White God (2015) | 4 ขาล่าปิดเมือง | A+
Director: Kornél Mundruczó
Genres: Adventure | Drama | Thriller
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"
หนังจากประเทศฮังการีที่มาไกลจนได้รับรางวัล Un Certain Regard จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2014 และรางวัล Palm Dog Award ไปอย่างไม่น่าแปลกใจเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตหมาในแบบที่หดหู่จนคนรักหมาอาจต้องรู้สึกสะเทือนใจตามๆกัน แต่สำหรับใครที่ไม่ได้เลี้ยงหมาหรือไม่สบอารมณ์กับหมาอาจต้องคิดใหม่เพราะเรื่องแสดงให้เห็นว่าคนที่มีอคตินั้นเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์สี่ขาเสียอีก ซึ่งแรงบันดาลใจของเรื่องนี้มาจากที่ตัวผู้กำกับ Kornél Mundruczó รู้สึกว่ากฎหมายในฮังการีไม่ยุติธรรมกับหมาโดยเฉพาะกับหมาพันธุ์ทางที่โดนมองเป็นเพียงหมาข้างถนนไม่ใช่พันธุ์แท้ที่หลายคนอยากได้หรือดูดีมีราคาสมแก่การเลี้ยงดู จึงกลายเป็นเรื่องราวของเด็กสาววัย 13 ชื่อลิลี่ (Zsófia Psotta) กับสุนัขฮาร์เก้นพันธุ์ทางของเธอที่ต้องเจอชะตากรรมถูกบีบบังคับโดยไม่ยินยอม เมื่อต้องทิ้งฮาร์เก้นไว้ข้างถนนเพียงเพราะความไม่พอใจของดาเนียล (Sándor Zsótér) พ่อของลิลี่ที่ต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูชั่วคราวทั้งคนและหมาไม่ไหวเนื่องจากการเลี้ยงหมาพันธุ์ทางตามกฎหมายจะต้องเสียค่าธรรมเนียมและลงทะเบียนจึงจะถูกต้องตามกฎหมาย ทว่าเรื่องของเรื่องไม่ใช่แค่ต้องเสียเงินเท่านั้นเพราะยังมีหลายปัจจัยเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสัตว์สี่ขาผู้ใสซื่อกับสัตว์สองขาผู้มีอคติจนท้ายที่สุดท้ายความสัมพันธ์ต้องแยกจากกัน เนื้อเรื่องอาจไม่ถึงกับแปลกอะไรแต่การเล่าเรื่องจัดว่าแปลกที่กล้าเอามุมมองที่มืดหม่นมาตีแผ่ได้อย่างหดหู่ใจทั้งคนและสัตว์ ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ได้ใช้กราฟฟิค CGI มาตกแต่งแต่อย่างใดในตอนท้ายเรื่องซึ่งทั้งหมดจำนวนที่รวมเข้าฉากมีทั้งหมด 274 ตัว อีกทั้งยังเป็นหมาเป็นพันธุ์ทางตามที่ผู้กำกับต้องการเอาไว้โดยต้องได้รับการฝึกไม่ต่ำกว่า 6 เดือนกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะรักหมาหรือไม่การรับชมเรื่องนี้จะบอกได้ทันทีว่าสัตว์สี่ขาไม่ได้มีค่าแค่ข้างถนนแต่เป็นเพื่อนในยามเหงา ซื่อสัตย์ อ่อนโยน และพร้อมจะทำตามเจ้านายที่แท้จริงโดยไม่มีวันลืม
