A Hard Day (2014)
แผนล่าคนลวง
Director: Seong-hoon Kim
Genres: Action | Crime | Thriller
Grade: A-
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"
เรื่องความซวยไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว จะเป็นวันนี้หรือเวลาไหนก็ได้ อย่างเช่นช่วงแรกของเรื่องนี้ที่ให้ความซวยมาเต็มที่จนถูกจริตคนชอบดูความซวยของคนอื่นเป็นเรื่องตลกได้อย่างสนุกสนาน เรื่องของเรื่องเริ่มขึ้นในคืนของกอนซู (Sun-kyun Lee) ในพิธีจัดงานศพแม่ของตัวเอง แต่ระหว่างงานในพิธีเกิดเพื่อนที่เป็นตำรวจด้วยกันโทรหาอย่างเร่งด่วนเพราะถูกสอบสวนเรื่องติดสินบนที่ถูกพบเก็บไว้ที่โต๊ะของเขาที่สำนักงาน ดังนั้นกอนซูจึงต้องรีบขับรถออกไปเคลียร์ปัญหาของตัวเองก่อนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทว่าระหว่างขับรถอย่างเร่งด่วนก็ดันไปขับชนใครบางคนเข้าอย่างไม่ทันระวัง ด้วยความไม่รู้จะทำยังไงจึงซ่อนศพเอาไว้ที่หลังรถของตัวเองเสียก่อนจะจัดการศพนั้นอีกที แต่แล้วศพเจ้าปัญหานั้นได้ก่อปัญหาขึ้นเพราะกลายเป็นบุคคลในประกาศจับที่กำลังจะไปจับพอดี แค่นั้นยังไม่หมดเมื่อมีสายเข้าปริศนาถึงกองซูที่พูดถึงศพนั้นเหมือนรู้เห็นยังไงอย่างงั้นและเจาะจงแค่เขาอีกด้วย เรื่องจะยังไงนั้นบอกได้คำว่านี่คือเรื่องราวของตำรวจที่ซวยสมกับชื่อเรื่องที่กลายเป็นวันที่ลำบากยากเข็ญไม่ต้องพักไม่ต้องนอนกันแล้ว
A Hard Day กลายเป็นชื่อหนังที่เข้ากับพล็อตความบังเอิญของพระเอกที่นำความซวยมาเยือนแบบไม่ทันเล่าเรื่องเท่าไรก็โคมปัญหาจนแทบตั้งตัวไม่ทัน ปัญหาแรกของกอนซูหรือเรียกสั้นๆว่านักสืบโคก็นับว่าหนักหนาใจอยู่แล้วที่ต้องมาเสียแม่ แต่การเสียแม่ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่หากต้องเสียงานไป ดังนั้นช่วงแรกของเรื่องจะเป็นการแสดงให้เห็นความใจร้อนเพื่อจะไปแก้ปัญหา แต่เพราะใจร้อนมาเกินไปทำให้ขับรถชนคนตายกลายเป็นปัญหาที่ทวีเพิ่มเข้ามาอย่างน่าปวดหัว แน่นอนว่าในฐานะตำรวจชนคนตายย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยให้ใครรู้ได้เพราะทำให้เสียงานเสียประวัติ ในทางกลับกันจะปล่อยศพทิ้งไว้กลางถนนก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องแบกศพใส่รถมาด้วย ส่วนปัญหาที่จะคลี่คลายในตอนแรกกลายเป็นปัญหารองลงมาเนื่องจากได้ผู้ใหญ่ช่วยเอาไว้ ฉะนั้นปัญหาเดียวคือทำยังไงกับศพที่ติดมาด้วย ซึ่งวิธีจัดการกับศพดังกล่าวกลายเป็นอะไรที่ได้ความบันเทิงสูงมาก โดยเฉพาะการลุ้นในความสำเร็จที่จะทำได้หรือไม่ เนื่องจากกอนซูใช้ประโยชน์จากงานศพแม่มาอำพรางศพที่ตัวเองขับรถชน นับเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายอย่างมากในฉากนี้
