Street Kings (2008) ตำรวจเดือดล่าล้างเดน

Street Kings (2008)
ตำรวจเดือดล่าล้างเดน
Director: David Ayer
Genres: Action / Crime / Drama / Thriller
Grade: B-

ทอม ลัดโลว์ (Keanu Reeves) เจ้าหน้าที่ตำวจลองแองเจลิสกับการกำจัดผู้ร้ายด้วยวิธีสร้างฉากเพื่อตัวเองจะได้เป็นดาวเด่นของวงการ ทุกครั้งที่ทำงานมักจะลุยเดี่ยวให้ตัวเองดูเก่งกาจมีความสามารถตามจับสืบได้ ซึ่งใช้ว่าจะเป็นเขาคนเดียวที่ทำงานจริงๆ เพราะยังมีเพื่อนๆในทีมคอยตามเช็ดให้ยามที่ผิดพลาดอะไรไป แต่จะเด็ดขาดที่สุดคือหัวหน้าของทีม แจ็ค วันเดอร์ (Forest Whitaker) ในการแสร้งทำหน้าตายแสดงอารมณ์ความดีชอบผ่านสื่อและต่อหน้าทุกคนในสิ่งทอมกระทำ


แม้ว่าการกระทำจับตายของทอมจะสร้างความเคืองต่อประชาชนอยู่บ้าง แต่นั้นไม่ใช่แรงผลักดันให้รู้สึกผิดอะไรในเมื่อสิ่งที่ทำไม่ได้ผิดอะไรในเมื่อหลักฐานออกมาชัดเจนอยู่แล้วว่าอะไรคือแรงจูงใจของเหตุการณ์ที่ต้องจับตาย ซึ่งอันที่จริงมีเพียงในทีมเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้และอุปเก็บเป็นความลับเพื่อรักษาผลงาน แจ็คเองก็ทำหน้าที่ดึงความสนใจจากหลายฝ่ายให้มองสถานการณ์ความเป็นไปว่าควรกระทำและเหมาะสมต่อการกระทำของทอมว่าดีที่สุด กระนั้นแน่นอนว่าสิ่งที่ทอมได้ทำลงไปใช่ว่าจะไม่เป็นเป้าสายตาชวนน่าสงสัย เมื่อฝ่ายตรวจสอบตำรวจภายในเริ่มสงสัยเขาและทีมของเขา ซึ่งมันไม่ได้หมดที่แค่สงสัยแต่อาจเป็นใช่เลยก็ได้ เนื่องจากคู่หูเก่าของทอม เทอเรนส์ วอชิงตัน (Terry Crews) ที่ขอลาออกไปเหมือนกับว่าจะเปิดโปรงความจริงเรื่องของเขาและทีมให้ฝ่ายตรวจสอบฟัง ซึ่งไม่รู้ว่าชัดมากแค่ไหนแต่เมื่อข่าวได้มาอย่างนั้นทอมจึงอยากสั่งสอนเทอเรนส์ให้ปิดปากเงียบเอาไว้ ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่ทันได้คิดก็ทำให้เทอเรนส์ตาย

เรื่องเกิดขึ้นเร็วจนทอมเองยังปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ไปไม่ถูก เมื่อจู่ๆมีชายฉกรรจ์บุกเข้ามา 2 คนพร้อมอาวุธสาดกระสุนใส่เทอเรนส์อย่างจังแบบห่ากระสุน ทอมเองที่อยู่ในเหตุการณ์ยังคงงงที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ งานนี้ทำให้เขาคิดอยากสืบสวนขึ้นมาว่าเพราะอะไรคือสาเหตุการตายของเทอเรนส์ และทำไมถึงต้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาเช่นนี้ได้ด้วย เพราะมันช่างบังเอิญกับตอนที่เขานึกอยากจัดการซะเอง แต่นั้นปัญหายังไม่หนักเท่ากับการถูกเล็งจากฝ่ายตรวจสอบที่พบกระสุนประเภทที่ 3 อยู่ในตัวเทอเรนส์ทั้งที่คนที่ยิงมีแค่สอง ใช่แล้วกระสุนที่แปลกปลอมเข้ามาหนึ่งนัดมาจากฝีมือของทอมที่เวลาเกิดเหตุยิงกันนั้นทอมได้ยิงใส่หลังเทอเรนส์ไป แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจอยากจะยิงให้ถึงตายแต่ด้วยความที่ถูกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยแล้วงานนี้เขาจึงต้องเลือกข้างว่าจะยังคบกับแจ็คเพื่อช่วยแก้หน้าให้หรือไม่ หรือจะยอมตามหาความจริงอันแสนขัดแย้งครั้งนี้เพื่อพิสูจน์ตัวเองในฐานะตำรวจคนหนึ่งที่อาจจะเลวได้มากกว่าดี


