Joy Ride (2001)
เกมหยอก หลอกไปเชือด
Director: John Dahl
Genres: Action | Mystery | Thriller
Grade: B
เรื่องของเรื่องก็คือไปแกล้งใครที่ไหนไม่รู้เพราะนึกสนุกประสาวัยรุ่น แต่คนที่ถูกอำกลับไม่มองว่าตลกน่ะสิและก็กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งกว่าความเจ็บใจเพราะเอาคืนด้วยการแก้แค้นกะให้ตายไปข้างหนึ่งกันเลยทีเดียว ทว่าถ้ามองเป็นหนังแก้แค้นคงไม่ใช่ไปซะทีเดียวแต่น่าจะเรียกว่ากรรมคืนสนองมากกว่าแถมคืนแบบคูณยกกำลังซะด้วย ซึ่งเรื่องเริ่มจากลูอิส โธมัส (Paul Walker) ที่กำลังเดินทางเพื่อที่จะไปรับหวานใจของเขา โดยเธอมีชื่อว่าเวนนา (Leelee Sobieski) แต่เผอิญประจวบเหมาะเขาต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อยเพราะฟูลเลอร์ (Steve Zahn) พี่ชายปากที่เพิ่งออกจากคุกมาหมาดๆถูกปล่อยตัวออกมาและเขาต้องไปรับพอดี ทำให้ลูอิสตัดสินต้องไปรับพี่ชายแสนน่าเบื่อเสียก่อนเป็นการแสดงถึงความเป็นพี่เป็นน้อง แต่ไม่ทันไรพี่ชายก็งัดของดีมาใส่รถโดยที่ลูอิสเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นเพียงเครื่องวิทยุสื่อสาร แต่ที่นี่เรื่องตลกๆระหว่างสองพี่น้องก็เริ่มขึ้นเมื่อฟูลเลอร์สนุกกับการคุยวิทยุแบบโม้โน้นโม้นี้ราวกับเป็นเรื่องสนุกที่ใครฟังใครทำตามจะกลายเป็นเรื่องขำๆไป
แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญไปเจอะกับใครไม่รู้ที่ไหนติดต่อวิทยุเข้ามาเนื่องจากฟูลเลอร์ไปใช้คำเย้ายวนจนเกิดเป็นเรื่อง ทางฟูลเลอร์ก็เกิดไอเดียอยากให้ลูอิสปลอมเสียงเป็นผู้หญิงบอกไปว่ากำลังเหงาต้องการใครสักคนที่ช่วยได้ ลูอิสทำท่าปฏิเสธก่อนจะยอมทำตามที่พี่ขอจากนั้นก็กลายเป็นเรื่องสนุกชวนลุ้นไปซะดื้อๆ เพราะหลังจากคุยไปสักระยะหนึ่งด้วยน้ำเสียงปลอมๆเป็นผู้หญิงนั้นก็เกิดชวนนัดพบกันจริงๆ โดยพบกันที่โรงแรงแห่งหนึ่งโดยอ้างว่าอยู่ห้องพักนี้ทั้งที่ความจริงมันคือห้องใครที่ไหนก็ไม่รู้ เมื่อเวลานัดพบมาถึงทั้งฟูลเลอร์และลูอิสก็ต่างตั้งหน้าตั้งตารอผลงานชิ้นโบว์แดงว่าจะสร้างความเซอร์ไพร์สให้กับคนแปลกหน้านามรัสตี้ เนลล์ได้หน้าแตกแค่ไหน ซึ่งผลออกมาเป็นไปตามที่คาดเอาไว้แต่ทว่ากลับลงเอยในแบบที่ผิดอย่างแรงเมื่อคนที่อยู่ในห้องที่ให้ไปหานั้นเกือบตาย และที่สำคัญพวกเขากำลังถูกชายปริศนานี้ไล่ล่าอย่างลับๆที่อุดมไปด้วยลูกเล่นชวนผวาให้เล่นเกม ซึ่งถ้าไม่ทำตามที่บอกผลสุดร้ายแรงจะตามมา
ข้อคิดแรกที่ได้จากเรื่องนี้ในบันดลคือจงอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า และอย่าริไปแกล้งคนแปลกหน้าด้วยเพราะคนที่ซวยจริงๆอาจไม่ใช่คนถูกกระทำแต่เป็นผู้กระทำเสียเอง อันที่จริงไม่เชิงหนังเอาคืนแต่น่าจะเรียกว่าดวงซวยมากกว่าที่ไปเจอกับคนโรคจิตที่นึกสนุกบังคับเล่นเกมจิตวิทยาชวนระทึกขวัญแถมเจ้าเกมบางเกมทำได้แสบทรวงจนน่าอับอายอย่างฉากแก้ผ้าเข้าร้านสั่งเบอร์เกอร์ที่บอกได้เลยว่าทั้งฮาทั้งระทึกขวัญในแบบหดหู่ว่าตัวเองทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย แล้วทำไมฟูลเลอร์กับลูอิสถึงได้ทำตามที่สั่งล่ะ