ฉากอำพรางศพนับเป็นความแปลกที่สามารถวางแผนได้อย่างแยบยลด้วยตัวคนเดียวจนบางทียังเสียวให้กับความเป็นไปได้ของแผนที่จะผิดพลาด ซึ่งความพิสดารของแผนคือการนำศพไปใส่ในโลงศพแม่ของตัวเองโดยไม่ให้ใครรู้ใครเห็นสักคนเดียว นับเป็นแผนที่เหนือกว่าที่คิดเอาไว้พอสมควรเลยทีเดียว แต่กว่าจะบรรลุให้แผนสำเร็จนี่แหละคือความอรรถรสที่ลุ้นแล้วลุ้นอีกจนรู้สึกว่ามันจะซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรได้ขนาดนี้ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก็ดันมีปัญหาให้กวนใจเข้ามาอีกเพราะศพเจ้าทุกข์คือคนร้ายที่กำลังตามจับและได้เบาะแสที่อยู่อีกด้วย ประเด็นคือจะจับได้อย่างไรในเมื่อเจ้าตัวไปนอนในโลงแล้วเรียบร้อย คนอื่นอาจจะไม่รู้นอกจากกอนซู ทว่าประเด็นได้เกิดขึ้นหลังจากรับสายโทรศัพท์ที่แจ้งว่าเห็นคนร้ายในประกาศจับรายนั้น คำถามคือจะเห็นได้ยังไงในเมื่อฝังโลงลงดินไปแล้ว แน่นอนว่าคนที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นชางมิน (Jin-woong Jo) หรือถ้าพูดถึงตำแหน่งคือคนที่อยู่เหนือกว่ากอนซูนั้นเอง
การตามหาเจ้าของเสียงปริศนาที่เหมือนโทรมาก่อกวนกอนซูในสายตาคนอื่น ทว่าในใจของกอนซูคืออีกปัญหาที่ทำท่ารู้รายละเอียดในสิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอนว่ากอนซูพยายามตามล่าตัวให้เจอแต่ไม่อาจไล่ตามได้ทัน กระนั้นกลายเป็นว่าคนที่ตามล่าเลือกจะมาโผล่ต่อหน้าเสียเองแถมยังบอกด้วยว่าตัวเองเหนือกว่าเห็นๆ ที่เหนือกว่าไม่ใช่แค่บอกว่าตัวจริงคือใครแต่ยังรวมถึงเป็นคนที่คุมสถานการณ์ได้ดีกว่า ถ้าคิดว่าช่วงแรกคือความเหนื่อยมากพอแล้วยังนับว่าน้อยไปเมื่อปัญหาได้ใหญ่ขึ้นจนเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของชีวิต ชางมินไม่ใช่ใครแต่เป็นตำรวจเช่นเดียวกับกอนซูที่มีตำแหน่งและอิทธิพลสูงกว่า ที่ว่าสูงกว่าในที่นี้คืออิทธิพลที่เกินกว่างานของตำรวจดีเพราะเป็นคนวางแผนคุมกิจการยาให้กับแก๊งยากูซ่า อีกทั้งยังเป็นคนที่จัดการปัญหาเงินติดสินบนให้อีกด้วย ทว่าความดีความชอบในวงการตำรวจเลวดูจะไปกันคนละทิศทางเพราะสิ่งที่ชางมินต้องการคือศพที่ยิ่งได้เร็วเท่าไรยิ่งดี ประเด็นคือศพมีความหมายอย่างไรกับชางมิน แล้วกอนซูจะทำอย่างไงต่อไปให้ตัวเองรอดจากปัญหาหรือความซวยนี้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เนื้อเรื่องซ้ำๆกลายเป็นความสนุกขึ้นมาทันที
ค่อนข้างผิดถนัดในการเล่าเรื่องอย่างรวดเร็วชนิดไม่พักหายใจกันบ้างเลย ปัญหาหนึ่งนำไปสู่อีกปัญหาหนึ่งกลายเป็นทอดๆวนเป็นวัฏจักรของเบื้องลึกวงการตำรวจ น่าเสียดายที่การวางประเด็นตำรวจดีตำรวจเลวไม่ได้ถูกนำมาแฉกันให้สุดเพราะใช้เป็นส่วนประกอบของมิติตัวละครเท่านั้น แต่นั้นแหละที่ทำให้ตำรวจในเรื่องนี้มีสภาพไม่ต่างกับผู้ร้ายที่แม้จะยึดอาชีพคุณธรรมความดีมากแค่ไหนยังต้องทบทวนใหม่ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตำรวจในเรื่องนี้ที่มีสภาพเดี๋ยวเทาเดี๋ยวดำ การจะหาตำรวจที่ขาวใสสะอาดคงไม่พ้นตำรวจชั้นล่างที่ทำหน้าที่ฝ่ายจราจรหรือระดับงานไม่ใหญ่โต