คิดว่าใครดูรู้เรื่องนี้เพราะ Keanu Reeves ขอบอกว่าคิดถูกที่คิดเช่นนี้ เพราะตลอดทั้งเรื่องคือตัวเขาทั้งนั้น ทั้งเรื่องมาเด่นตลอดเวลาตั้งแต่เปิดเรื่องจนหนังจบ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกแค่เนื้อเรื่องของมุ่งมาที่ตัวทอมเป็นหลักจากเหตุการณ์เพื่อนตายเพราะถูกลอบฆ่า พอหลังจากนั้นเป็นคิวสืบสวนนู้นนี่ไปเรื่อยๆเพื่อหาความจริงการตายให้ได้ ก็นับว่าแสดงได้ดีในแบบไม่แสดงทางอารมณ์มากมาย แต่ดูเนียนจริงๆในหลายฉากราวกับตัวเองเป็นของตัวเอง ไม่เหมือนทางด้านนักแสดง Forest Whitaker มาได้อารมณ์ตลอดเวลาจนบางทีก็มากไปหน่อย อย่างน้อยในท้ายเรื่องเก็บคะแนนไปได้สวยจาการแสดงสปิริตออกมาจนเชื่อว่าเป็นคนเช่นไร พร้อมกับเฉลยทุกสิ่งทุกอย่างที่แม้แต่ทอมเองยังไม่รับรู้แม้จะอยู่ร่วมทีมด้วย ซึ่งจุดนี้แหละที่ Forest Whitaker ทำให้ฉากนี้ดูมีพลังขึ้นมาบ้าง น่าเสียดาย Terry Crews ที่พอเอาเข้าจริงมาเล่นเป็นบทสมทบมากกว่าจะให้กลายเป็นตัวหลักของเรื่องไปแม้จะไม่รีบร้อนดำเนินเรื่องหลักก็ตามที แสดงได้ดีพอตัวแม้จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรก็ตาม ตอนเล่นประกบคู่ Keanu Reeves ก็ถือเป็นมุมมองที่น่าสนใจ เพราะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจนคิดๆดูแล้วว่าเมื่อก่อนเป็นคู่หูกันได้ยังไงในเมื่อภาพดูขัดแย้งขนาดนั้น จึงไม่แปลกถ้าเนื้อเรื่องจะวางให้ทั้งสองในเรื่องจะไม่ถูกกันด้วย และยังมีนักแสดง Chris Evans เป็นนักสืบพอล ดิสคัสมาร่วมงานเป็นคู่หูจำเป็นให้กับทอมในช่วงกลางๆเรื่องจากทำให้หน้าที่สืบสวนก็ค่อยๆกลายเป็นคู่หูกับทอมแบบไม่เป็นทางการ ในเรื่องคนนี้เหมาะกับบทบาทของตัวเองราวกับดูน่าเกรงขามที่เจอทอมแล้วกลายเป็นเด็กใหม่ไปเลย

