From Beyond (1986)
คนเปลี่ยนหัวคน ภาค 2 / มิติสยองเปลี่ยนคนไม่ให้เป็นคน
Director: Stuart Gordon
Genres: Horror | Sci-Fi
Grade: B+
อย่างแรกต้องมาทำความเข้าใจกับชื่อไทยที่หลายคนอาจร้อง"ห๊ะ"เพราะเป็นภาคต่อ ถ้างั้นภาคแรกหายไปไหนทำไมถึงเป็นภาคสองเลย อีกด้านหนึ่งกับคนที่ตามชื่อไทยก็คงสับสนกับภาคแรกที่มีเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงตรงไหนเลย นั้นเพราะชื่อไทยเรื่องนี้ไปตั้งต่อจากเรื่อง Re-Animator (1985) ที่มีชื่อ"คนเปลี่ยนหัวคน" แน่นอนว่าเนื้อเรื่องมันคนละม้วนกันอยู่แล้ว แต่ด้วยความเข้าใจผิดที่เห็นว่าอะไรหลายอย่างคล้ายกันจึงตั้งชื่อเป็นภาคต่อ ก็ไม่แปลกใจอีกแหละว่าทำไมถึงเข้าใจผิดกันทั้งที่คนละเรื่องคนละราว เนื่องจากใช้นักแสดงคนเดียวกัน ทั้ง Jeffrey Combs และ Barbara Crampton ที่เป็นตัวหลักทั้งคู่ ส่วนผู้กำกับเป็นคนเดิมอีก แถมยังสร้างจากนิยายผู้แต่ง H.P. Lovecraft ด้วยกันทั้งคู่ ที่สำคัญมีอะไรที่เกี่ยวกับหัวเหมือนกันอีกด้วย สรุปต้องเลยตามเลยให้สับสนกันไม่น้อยทีเดียว
อย่างที่สองจะมีบางอย่างที่หนังไม่ค่อยพูดถึงเท่าไรและอาจงงว่าคืออะไร นั้นคือเรื่องของสมองที่จะมีต่อมชนิดหนึ่งเรียกว่า"ต่อมไพเนียล" กับคนที่ชอบวิทยาศาสตร์หรือวิชากายวิภาคศาสตร์คงนึกออกกันดีว่าคืออะไร แต่กับคนที่ไม่รู้จะบอกคร่าวๆว่ามีหน้าที่เป็นกลไกการหลับ อารมณ์ การเข้าสู่วัยหนุ่มสาว และการสืบพันธุ์ ถ้าให้ลึกกว่านี้อาจร่ายยาว แนะนำไปหาอ่านกันเอาเองจะดีที่สุด(ฮ่า) แล้วเจ้าต่อมอย่างว่าเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ทั้งที่เป็นสยองขวัญไซไฟมีเอเลี่ยนฆ่าคน นั้นเพราะประเด็นที่เรื่องนี้หยิบมาเป็นอย่างหลังที่ว่าด้วยการสืบพันธุ์ ถ้าให้ชัดเจนก็เรียกเซ็กซ์นั้นแหละ ซึ่งเจ้าเซ็กซ์นี้แหละที่นำไปสู่ความวิปริตอีกมิติหนึ่งจากคนที่มีความผิดปกติเรื่องต่อมไพเนียล
แทบไม่เสียเวลากับเรื่องนี้เพราะเล่าเรื่องเร็วมาก มาถึงก็เริ่มเข้าเรื่องกันแล้วกับครอว์ฟอร์ด ทิลลิงเฮิร์ท (Jeffrey Combs) นักฟิสิกส์ที่เข้มงวดกับเครื่องทดลองจนไปเปิดสวิตซ์เครื่องเพื่อพิสูจน์การทำงานด้วยเทคนิคการสั่น ผลปรากฎว่าการสั่นทำให้เกิดอีกมิติและมีสิ่งมีชีวิตประหลาดล่องลอยในอากาศ แต่การทดลองผิดพลาดทำให้เกิดการตายเกิดขึ้น มีเพียงครอว์ฟอร์ดที่หนีออกมาและถูกจับขังเป็นผู้ป่วยทางจิต ส่วนศพได้กลายเป็นปริศนาที่หาข้อสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร ความแปลกนี้เองเป็นเรื่องน่าสนใจให้แก่ดร.