การอาละวาดกลางเมืองบูดาเปสต์คือช่วงไคล์แม็กซ์ของเรื่องที่ตั้งใจเปิดมาด้วยเหตุการณ์หนูน้อยลิลี่ปั่นจักรยานท่ามกลางถนนที่ร้างด้วยผู้คนก่อนที่ไม่กี่นาทีต่อมาจะมีฝูงหมากลุ่มใหญ่วิ่งตามหลังมาอย่างบ้าคลั่ง การเปิดเรื่องทำได้น่าสนใจเพราะได้ตั้งความสงสัยหลายประการอย่างไม่รู้ว่าเพราะอะไรเมืองจึงร้างและมีฝูงหมาประหนึ่งได้ยึดครองเมืองยังไงอย่างงั้นก่อนจะตัดมาที่ลิลี่กับฮาร์เก้นที่เล่นกันอย่างสนุกสนานบนสนามหญ้าที่ไม่นานก็ถูกเรียกขึ้นรถเพื่อไปส่งที่โรงฆ่าสัตว์ไปหาพ่อของลิลี่รับช่วงเลี้ยงดูต่อเนื่องจากเอลซ่า (Lili Horváth) แม่ของลิลี่ต้องไปศึกษาเรียนต่อต่างประเทศ แม้จะเหมือนไม่มีอะไรแต่เนื้อแท้ความสัมพันธ์ของครอบครัวมีความบอบบางต่างคนต่างอาศัยอยู่และมีจุดยืนค่อนข้างแตกต่างในเรื่องอาชีพการงาน ทว่าความแตกต่างไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อลิลี่ที่จะเปลี่ยนมาอยู่กับพ่อในอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ จะยกเว้นกับฮาร์เก้นที่กลายเป็นตัวปัญหาในสายตาหลายคนเพียงเพราะเป็นสัตว์สี่ขาทั้งคนใกล้ตัวและคนที่ไม่น่าเกี่ยวข้องแต่ก็มีเอี่ยวเช่นครูสอนดนตรี (László Gálffi) จนเกิดเรื่องไม่น่าพอใจขึ้น เรื่องของเรื่องได้เริ่มมาตั้งแต่ลิลี่พาฮาร์เก้นมาอาศัยกับพ่อแล้วไปสะดุดตาป้าคนหนึ่งในอพาร์ทเม้นท์แล้วตักเตือนเรื่องหมาพันธุ์ทางให้ไปลงทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย อาจจะฟังเหมือนการตักเตือนตามปกติกระนั้นกลับเอาจริงเอาจังแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามีหมาพันธุ์ทางทำร้ายคนอยู่ในอพาร์ทเม้นท์นี้ซึ่งความจริงเป็นเรื่องโกหกเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามา การที่เจ้าหน้าที่เข้ามาถึงห้องไม่ได้หมายความว่าจะต้องจับแต่เป็นการชี้นำให้เห็นถึงความผิดกฎหมายเพราะมีหมาพันธุ์ทางไว้ในครอบครอง แน่นอนว่าคนที่ลำบากที่สุดไม่ใช่ลิลี่แต่เป็นพ่อของเธอเนื่องจากเป็นเรื่องลำบากหากต้องมาเสียภาษีเพราะหมาแถมจะยุ่งยากไปอีกหากมีคนรู้มากกว่านี้ ไม่ใช่แค่นั้นเมื่อลิลี่พาฮาร์เก้นไปโรงเรียนสอนดนตรีโดยเก็บฮาร์เก้นเอาไว้ในตู้แต่จนแล้วจนรอดก็ทำให้ทุกคนในห้องรู้รวมถึงครูที่สอนดนตรีกลายเป็นความลำบากและขายหน้ากับลิลี่เพราะจูงเข้ามาในห้องอย่างเปิดเผยก่อนที่จะเก็บเข้าตู้เพื่อหลบครู จากเสียงเห่าทำให้ลิลี่ต้องเจอปัญหาและเลือกจะโดดเรียนต่อหน้าครูโดยไม่ฟังว่าจะด่าอย่างไร หลังจากนั้นลิลี่ก็เริ่มไม่เหลือใครเพราะทุกคนต่างมองฮาร์เก้นเป็นส่วนเกินในขณะที่ลิลี่ยังมองเป็นเพื่อนยามเหงา
เพราะลิลี่ได้สร้างเรื่องเอาไว้ในห้องซ้อมดนตรีและยังเป็นความแตกต่างจากทุกคนทำให้ดาเนียลโกรธลิลี่ที่สร้างปัญหาเอาไว้มากมายจนทะเลาะกันระหว่างกลับบ้าน ซึ่งทุกประโยคที่ทะเลาะกันไม่ใช่โยงมาที่การทำของลิลี่แต่เป็นการเลี้ยงฮาร์เก้นเอาไว้ใกล้ตัว จนที่สุดของความอดทนทำให้ดาเนียลตัดสินทิ้งฮาร์เก้นไว้ข้างทางเพื่อเป็นการสั่งสอนลิลี่ให้รู้จักโต แต่อะไรเล่าคือการโตของเด็กน้อยลิลี่ที่ไม่ยินยอมในการกระทำของพ่อที่แม้จะฝืนใจใจอยู่บ้างที่ต้องมองลูกตัวเองเสียใจแต่ด้วยฐานะจะเลี้ยงหมาพันธุ์ทางโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้อย่างไร