ประเด็นมันอยู่ตรงที่ใครคือรัสตี้ เนลล์กันแน่เนื่องจากหน้าตารูปพรรณเป็นแบบไหนไม่มีใครรู้เลยสักนิดนอกจากเป็นคนขับรถบรรทุก พูดงี้นึกถึงหนังเก่าอย่าง Duel (1971) ของ Steven Spielberg ที่เกี่ยวกับชายขับรถยนต์มาอยู่ดีๆก็เกิดโดนคนขับรถบรรทุกไล่กวดทั้งเรื่องเพียงแค่ขอแซงเท่านั้นแต่ใครคือคนขับรถ จะหนีจะซ่อนหรือไปไหนก็ตามหาจนเจอเพราะอีกฝ่ายรู้หน้าตาของเราเพียงแค่เรายังไม่รู้อีกฝ่ายคือใคร มันระทึกก็ตรงนี้แหละเพราะไม่รู้จะหลบใครถ้ายังไม่รู้ว่าใครคือคนที่เราต้องการจะหนี จะว่าเป็นการแหวกธรรมเนียมหนังสยองขวัญโดยทั่วๆไปที่มักจะรู้กันแล้วว่าใครคือฆาตกร ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครคือฆาตกรตัวจริงก็ได้แค่รู้ว่ามีตัวตนให้เห็นฉากก็โอเคแล้ว แต่นี่อะไรหว่าอยู่ไหนล่ะหลบอยู่หลังเสาหรือกระไรยังไงไม่เห็นตัวกันเลยสักนิดรู้แค่ว่าก้าวขึ้นก้าวลงจากรถบรรทุก จัดเป็นอีกแนวระทึกจับตามองห่างๆโดยที่ตัวละครในเรื่องตลอดผู้ชมเองก็ไม่รู้เลยว่าเจ้าโรคจิตที่ตามมาอยู่ที่ไหนกันแน่ จะรู้แค่ว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกจับตามองอยู่แถมยังรู้รายละเอียดดีราวกับอยู่ใกล้ๆ แล้วจะไม่ให้ผวากันได้เยี่ยงไร
โดยรวมแล้วตัวหนังจะหนักไปทางการหยอกให้ตกใจกลัวชวนผวาเป็นส่วนใหญ่หรือจะบอกว่าเป็นแบบนั้นทั้งหมดก็ดีเนื่องจากนี้ไม่ใช่หนังเชือด ดังนั้นการจะหาฉากเลือดพุ่งหน้าแหวะอะไรทำนองนี้จะไม่มีให้เห็น ยกตัวอย่าง The Texas Chainsaw Massacre (1974) ที่ไม่มีฉากแหวะบ้าเลือดให้เห็นนอกจากลูกบ้าทำเอาคนประสาทเสียด้วยอารมณ์แสนหดหู่กับจังหวะช็อคๆหลายฉากก็กลายเป็นหนังสยองขวัญที่ไม่มีฉากฆ่าแบบอัดเลือดเนื้ออย่าง Friday the 13th ในยุคแรกๆ คอหนังสยองขวัญอาจมีผิดหวังไปนิดในเรื่องฉากฆ่าที่หาน้อยจะมีให้เห็นแต่เชื่อเหอะว่าแค่จัดแนวระทึกเหงื่อตกก็ทำคะแนนจนหลายคนต้องชอบแน่นอน เพราะอะไรนั้นต้องไปดูความต่อเนื่องของเนื้อเรื่องที่จัดความเสี่ยงได้น่าระแวงมากๆ อย่างฉากเติมน้ำมันที่เห็นคนแปลกหน้าท่าทางพิรุธนึกว่าคือคนที่กำลังไล่ล่าเราใช่ไหม ด้วยความไม่รู้ว่าใช่หรือไม่จึงหนีหน้าตื่นเพราะคงไม่เดินไปตามหรอกว่าคุณคือรัสตี้ เนลล์ที่กำลังไล่ล่าพวกผมอยู่หรือเปล่า ฉากนั้นเป็นฉากที่ลุ้นกันหน้าตื่นมากๆโดยเฉพาะ Steve Zahn เล่นได้เด่นและยังเล่นได้กวนอีกด้วยโดยเฉพาะในฉากให้ลูอิสพูดวิทยุ(อันที่จริงเล่นกวนทั้งเรื่องแหละพวกต้นเหตุมาจากใครล่ะถามจริง) ส่วน Steve Zahn จะบอกว่าคนนี้คือพระเอกหลายคงเชื่อว่าใช่ ถ้าถามจดจำคาแรกเตอร์ใครได้ดีกว่ากันระหว่างลูอิสกับฟูลเลอร์ จะบอกว่าฟูลเลอร์นี่แหละตัวเด่นของแท้และมีแย่งซีนอีกด้วยแหนะ
