหนื่อยมากๆ


ที่ชอบเรื่อง Miss Congeniality ส่วนหนึ่งมาจากความเพลิดเพลินที่กำลังมาดี ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป รวมถึงมุขตลกสร้างสีสันในแบบเชิงไวพริบการแก้หน้าของเกรซี่ในเรื่องที่ยกนิ้วให้ในความสามารถของเธอ โดยเฉพาะการแก้หน้าเรื่องความสามารถที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะโชว์อะไรดีก็เลยเล่นโชว์การเล่นแก้วให้ฟัง ซึ่งไม่ได้มีแค่เล่นแก้วให้ฟังอย่างเดียวเท่านั้นเพราะท้ายเรื่องจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการโชว์อีกอย่างที่เด็ดกว่า ตัวละครเกรซี่เป็นตัวละครที่น่าเห็นใจเรื่องวัยเด็กแต่อดคิดไม่ได้ว่าตัวหนังน่าจะให้ความสำคัญในจุดนี้เพิ่มอีกสักหน่อย เนื่องจากยังดูไม่อิ่มตัวเรื่องปูมหลังในตัวเกรซี่มากนัก ส่วนความสนุกส่วนใหญ่ได้จากความตลกกับมุขในเรื่องเสียส่วนใหญ่(ความจริงการจะบอกว่ามียิงไหมมีระเบิดไหม มีแน่แต่เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น) และมุขแต่ละครั้งจัดว่าเข้าใจง่ายดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เนื่องจากแต่ละมุขมีความขำขันอย่างเป็นกันเอง ชอบจริงตอนที่เกรซี่พยายามจะกินขนมปังแต่วิกเตอร์มาหยิบออกไปทั้งที่จะเข้าปากแล้วเชียว

สรุปว่าไม่มีอะไรมากสำหรับเรื่องนี้ แค่ค่อนข้างสนุกและเพลิดเพลินพอสมควร น่าเสียดายความรักที่ถูกนำหยิบมาใช้ในท้ายเรื่องดูจะไม่ค่อยน่าชื่นชมเท่าไหร่จากความผูกพันที่เหินห่างระหว่างเกรซี่กับเอริค ส่วนความต่อเนื่องของเรื่องจัดว่าเร็วไม่มีเบื่อ มีจุดพักให้ทำความรู้จักตัวละครมากขึ้น น่าเสียดายที่ตัวร้ายไปแล้วไปลับบทก็น้อยแถมประเด็นยังมาจับผิดตอนท้ายเรื่องอย่างง่ายดายเกินไปหน่อย ความอยากลุ้นน่าตื่นเต้นจึงหายไปเป็นเรื่องลุ้นใครจะได้สวมมงกุฎนางงาม ถือว่าสนุกแบบดูได้เรื่อยๆแต่อย่าคาดหวังอะไรมากกับเรื่องนี้

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)