ประเด็นไม่ได้หยุดแค่เรื่องกฎระเบียบหรือฐานะอย่างเดียวเนื่องจากในเรื่องไม่มีมุมมองเกี่ยวกับหมาในทางที่ดีเลยสักนิดเดียวยกเว้นฉากเปิดเรื่องระหว่างลิลี่กับฮาร์เก้นที่เล่นอย่างสนุกสนานบนสนามหญ้า ไม่ว่าจะอคติหรือผลประโยชน์ก็ล้วนมองสัตว์สี่ขาชนิดนี้เป็นเครื่องมือประกอบกิจการเพียงอย่างเดียว สิ่งที่กระตุ้นให้เห็นเกี่ยวกับสัตว์สี่ขายกเว้นหมาที่เป็นตัวหลักของเรื่องเห็นจะเป็นวัวที่โผล่มาแค่ช่วงแรกพร้อมเผยอาชีพของดาเนียลกับการตรวจสอบเนื้อวัวด้วยกระบวนการชำแหละตั้งแต่หัน ควัก ตลอดจนลอกผิวหนังออกด้วยเครื่องดึงอย่างช้าๆเพื่อแยกเอาเนื้อเพียงอย่างเดียว ฉากนี้เหมือนจะเป็นเรื่องปกติถ้าไม่ตระหงิดใจตรงที่มีคนจูงวัวผ่านหน้าอาคารชำแหละเนื้อในเวลาต่อมาหลังจากลิลี่ได้พบกับพ่อของตัวเอง การจูงวัวไปสถานที่ที่แห่งนั้นมีความหมายเดียวคือการถูกแปรรูปเป็นเนื้อที่ถูกห้อยแขวนในตู้แช่ แม้จะเป็นสัตว์สี่ขาเหมือนกันทั้งวัวและหมาแต่จุดต่างคือชนิดแรกนิยมกินกันและเป็นเรื่องปกติหากจะกินเนื้อวัว ในขณะที่หมาถูกมองเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์จะโยนจะทิ้งเมื่อไรก็ย่อมได้ ความอึดอัดของดาเนียลมาจากตัวลิลี่นำหมามาด้วยซึ่งตอนแรกไม่พอใจอยู่แล้วที่ต้องเอาเข้าห้องและมีอคติถึงข้อแตกต่างระหว่างหมาคือสัตว์ส่วนคนไม่ใช่สัตว์ อะไรคือสัตว์คือคน ความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ที่ยึดครองโลกใช้สิ่งของที่ทันสมัยกับภาษาที่รู้เรื่อง เวลากินข้าวก็แบ่งให้ฮาร์เก้น เวลานอนก็นอนกับฮาร์เก้น ทว่าดาเนียลมองเป็นเรื่องแปลกและผิดรูปแบบจึงไม่อาจยอมรับได้ ทั้งสองกรณีที่หนังได้เล่าเรื่องมาถ้ามองเป็นมากกว่าสัตว์ก็คือคนแต่คนจะมองสัตว์เป็นคนไม่ได้ ฉะนั้นลิลี่จึงมองเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเพราะอย่างน้อยก็ช่วยแก้เหงาและได้บำบัดจิตใจไปในตัวแม้จะปฏิบัติไม่ต่างกับคนก็ตาม
พาร์ทแรกคือเรื่องราวของความแตกแยกระหว่างลิลี่กับฮาร์เก้นที่ถูกแยกจากกันด้วยความแตกต่างที่ไม่เสมอภาคอย่างสมบูรณ์และไม่มีใครสนเรื่องจะตามมาภายหลังว่าจะส่งกระทบเช่นไร แต่เรื่องนั้นไม่ได้เกิดขึ้นทันทีเพราะทั้งลิลี่และฮาร์เก้นต้องเผชิญโลกด้วยตัวเองด้วยความเปล่าเปลี่ยวใจอันแสนโหดร้าย หลังจากได้เล่าในส่วนชีวิตคู่จนถึงคราวแตกแยกก็กลายเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างลิลี่ที่พยายามตามหาฮาร์เก้นที่ถูกปล่อยทิ้งข้างถนนอย่างไม่คาดฝันกับฮาร์เก้นที่พยายามเอาชีวิตรอดในสภาพที่ไร้เจ้าของ การเล่าเรื่องสลับมาทั้งสองฝั่งทำให้เห็นมุมมองหนึ่งที่เหมือนกันคือการเข้าโลกแห่งความจริงด้วยตัวเองแต่จะโหดร้ายหรือดีแค่ไหนก็ขึ้นกับสังคมที่ตัวเองได้รับ หลังจากที่ฮาร์เก้นถูกปล่อยร้างให้เปลี่ยวดายข้างถนนอยู่นั้นก็ใช่จะยอมอยู่เฉยๆแต่เลือกจะหาทางกลับบ้าน