แล้วยังมีนักแสดงคนอื่นๆ อาทิเช่น Amaury Nolasco ในบทตำรวจคอสโม ซานโตส กับ John Corbett เป็นตำรวจเดน เดมิลล์ ผู้อยู่ร่วมทีมเดียวกับแจ็คทั้งคู่ ในเรื่องจะเป็นเสมือนตัวประกอบที่ค่อยแย่งความเด่นในเรื่องแถมโผล่มาเพื่อแย่งซีนอย่างมีประโยชน์ คือโผล่มาแต่ละครั้งทำให้รู้สึกว่าเป็นตัวละครที่น่าจับตามอง เสียดายที่ตัวหนังไม่ได้เจาะลึกอะไรจึงเป็นตัวประกอบเท่านั้นแหละ


พล็อตเรื่องค่อนข้างงั้นๆไม่มีอะไรซับซ้อนยากเกินเข้าใจถ้าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งนี่แหละข้อเสียของหนังเรื่องนี้ที่ไม่ค่อยพัฒนาเนื้อเรื่องเท่าไหร่นักทั้งที่ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยช่วยให้หนังมีแง่มุมสะท้อนได้มาก แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ถ้าหนังอยากจะนำเสนอแบบตรงตัวจนผู้ชมรู้ๆกันอยู่บ้างแล้ว ฉะนั้นการที่ผู้ชมเดาทางได้จึงมีอยู่แน่นอนเพราะความตรงตัวนี้แหละ ทว่ามันก็ทำให้ผู้ชมเข้าใจง่ายในการอธิบายเนื้อเรื่องให้ดูเข้มข้นมาในระดับหนึ่ง ซ้ำยังชี้ทางชัดเจนว่าพระเอกของเราเดิมทีไม่ใช่ตำรวจที่ดีอะไรนัก 

ถ้าว่ากันแล้วทอมไม่ใช่สีดำและสีขาว แต่อยู่สถานะก่ำกึ่งระหว่างทั้งสองเป็นสีเทา เห็นว่าทอมคือพวกจัดฉากแสแสร้งทำเป็นได้ผลงาน ทว่าความจริงคนเหล่านั้นล้วนมีความผิดจริงและควรได้รับโทษ สำหรับหน้าที่ตำรวจคือจัดการผู้ร้ายที่ซึ่งทอมปฏิบัติ แต่การปฏิบัติหน้าที่ของทอมได้กระทำเกินกว่าเหตุให้สถานการณ์ออกมารุนแรงเช่นตอนเปิดเรื่องทั้งที่สามารถเข้าไปจับเป็นได้ แต่ทอมเลือกกระทำเด็ดขาดลุยเดี่ยวไม่เรียกกำลังเสริมบุกจับตายพร้อมจัดฉากให้เหมือนมีเหตุผลต้องจับตายโดยไม่ไตร่ตรองเจรจากับผู้ร้าย จึงกลายเป็นคำถามที่ว่าผู้ร้ายที่สมควรตายควรตายแบบไม่ต้องให้โอกาสดีหรือไม่ เนื่องจากบางครั้งคนที่ผิดจริงกลับไม่ได้รับโทษก็มี คนที่ไม่ผิดก็รับโทษแทนก็มี ถ้ายังเสียเวลาในการไตร่สวนอาจทำให้หลักฐานกับเหตุผลต่างๆละเลือนได้ การเป็นศาลเตี้ยลงมือพิพากษาเองจึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด กระนั้นเราไม่อาจบังคับให้ใครต้องมาตายได้ถ้ายังมีทางเลือกที่เหมาะสมรองรับอยู่