สิ่งที่เรื่องนี้แสดงให้เห็นคือการเสียดสีตำรวจด้วยกันเอง เช่น ฉากกอนซูขอผ่านด่านด้วยการพูดถึงตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองข่มขวัญว่าอยู่เหนือกว่าเพราะกังวลศพที่อยู่ท้ายกระโปร่งรถยนต์จึงการไม่ขอตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์จะได้ผ่านไปเลย ทว่าความใสซื่อของตำรวจจราจรไม่สนใจและยืนยันให้วัดระดับแอลกอฮอล์ การไม่ยอมใครทำให้เกิดเป็นช่วงเวลาการหาเรื่องของกอนซูที่พยายามเอาชนะตำรวจฝ่ายจราจรที่นอกจากจะยกข่มไม่สำเร็จแล้วยังเกือบถูกจับผิดสังเกตเรื่องรถที่มีรอยกระจกพร้อมกับหน้ารถที่พังเป็นบางส่วน แต่สุดท้ายก็รอดด้านจราจรเพราะยืนยันตำแหน่งของตัวเองได้สำเร็จ
แม้บทจะเขียนให้กอนซูซวยมาตลอด แต่เรื่องจัดการปัญหานับเป็นเรื่องอัจฉริยะอย่างหนึ่งที่สามารถพลิกความวุ่นวายเหล่านั้นให้จบลงได้ด้วยตัวเอง ซึ่งทั้งเรื่องจะมีหลักๆแค่กอนซูกับชางมินที่เข้าห้ำหั่นกัน น่าเสียดายที่อารมณ์กดดันที่ให้ไว้ในองค์แรกกับองค์สองถูกทำให้บางลงในช่วงสุดท้ายของเรื่องที่เหมือนจะจบลงอย่างง่ายดาย แม้จะดูเหมือนง่ายแต่กว่าจะมาถึงไคล์แม็กซ์ต้องเห็นความลำบากกัดฟันสู้ของกอนซูที่เหนื่อยลุ้นแทบแย่ ทั้งนี้ตอนจบของเรื่องดูจะเหมือนง่ายไปบ้างที่ทุกอย่างจะเข้าความบังเอิญและจงใจแบบไม่หักมุมสักเท่าไรนัก และถึงอย่างงั้นตอนจบจริงๆของเรื่องนี้ที่เหมือนจะสบายได้ปลดระวางทุกข์จากที่ผ่านมาก็ใช่จะจบจริงซะเมื่อไร การสร้างสถานการณ์ชวนอึ้งทำได้ดีตลอดจริงๆในการให้อารมณ์ ทั้งหนักแน่น กดดัน รวมถึงความคาดไม่ถึงที่ให้ความรู้สึกกลัวและตลกได้เช่นกัน ตรงนี้ต้องชื่นชมนักแสดง Sun-kyun Lee ที่เล่นเป็นกอนซูได้น่าเชื่อว่าตัวเองมีความซวยครอบงำ ทั้งลุ้นทั้งเหนื่อยทั้งตะลึงจนไม่น่าเชื่อว่าคนๆหนึ่งจะเจอเรื่องแบบนี้ได้
ที่ชื่นชมคือการเขียนบทได้อย่างมีมิติตั้งแต่ต้นเรื่องทั้งที่เล่าเรื่องเร็วปานสายฟ้าแต่ยังอุตส่าห์ไม่ลืมเล่าเรื่อว่าใครคือใครทำให้เห็นความหนาลึกของตัวละคร โดยเฉพาะวงการตำรวจที่มีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไป ทว่าสำหรับกอนซูและพรรคพวกไม่ได้เอียนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งซะทีเดียว ในเรื่องจะเห็นทำไม่ดีหลายต่อหลายอย่างเป็นตำรวจที่กินเงินใต้โต๊ะ แต่เรื่องงานจับคนร้ายยังไม่เกียจคร้านพร้อมทำหน้าที่ของตัวเอง ประเด็นเสียดสีวงการตำรวจอาจไม่ถึงกับหนักแน่นหรือรู้สึกได้ถึงมุมมืดของตำรวจมากมายนักเพราะเน้นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมไปกับเอาคืนที่ตัวเองต้องเจอปัญหายิ่งกว่าเก่า เนื้อเรื่องอาจไม่เท่าไรแค่คนดวงซวยที่เจอปัญหาชุดใหญ่เพราะความบังเอิญ แต่ที่ทำให้น่าติดตามคือทักษะการเล่าเรื่องที่ใส่จังหวะได้แม่นยำ กดดันตัวละครในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ สิ่งเหล่านี้ทำให้ความรู้สึกที่มันส์ระทึกและตลกในความบังเอิญอีกด้วย อีกอย่างคือตัวร้ายของเรื่องที่ดูไม่เก่งแต่กลับเก่งกว่าที่คิด นับเป็นอีกเรื่องที่เหมาะกับคนชอบหนังบีบอารมณ์ ไม่มีอะไรง่ายหรือยากเกินไป เรื่องบางเรื่องอยู่ที่ดวงล้วนๆ ถ้าโชคเข้าข้างก็ดีไปแต่ถ้าไม่ก็อีกเรื่องไปเลย