การกลับบ้านอาจเหมือนไม่ยากแต่กับฮาร์เก้นที่เลี้ยงดูสนิทนมกับลิลี่ดูจะเป็นปัญหาเรื่องเส้นทางที่มิอาจฝ่าไปได้ ยิ่งการข้ามถนนกลายเป็นเรื่องลำบากเพราะรถไม่หยุดวิ่งและฮาร์เก้นพยายามข้ามก็มิอาจสำเร็จลงได้จึงไม่ต่างเรื่องราวระหว่างสองโลกที่แบ่งเรื่องราวลิลี่กับฮาร์เก้นที่โดนแบ่งจากกัน กระนั้นด้วยความพยายามทำให้ฮารเก้นต้องผจญโลกที่มากขึ้นและหิวโหยจนไปพบกับกลุ่มหมาจรจัดที่เดินเข้าหลังร้านก่อนจะนำพาความวุ่นวายแก่พ่อค้าที่โมโหเพราะถูกแย่งอาหารไป แน่นอนว่าฮาร์เก้นก็เป็นหนึ่งในความวุ่นวายนั้นแต่เป็นลูกหลงเสียมากกว่า เรื่องราววุ่นวายได้จบลงที่พ่อค้าไล่หมาออกจากร้าน ทว่าท่าทีการไล่ดูไม่เหมือนไล่เนื่องจากไม่ได้มองหมาเป็นสิ่งรบกวนที่ปัดหรือตะโกนก็ออกไป ทว่านกลายเป็นการฆ่าที่ไม่ใช่การไล่แต่เป็นการใช้กำลังที่พร้อมลงมีดจบชีวิตอย่างไร้เยื่อใย กระนั้นจนที่สุดฮาร์เก้นก็รอดและได้พบกับแหล่งหมาจรจัดที่อยู่กันนับสิบตัวที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีวันย้อนกลับได้อีก
เรื่องราวของฮาร์เก้นมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงที่สุดจากสัตว์เลี้ยงกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ตอนที่ถูกเพาะบ่มการเลี้ยงดูเพื่อสู้มากกว่ารัก อีกด้านหนึ่งไม่ต่างอะไรกันเลยกับลิลี่หลังจากสูญเสียฮาร์เก้นไปแม้จะพยายามกลับมาที่เดิมก็สายไปเสียแล้วและพยายามติดใบประกาศหวังจะมีใครพบเจอแต่ก็ไร้วี่แวว สภาพจิตใจของลิลี่รู้สึกเปลี่ยวเหงาไม่มีเพื่อนเล่นคอยสร้างรอยยิ้มแก่เธอ นั้นทำให้ลิลี่ต้องหาในส่วนที่ขาดนี้โดยปราศจากฮาร์เก้นแม้จะไม่รู้เรื่องตามประสาเด็กก็ตาม สิ่งนั้นทำให้ลิลี่อยากก้าวข้ามวัยเด็กเป็นเด็กวัยรุ่นอย่างคนเสียทีเผื่ออย่างน้อยจะได้มีความรักความสนุกในแบบที่ไม่ต้องเสียใจ การกระทำของลิลี่ไม่ต่างกับคนที่ประชดประชันต่อต้านพ่อที่ทำให้เธอเสียใจและไร้ฮาร์เก้น ดังนั้นเมื่อไม่อาจตามหาฮาร์เก้นพบก็ได้แค่รออย่างไร้ความหมายกับชีวิตที่จำเจแสนน่าเบื่อ ทว่าลิลี่ก็เริ่มสนใจหมู่เพื่อนในสังคมที่ช่วยให้เธอมีอิสระมากขึ้นและทุเลาจากความเจ็บปวดเมื่อครั้งไม่มีฮาร์เก้น ลิลี่เข้ากับกลุ่มเพื่อนที่อายุมากกว่าและอยากลองหลายๆอย่าง เช่น การสูบบุหรี่ เที่ยวคลับ แม้แต่ความรัก แน่นอนว่าลิลี่ยังคงเป็นแค่เด็กที่อายุไม่บรรลุนิติภาวะจึงไม่อาจได้ในสิ่งที่อยากลองทุกข้อแต่ที่แน่ๆคือการเที่ยวกลางคืนในคลับปาร์ตี้อย่างสนุกสนานภายใต้แสงสีเสียง การปลดปล่อยอารมณ์ในห้วงความเหงานี่เองทำให้ลิลี่ได้พบความจริงหลายอย่างทั้งการแอบชอบใครบางคนแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะอายุน้อยกว่าและยังถูกมองเป็นเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ความเมาจากการดื่มเหล้า