ประมาณว่าอยากชมเรื่องนี้ตรงประเด็นตำรวจดี-ตำรวจเลวที่แยกแยะออกมาได้ชัดเจนในช่วงท้ายเรื่องจนทำให้ผู้ชมมองออกว่าทอมยังเป็นตำรวจที่ดีขึ้นผิดจากช่วงแรกๆของหนังที่ไม่อาจบอกว่าเป็นตำรวจที่ดีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จะว่าแล้วการเผยเนื้อเรื่องแบบเปิดของตำรวจเช่นนี้ทำให้ตัวเองนึกถึง L.A. Confidential (1997) ที่มีลักษณะการตีแผ่ของตำรวจอย่างไม่เกรงใจ ซึ่งคงไม่ผิดหรอกถ้าคนเขียนมาจากคนเดียวกันคือ James Ellroy ที่วางสถานะของเหล่าตำรวจให้ออกมาโทนสีเทาและมืดบอด แถมยังวางตำแหน่งตัวละครมากมายให้ออกมาดูน่าไว้วางใจในฐานะตำรวจที่ประชาชนมองเช่นนั้น แต่กับตำรวจด้วยกันเองถือเป็นเรื่องท้าทายถ้าจะคิดเอาเด่น ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับ L.A. Confidential ก็ถือว่า Street Kings ดูยังด้อยประสบการณ์ในการลงรายละเอียด และอารมณ์เชิงสืบสวนนั้นยังไม่ถึงขั้นเร้าอารมณ์เท่าไหร่เลย แถมตัวละครยังมีไม่มากจึงแยกแยะความไว้หน้าวางใจได้ง่ายต่อการเดาเนื้อเรื่องที่ไม่ยักกะมีหักมุมบ้าง สรุปได้ว่า L.A. Confidential ยังเข้มข้นกว่าทั้งการดำเนินเรื่อง และการวางปมประเด็นเนื้อเรื่องให้น่าขบคิดมากมาย จะว่า Street Kings คงไม่ต่างอะไรกับต้นขั้วที่ทำหน้าที่ของตัวเองแล้วปล่อยให้ L.A. Confidential มาขยายเนื้อเรื่องพร้อมแรงจูงใจให้มากขึ้นหลายเท่า ฉะนั้นการรับชมทั้งสองเรื่องนี้ติดต่อกันอาจช่วยเพิ่มอรรถรสเรื่องราวตำรวจเลว-ตำรวจดีได้น่าพอใจ


Street Kings มีฉากแอ็คชั่นแบบดิบเถื่อนที่พอเอามันส์ได้อยู่บ้างเป็นบางฉาก อย่างฉากเปิดเรื่องในการจัดฉากของทอมที่ลุยเดี่ยวจัดการผู้ร้ายเพื่อช่วยตัวประกันแฝดที่ถูกจับไป ถึงอย่างนั้นถ้าคาดหวังอยากได้ฉากแอ็คชั่นมัส์ทั้งเรื่องคงต้องบอกว่าคิดผิด เนื่องจากตัวหนังหนักไปทางการติดตามเรื่องราวซะมาก ส่วนฉากแอ็คชั่นยิงกันเป็นตัวเสริมเรื่องให้ออกมาตื่นตัว ซึ่งช่วงแรกทำให้ได้น่าสนใจแต่พอหลังจากนั้นตัวหนังจะค่อนข้างไปแบบเรื่อยๆเอื่อยๆขาดพลังในการดึงดูดผู้ชมให้ติดอยู่กับที่นั่งได้ตลอดเรื่อง จะเป็นช่วงกลางๆเรื่องที่ยืดเยื้อเนื้อเรื่องจนยาวและอาจหลับได้แม้จะพยายามเล่าเรื่องอย่างกระชับให้ไวก็ตาม สำหรับใครที่อยากเห็น Keanu Reeves ก็มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่องอาจทำหนังสนุกได้บ้าง ข้อเสียของหนังมีอยู่อย่างเดียวที่บอกคือความน่าดึงดูดมีน้อยจนดูเบื่อทั้งที่ออกมาสนุกในแง่การสืบสาวหาความจริง ฉะนั้นดูไปแบบเซ็งไปไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะการกระตุ้นอารมณ์แทบไม่มีเลย เอาเป็นว่าทิศทางของหนังเหมาะสำหรับคนชอบแนวนี้ ไม่ได้ถือว่าแย่หรือไม่สนุก แค่อารมณ์ร่วมไม่ค่อยมี ถ้าตั้งสมาธิตามหนังไปเรื่อยๆจนวินาทีสุดท้ายจะเข้าใจเนื้อเรื่องได้แบบสนุกๆ แฉในท้ายเรื่องได้คุ้มค่าดูมีเหตุผล ต้องบอกว่า Street Kings เก็บเอาไว้ดูได้เรื่อยๆเพลินๆไม่ว่ากัน

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)