แคทเธอรีน แมคไมเคิล (Barbara Crampton) ที่อยากรู้ว่าทดลองอะไรกันอยู่ หนำซ้ำมันส่งผลอะไรทำให้ครอว์ฟอร์ดดูผิดปกติจากเดิม ว่าแล้วก็ไปหาคำตอบกันตามฟอร์มสูตรหนัง
อย่างที่เห็นว่าตอนเปิดเรื่องจะเกริ่นเล็กน้อยเกี่ยวกับมิติประหลาดแต่ไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่าต้องไปลุ้นกันเอาในฉากหาความจริงของการทดลองว่าส่งผลยังไงกันแน่ ซึ่งการเล่าเรื่องได้พยายามสอดแทรกเรื่องเพศมาเป็นระยะๆ โดยเรื่องเพศจะเป็นในด้านที่รุนแรงหรือประมาณว่าพวกซาดิสซ์ที่มีเซ็กซ์กันแบบผิดปกติที่ต้องกระตุ้นกันด้วยอุปกรณ์หรือการกระทำชวนให้เจ็บปวด อีกทั้งยังแทรกด้วยเรื่องของต่อมไพเนียลที่นำมาให้เนื้อหาหนักแน่นยิ่งขึ้นเพราะโยงสัมพันธ์ไปถึงระดับความต้องการทางเพศ จากในเรื่องจะเห็นความผิดปกติของต่อมไพเนียลจากผลข้างเคียงของเครื่องทดลองที่ไปกระตุ้นให้โตยิ่งขึ้น ซึ่งแปลว่าอาจหมายถึงความต้องการทางเพศที่ผิดแปลกไปด้วย ความผิดปกตินี้เองจึงเป็นที่สนใจให้ดร.แคทเธอรีนค้นหาคำตอบมาอธิบายพฤติกรรมแปลกแยกที่อาจไม่ได้เกิดจากด้านจิตวิทยาหรือสังคม แต่อาจมาจากความผิดปกติของต่อมไพเนียลในสมองก็เป็นได้
From Beyond เป็นการผสมผสานเรื่องวิทยาศาสตร์ทำได้น่าสนใจดีระดับหนึ่งแค่นั้น พอกดสวิตซ์เปิดมิติอีกทีกลายเป็นเป็นไซไฟสยองขวัญแบบกู่ไม่กลับเพราะหาความสมเหตุสมผลไม่ได้แล้ว ที่ได้คือความการผสมผสานระหว่างไซไฟกับสยองขวัญที่ลงตัวแทน ในแง่ของไซไฟเกี่ยวกับเรื่องมิติอีกด้านหนึ่งที่ไม่รู้มีลักษณะยังไง แค่บอกได้ว่าเป็นมิติคู่ขนานที่ไม่มีอะไรเว้นแต่จะเปิดเครื่องทำให้มิติเปิดและกลายเป็นมิติเดียวกัน พอมิติเปิดก็มีตัวประหลาดโผล่มาให้ขวัญประสาทกันเลยทีเดียว อารมณ์ประมาณไม่ถึงกับหลอนแบบหนังผีแต่ขยะแขยงน่าเกลียดน่ากลัวคล้ายเรื่อง The Thing (1982) มากกว่า ยิ่งเริ่มท้ายๆเรื่องยิ่งใช่เลยกับเทคนิคพิเศษเดียวกัน ฉากกลายร่างนี่ยิ่งแล้วใหญ่เพราะทั้งสยองขวัญทั้งแหวะ