การระบายอารมณ์ด้วยงานปาร์ตี้ ไม่ได้ช่วยอะไรลิลี่นอกจากทำให้ทุกอย่างช้าลงก่อนจะสลบไปและตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงเพราะตำรวจ แน่นอนว่าลิลี่ถูกจับคุมประพฤติเพราะมีสารเสพติดที่เพื่อนฝากเอาไว้ แต่โชคดีที่พกเอาไว้เฉยๆก่อนจะกลับบ้านกับพ่อในสภาพที่ทนลูกตัวเองไม่ได้และคิดว่าคงเป็นความผิดตัวเองที่ทำให้ลูกมีชีวิตที่เละเทะเพียงเพราะหมาตัวเดียว ฉะนั้นแล้วดาเนียลจึงให้ลิลี่ไปพาฮาร์เก้นกลับมาจากสถานพักพิงสัตว์ที่ซึ่งหมาจรจัดจะถูกจับตัวเอาไว้ที่นั้น แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะลิลี่เคยไปที่นั้นมาก่อนและรู้ว่าไม่มีฮาร์เก้นจึงตัดใจคิดว่าคงไปที่อื่นไกลแล้ว
หลังจากลิลี่ได้เจอพ่อที่เข้าใจมากขึ้นก็รู้สึกผิดกับตัวเองที่หลงระเริงมากเกินไปและเลือกตัดใจจากฮาร์เก้นหันมาจริงจังกับชีวิตเป็นนักดนตรี ชีวิตของลิลี่เสมือนเด็กคนหนึ่งในสังคมที่ขาดการดูแลเอาใจใส่จนไม่อาจพึ่งพิงใครได้และหาหนทางต่างๆนาๆเพื่อระบายความเหงานั้น แต่ท้ายที่สุดลิลี่ก็เริ่มสำนึกในความผิดของตัวเองและหันหน้าสู้กับชีวิตที่ไร้ฮาร์เก้น ในมุมมองของเด็กน้อยลิลี่วัยสิบสามได้แสดงให้ถึงสังคมที่ไร้ความเอาใจใส่ไร้ระเบียบกับเด็กจนเมื่อโตขึ้นเป็นวัยรุ่นจึงไม่สนเรื่องของคนอื่นนอกจากเรื่องของตัวเองและสนแค่การเที่ยวปาร์ตี้รักสนุกไปวันๆ อาจจะดูเป็นการเสียดสีสังคมอยู่บ้างเพราะบางประเด็นเสริมให้ลิลี่คือผู้ถูกกระทำจากคนรอบข้างและหมดทางเลือกเพราะไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ ทำนองเดียวกับฮาร์เก้นหลังจากต้องโดนทิ้งและไปอาศัยอยู่กับหมาจรจัดตัวอื่นๆก็ต้องเจอปัญหาใกล้ตัว นั้นคือเจ้าหน้าที่ที่คอยตามเก็บหมาจรจัดตามทางหรือตามสิ่งก่อสร้างร้างเพื่อความสงบของคนในระแวกนั้น การทำงานของเจ้าหน้าที่อาจจะดูรุนแรงไปบ้างตอนไล่จับแต่ก็ไม่หนักหนาถึงขั้นบาดเจ็บอะไรเพราะสุดท้ายเป็นเพียงจับใส่กรงเพื่อส่งต่อไปศูนย์พักพิงสัตว์ที่เต็มไปด้วยหมาไร้เจ้าของโดยส่วนหนึ่งจะนำมาขายต่ออีกทีสำหรับหมาที่ไม่ดุร้าย แน่นอนกับฮาร์เก้นเป็นตัวเลือกหนึ่งในนั้นแต่ทว่าฮาร์เก้นที่เคยรักสงบไม่เคยมองมนุษย์เป็นศัตรูกลับกลายเป็นความดุร้ายที่ไม่อาจนำมาขายต่อให้คนที่ต้องการได้ ไม่ใช่เพราะยังคิดถึงลิลี่ที่เป็นเจ้านายแต่เพราะฮาร์เก้นไม่ใช่ฮาร์เก้นตัวเดิมอีกต่อไปเนื่องจากถูกเพาะบ่มความชั่วร้าย ก่อนที่ฮาร์เก้นถูกจับก็เคยหนีเจ้าหน้าที่รอดมาแล้วครั้งหนึ่งเพราะมีคนช่วยเอาไว้ การช่วยเหลือหมาที่ถูกเจ้าหน้าที่ไล่กวดอาจเป็นการแสดงมิตรภาพระหว่างกันเพราะไม่อยากให้มีอิสระไม่ใช่แค่กับในกรง ทว่าฉากที่เหมือนจะเป็นช่วงที่ดีและมีความสุขกลับกลายเป็นความเศร้าที่เหนือความคาดหมายเพราะการช่วยหมาไม่ใช่แค่ให้ปลอดภัยแต่หมายถึงให้รอดจากเงื้อมมือเจ้าหน้าที่เพื่อตัวเองจะได้เก็บเอาไว้เสียเอง