ต้องบอกว่าเป็นข้อเสียของหนังคงไม่ผิดที่เอียงบาบาทไปทางฟูลเลอร์ให้น่าจดจำมากเกินไปจนบทบาทของลูอิสที่มาโล้ดแล่นในช่วงแรกต้องลดลงไป แต่อย่างหนึ่งที่ยอมรับได้คือนิสัยแตกต่างกันทำให้ทำอะไรจึงมีมุมมองที่ไม่เหมือนกันออกไปอย่างลูอิสเป็นคนนิ่งไม่ทำตัวเองเด่นหรือเป็นคนออกไอเดียผิดกับฟูลเลอร์ที่จะทำหรือพูดค่อนข้างบ่อยจึงกลายเป็นตัวปัญหาได้ แล้วอย่าลืมเวนนนาอีกตัวละครที่กว่าจะมาก็เกือบครึ่งเรื่องน่าจะได้เพราะไปเกริ่นเรื่องราวทางลูอิสกับฟูลเลอร์ก่อนว่าทั้งสองไปเจออะไรมา ถึงแม้จะโผล่มาช้ากว่าคิดจนเกือบลืมว่าจะมาร่วมวงด้วยแต่ด้วยความน่ารักของ Leelee Sobieski คิดว่าน่าจะทำให้ใครหลายคนให้อภัยได้เพราะหนังสยองขวัญต้องมีผู้หญิงและผู้หญิงต้องกรี๊ดจึงจะสะใจ(อาจจะแปลกนิดนึงถ้ามีผู้ชายแหกปากร้องทั้งเรื่อง) มาช่วงหลังอารมณ์หนังจะเริ่มครบรสมากขึ้นจากช่วงแรกทำให้ผวาเป็นน้ำจิ้ม(เล่นซะเกือบตาย) ดังนั้นจากแรกๆที่ดำเนินเรื่องช้ากว่าจะเจอเรื่องลุ้นๆจะเป็นการแก้อารมณ์เบื่อได้ดีในตอนครึ่งหลังทั้งอารมณ์ทั้งตัวละครมากันครบเครื่อง
ส่วนบรรยากาศของหนังเต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจอย่างที่บอกในเรื่องตัวจริงของรัสตี้ เนลล์ที่ไม่ยอมเปิดหน้าตากันให้ดูสักฉากเดียว(จะมีตอนไคลแม็กซ์ฟัดเหวี่ยงกันแล้วเห็นรูปร่างแต่หน้านี่สิยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง) และอีกอย่างที่ขาดไม่ในความเด่นของเรื่องนี้คือรถที่อาจไม่ถึงกับซิ่งอย่างมันส์แต่นี่คือเสน่ห์ของเรื่องที่ต้องมีรถมาร่วมฉากเสมอราวกับนักเดินทางที่ไม่รู้ว่ากำลังเจออะไรบนเส้นทางนั้นๆมีแต่ต้องยอมรับและวิ่งฝ่าไป
Joy Ride อารมณ์ไม่ถึงขั้นดิบเถื่อนจนได้อรรถรสแบบสุดขั้วอย่างที่คิดทว่ากลับได้ความเสียวจากการลุ้นที่ไม่รู้จะหนีไปไหนก็ไม่พ้น ซ้ำร้ายที่เกิดเจ้ารัสตี้ เนลล์ดันไม่ใช่โรคจิตที่บ้าแต่ยังฉลาดในการวางแผนเชิงจิตวิทยาจนทำให้ตัวละครเอกกลายเป็นผู้ถูกกระทำทั้งเรื่องจนน่าแปลกฉงนใจในความเก่ง ซึ่งถ้าวัดจริงๆก็หนึ่งต่อสาม แต่เหมือนฝ่ายที่มากกว่าจะด้อยกว่าหนึ่งเพียงเพราะหนึ่งเดียวนั้นไม่มีตัวตนที่เห็นได้ ใครไม่รู้ อยู่ไหน จะทำอะไรต่อ ล้วนถูกปิดหมดไม่สามารถสืบได้เลยสักอย่าง ตลอดถึงการเชื่อมโยงก็หามีข้อมูลอะไรใดๆราวกับเป็นเหยื่อกลุ่มแรกที่กำลังโดนทดลองจากหลายการกระทำ บรรยากาศใช้ได้ดูหลอนระทึกแต่ยังแสดงความสุดได้ไม่หมดเช่นบทบาทของตัวละครที่ยังจับทิศทางความโดดเด่นได้ไม่พอดีจนมีล้ำเส้นไปบ้าง ส่วนความสนุกของเรื่องจะมาช่วงหลังจากที่แกล้งรัสตี้ เนลล์แล้วพบเรื่องสะเทือนขวัญที่กลายเป็นไฮไลท์เด็ดว่าการหน้าแตกไม่ทำให้ใครรู้สึกตลกไปกับเราแต่มันเจ็บจนน่าเอาคืนมากกว่าสิบเท่าร้อยเท่าให้สาสม โดยรวมคือหนังระทึกขวัญที่เล่นได้หลากหลายมิติไม่จำเจในสถานที่ปิดแต่เปิดทั่วไปไหนมาไหนก็ได้ และที่สำคัญคืออารมณ์ตอนหนีจากการโดนเอาคืนมันผวากันสุดๆ