นึกแล้วก็เหวอใช่ย่อยที่ทำได้ลงตัวด้านบรรยากาศที่ค่อยๆเพิ่มความสยองขวัญมากขึ้นก่อนจะจัดหนักในตอนท้ายทีเดียวจบ น่าเสียดายที่บทหนังไม่ได้มีอะไรมากเท่าไร มาแบบตรงไปตรงมาและรวบรัด ขอแค่ให้ได้เปิดเครื่องความสนุกก็มาแล้ว ดังนั้นไม่แปลกใจเท่าไรที่ตัวหนังจะเบาเวลาไม่ได้เปิดมิติเพราะไม่เหลืออะไรให้เล่า เนื่องจากพล็อตเรื่องมีแค่มาพิสูจน์ว่าทำการทดลองอะไรกัน พอมาดูที่เกิดเหตุแล้วเปิดเครื่องทดลองเจออีกมิติก็มีเรื่องสยองขวัญดักรอเล่นงานแค่นั้น แต่ก็นั้นแหละความสยองขวัญจึงเทมาตลอดทั้งเรื่องและสนุกลุ้นตลอดเวลาเพราะไม่ค่อยมีอะไรให้เล่าจึงเน้นไปที่ความสยองซะเลยจะได้สนุก
อีกอย่างคือตัวละครหลักมีกันน้อยและใช้สถานที่แค่ 2 แห่ง ระหว่างบ้านที่ทำการทดลองกับโรงพยาบาลที่จับครอว์ฟอร์ดเอาไว้ แต่พอมานึกดูแล้วเหมือนกับ Re-Animator ที่เรื่องเกี่ยวกับการทดลองและจะใช้โรงพยาบาลในแง่ความรุนแรงเหมือนกัน อีกอย่างมิติตัวละครยังแอบคล้ายกันอีกด้วย ยิ่งนักแสดงไม่ต้องพูดถึงเพราะบอกในข้างต้นไว้แล้ว ทว่าที่น่าสะดุดตาที่สุดคือ Barbara Crampton ที่น่ารักเกินกว่าจะเป็นด็อกเตอร์ และในเรื่องจะมีบุคลิกมากกว่าหนึ่งแบบ ในแบบแรกจะเป็นสาวมั่นมีความรู้แต่งกายสุภาพเรียบร้อยใส่แว่นใหญ่หนา อีกแบบจะผิดกันตรงที่ไม่มีคำว่าน่ารักแต่เป็นเซ็กซี่ นั้นเพราะการแต่งกายที่อาจทำให้ท่านชายหน้ามืดตามัวได้(ไม่ถึงขนาดนั้นแต่เธอแซบจริง) ส่วน Jeffrey Combs ยังคงเล่นได้จิตสมบทบาทได้ดี จะมาตกใจนิดหน่อยช่วงท้ายที่พลิกพันบทบาทซะโอ้โหกลายเป็นอะไรแล้วไม่รู้
อีกคนที่ไม่ค่อยพูดถึงแต่ในเรื่องขาดไม่ได้เพราะช่วยเหลือครอว์ฟอร์ดกับดร.แคทเธอรีนเอาไว้เยอะคือนายตำรวจบับบา บราวน์ลีที่เล่นโดย Ken Foree ในเรื่องทำหน้าที่คุมตัวครอว์ฟอร์ดไม่ให้คลาดสายตาเพราะอยู่ในระหว่างการคุมตัวของศาล จากเรื่องคิดว่าต้องเป็นตัวประกอบให้เป็นเหยื่อตายง่ายแน่ๆ แต่เอาเข้าจริงมีประโยชน์กว่าคิดเพราะช่วยเหลือเอาไว้ตั้งหลายอย่างทำให้เรื่องการแจกบทบาทกับการเดาทางของหนังจึงไม่ใช่อะไรที่บอกกันได้ล่วงหน้าเสมอ ยิ่งไคล์แม็กซ์ของเรื่องออกจะเกินคาดพอสมควร นับได้ว่า From Beyond เป็นหนังไซไฟสยองขวัญที่ควรค่าแก่การรับชม ทั้งเล่าเรื่องสนุกและฉับไว(เผลอๆดูเอามันส์ยังได้) ทั้งยังเด่นเรื่องเทคนิคพิเศษให้ออกมาสยองขวัญน่าเกลียดน่ากลัวไม่อยากสัมผัสจนร้องยี้ก็ยังได้ ที่สำคัญยังสอดแทรกนัยยะทางเพศที่เกือบคมคายอีกด้วย(ถ้าไม่ติดตรงที่ละเลยประเด็นนี้อาจช่วยให้เข้มข้นอีกหน่อย)