เหมือนจะโหดร้ายเมื่อฮาร์เก้นถูกชายจรจัดจับเอาไว้แต่จะหนักกว่านี้ถ้ารู้ว่าถูกส่งต่อให้กับอีกคนที่ขายหมาด้วยธุรกิจใต้ดิน หลังจากฮาร์เก้นถูกขายให้ในราคาถูกด้วยการโกงราคาก็ถูกล่ามโซ่กับเสาที่ไม่ใช่มีแค่ตัวเดียวแต่ยังอีกหลายๆตัวที่รอการปลดปล่อย จนกระทั่งวันปลดโซ่ให้ฮาร์เก้นก็คือการขายต่อด้วยราคาสูงโดยไม่มีใครรู้หรือเห็น ฮาร์เก้นจึงไม่ต่างกับทาสที่ถูกซื้อขายอย่างง่ายดายขอแค่ใครมีเงินก็เอาของไป ถึงในตอนนี้ฮาร์เก้นยังคงเป็นฮาร์เก้นตัวเดิมจนเมื่อได้รับการซื้อเพื่อใช้ต่อสู้
กฎหมายที่ห้ามเลี้ยงหมาพันธุ์ทางอาจจะยังดูเบาเมื่อรู้ว่ายังมีเรื่องที่โหดร้ายยิ่งกว่าด้วยการฝึกให้ฆ่า การรับเลี้ยงหมาสักตัวอาจคือหนทางกลับสู่สัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของดูแล แต่หลังจากฮาร์เก้นถูกซื้อขายส่งต่อจนถึงรายสุดท้ายก็กลายเป็นว่าแทนที่จะส่งเสริมความรักต้องกลายเป็นความชังแสนบ้าคลั่งเกินเยียวยาเพราะถูกลงโทษทุกวันราวกับนักโทษที่ถูกตรึงกับที่ไม่อาจหนีไปไหนและต้องถูกโบยให้บอกความจริง แต่จุดประสงค์นี้ไม่ใช่ให้ฮาร์เก้นบอกความจริงนอกจากให้เผยธาตุแท้ของสัตว์เดรัจฉานด้วยตัวตนที่ดุร้ายของจริง นับวันผ่านไปฮาร์เก้นจึงเริ่มถูกฝึกให้หัดใช้การกัด การกระโดด และที่ดุร้ายกว่านั้นคือฝึกให้ก้าวร้าวต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ในมุมมองของฮาร์เก้นไม่ต่างกับสัตว์ชนิดหนึ่งที่ถูกคุกคามและต้องป้องกันตัว ฉะนั้นความดุร้ายที่ไม่เคยมีเพราะไม่เคยถูกทำร้ายก็ถูกฝึกให้มีจากการถูกทำร้าย การฝึกของฮาร์เก้นเต็มไปด้วยความหดหู่ใจที่ได้รับการฝึกให้ดุร้ายเกินกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดาจนสามารถล่าเหยื่อได้ ส่วนจะฝึกให้แข็งแรงและดุร้ายไปเพื่ออะไรนั้นก็ไม่ต่างกับมวยต้องต่อสู้เพื่อคว้ารางวัลไว้ในครอบครอง แต่ฮาร์เก้นไม่ได้มีความปรารถนารางวัลอะไรนอกจากผู้ฝึกฮาร์เก้นที่ใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินให้หมาสู้กัน และวันนั้นมาถึงผลที่ออกคือฮาร์เก้นยังมีลมหายใจอยู่รอดและคว้าชัยชนะครั้งแรกมาได้ แม้จะมีคนที่ดีใจกับฮาร์เก้นแต่ไม่ใช่ฮาร์เก้นจะรู้สึกเบิกบานที่ตัวเองชนะ สมมติให้ง่ายถ้ามองฮาร์เก้นคือคนที่ถูกเลี้ยงดูให้แข็งกร้าวเพื่อใช้ต่อสู้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยสู้มาก่อนและไม่เคยมองในแง่ร้ายจนเมื่อได้ทำในสิ่งที่ขัดกับตัวเองจะรู้สึกสำนึกผิดในใจ หลังจากฮาร์เก้นถูกใช้ให้ต่อสู้จนชนะมาได้ต้องรู้สึกแปลกใจและตั้งคำถามว่าตัวเองสู้ไปอะไรและทำแบบนี้กับพวกเดียวกันได้อย่างไร การชนะไม่ใช่การล้มคู่ต่อสู้แต่เป็นการฆ่าให้ไร้เรี่ยวแรง ชัยชนะที่สร้างความบันเทิงแก่ผู้ชมและมอบรางวัลแก่ผู้ชนะที่เป็นเจ้าของ แล้วหมาล่ะได้อะไรกลับคืนมานอกจากรอยแผลกับศักดิ์ศรีที่หมดไป นั้นเองที่ทำให้ฮาร์เก้นสำนึกผิดและตระหนักเกี่ยวกับมนุษย์ได้ว่าเป็นศัตรู
White God มีการเสียดสีสังคมเอาไว้หลายรูปตั้งแต่การใช้ชีวิตด้วยตัวเองหรือกับสัตว์ไม่เว้นแม้แต่การเล่าเรื่องของหมาอย่างน่าหดหู่ในโลกที่มนุษย์เห็นแก่ตัว กับลิลี่อาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะมีคนปลอบโยนทว่ากับฮาร์เก้นที่เจ็บปวดทั้งกายและใจต้องช้ำกว่าใครๆเพราะอาจได้รับรักจากใครเลยแม้แต่กับศูนย์พักพิงสัตว์ที่กลายเป็นความหลอกลวงมอบความตายให้อย่างอยุติธรรม หลังจากที่ฮาร์เก้นถูกบังคับให้สู้เพื่อปลดปล่อยสัญชาตญาณออกมาก็ได้หลบหนีวิ่งไปไกลจนถึงสถานที่คุ้นเคยซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ฮาร์เก้นมาเจอหมาจรจัดที่นี้และแห่งนี้เองที่ทำให้ฮาร์เก้นได้เพื่อนเป็นหมาตัวเล็กที่เคยช่วยชีวิตให้รอดจากพ่อค้าที่เกือบจะใช้มีดอีโต้สับ กาารกลับมาของฮาร์เก้นเหมือนจะราบรื่นเพราะได้หลุดพ้นจากการถูกทรมานแต่เรื่องโชคร้ายยังไม่หมดเพราะหนนี้ถูกเจ้าหน้าที่จับตัวได้สำเร็จและนั้นทำให้ฮาร์เก้นมีมุมมองเกี่ยวกับมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าชิงชัง
ศูนย์พักพิงสัตว์อาจคือสถานที่ที่ดีเพราะกักเก็บหมาจรจัดเอาไว้ไม่ให้ออกไปรบกวน แต่อีกนัยยะหนึ่งคือคุกที่กักเก็บนักโทษเอาไว้มากมายและตัวไหนก็ตามที่ดุร้ายเกินควบคุมจะมีโทษถึงขั้นประหารชีวิตและอาจรวมถึงการล้นจำนวนที่ต้องหาพื้นที่ว่างด้วยการดำจัดของเก่าเพื่อทดแทนของใหม่ ในจังหวะที่ฮาร์เก้นถูกจับอาจคือช่วงเวลาที่ได้พบกับความปลอดภัยจนเมื่อเผอิญไปมองเห็นหมาตัวหนึ่งนอนบนเตียงที่ถูกเข็มแทงก่อนภายหลังจากค่อยสิ้นลมอย่างช้าๆ จุดนี้เองที่ทำให้ด้านลบเริ่มทวีคูณมากยิ่งขึ้นจนไม่อาจคิดได้ว่าจะมีที่ปลอดภัยและมองมนุษย์เป็นภัยอันดับหนึ่ง และฉากหลังจากนี้จึงไม่ต่างการประท้วงของกลุ่มหมาเมื่อฮาร์เก้นปลอดล็อคกรงที่ขังหมาไว้นับร้อยจนต้องทะลักออกมาข้างนอกวิ่งเข้าตัวเมือง ไม่กี่วินาทีต่อมาก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความรุนแรง และความหวาดกลัวจากสัตว์สี่ขาเหล่านี้ จากเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนต้องถูกหมายึดครองอย่างรวเร็วจนถึงขั้นประกาศเคอร์ฟิวเพื่อเตรียมกวาดล้างกลุ่มหมาเหล่านี้ น่าแปลกที่ความวุ่นวายในครั้งนี้กับชื่นชอบฝ่ายฮาร์เก้นที่ออกมาประท้วงปฏิวัติเพราะไม่ใช่แค่แสดงสิทธิ์เสรีภาพเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการเอาคืนกับคนที่เคยทำร้ายฮาร์เก้น แม้จะดูเป็นเรื่องโหดร้ายที่จะมีหมาออกมาฆ่าคนอย่างน่าสยดสยองเกินจะบอกถึงความน่ารักได้เต็มปากแต่ถ้าสังเกตแต่ละเหยื่อที่โดนกลุ่มหมานี้โจมตีจะพบว่าคนเหล่านี้ล้วนมีอคติในด้านลบทั้งสิ้นแม้โดยรวมเอาเข้าจริงอาจมีคนดีเป็นเหยื่อก็ได้ ดังนั้นตัวหนังจึงไม่เล่าในส่วนนั้นและตั้งใจให้เห็นแค่คนที่เกลียดหมา ทำร้ายหมา หรือกระทั่งมองเป็นทาสมากกว่าสัตว์เลี้ยง นับเป็นความตั้งใจให้เห็นว่าหมาก็ตอบโต้ทำสงครามได้เหมือนกันและเลือกจู่โจมไม่ใช่กับทุกคนที่ต้องถูกทำร้าย เมื่อกลุ่มออกอาละวาดทำให้ลิลี่นึกถึงเพื่อนรักตัวเดิมเพราะคิดว่าต้องอยู่ในนั้นด้วยแน่ๆ แต่ฮาร์เก้นไม่ใช่ฮาร์เก้นตัวเดิมต่อไปแล้วเพราะไม่อาจมองมนุษย์คือเพื่อนรักอีกต่อไปเพราะชีวิตโลกภายนอกได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ว่าจะแห่งหนใดต้นตอก็ล้วนมาจากฝีมือมนุษย์เพราะความเห็นแก่ตัว
การไล่ล่าของฮาร์เก้นกับการตามหาของลิลี่ไม่ใช่อุปสรรคเมื่อครั้งต้องแยกกันครั้งใหม่ๆที่ยากจะมาพบกันได้ แต่ครั้งนี้ทั้งลิลี่กับฮาร์เก้นกลับหากันได้ไม่ยากและอยากวิ่งไปสวมกอด ทว่าลิลี่ที่ยังเป็นคนเดิมไม่ลืมฮาร์เก้นเป็นหมาตัวโปรดต้องคิดผิดเมื่อฮาร์เก้นไม่อาจจำได้ว่าลิลี่คือเจ้านายของตัวเองซ้ำยังคิดอคติด้วยว่าการถูกทิ้งเป็นเพราะลิลี่ แล้วลิลี่จะทำยังไงกับฮาร์เก้นกับกลุ่มหมานับร้อยที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตพร้อมจะวิ่งเข้าใส่อย่างไม่เกรงกลัวตรงหน้า จะทำยังไงให้ความรักกลับมาเป็นเหมือนเดิมและยุติเรื่องร้ายๆให้หมดลง ลิลี่จะใช้วิธีไหนให้ฮาร์เก้นกลับมาเป็นฮาร์เก้นตัวเก่า คำตอบนี้ไม่ขอบอกแต่อยากให้พิจารณาหาเอาในตัวหนังที่เต็มไปด้วยนัยยะ การเสียดสี รวมถึงการตระหนักความเป็นคนแม้จะเป็นถึงสัตว์ประเสริฐสูงส่งเพียงใดสุดท้ายก็ไม่อาจบังคับได้ทุกอย่าง อย่างที่แม่ของลิลี่ได้บอกกับดาเนียลว่าฮาร์เก้นเองก็มีชีวิตยังมีสิทธิ์มีเสียงของเขา นั้นหมายความว่าต่อให้เกิดมาต่างไม่ได้ความหมายความว่าจิตใจจะต่างไปด้วย อีกทั้งต่างก็มีคุณค่าทางชีวิตไม่แตกต่างกันเลยต่อให้จะเป็นได้หมาข้างถนนก็ยังรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป แล้วกับคนเราๆจะรู้กันบ้างหรือเปล่าว่าตัวเองทำในเรื่องที่สมควรทำอยู่จริงๆรึหรือเป็นข้ออ้างให้ตัวเองดูดีโดยทิ้งคนอื่นไว้ข้างหลัง สำหรับ White God นับเป็นหนังที่เต็มไปด้วยสาระทางความจริงที่เสียดสีสังคมได้อย่างไม่ปิดบังให้เห็นถึงความโหดร้ายความทารุณต่อสัตว์อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ที่น่านับถือคือบทไม่ได้เล่าในส่วนของชีวิตคนกับหมาแต่ยังแยกประเด็นระหว่างคนกับหมาอย่างลงตัวก่อนจะมาสรุปในไคล์แม็กซ์ของเรื่อง ที่น่าจดจำคือฉากฮาร์เก้นพาเหล่าเพื่อนๆออกจากกรงก่อนจะพาออกจากศูนย์พักพิงสัตว์ที่กระโจนใส่หัวกน้าคนดูแลจนรู้สุกสะใจในใจ ก่อนที่เวลาต่อมาจะมีฝูงหมาวิ่งตามเมืองไปทั่วทุกแห่งหนแสดงถึงความวุ่นวายความบ้าคลั่งได้อย่างมีพลังผิดกับช่วงกลางเรื่องที่น่าหดหู่ทรมานใจเสมือนฮาร์เก้นกลับมาผงาดอีกครั้ง