Kabukicho Love Hotel (2014) | A+
Director: Ryuichi Hiroki
Genres: Drama | Romance
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"
อธิบายได้ยากและไม่ยากในตอนจบที่คละไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย จะเศร้าหรือสุข จะทุกข์หรือดีใจ ล้วนมีที่มาที่ไปจากจุดเล็กๆที่โยงถึงเรื่องเพศ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ในแบบที่ไม่ใช่ความรักเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องของเซ็กซ์ที่ใช้เพื่อเรื่องงานซะมากกว่า ซึ่งเรื่องทั้งหมดได้ถูกรวมจากเรื่องของใครหลายต่อหลายคนมารวมกันที่โรงแรมที่มักลงเอยเพียงแค่เรื่องสำเร็จความใคร่ แน่นอนว่าสายตาของคนในสังคมจะมองเป็นเรื่องสกปรก เป็นเรื่องน่าละอาย ไม่มีสำนึกของความเป็นคน แต่จะอะไรนั้นสุดท้ายก็คืองานอยู่ดี ทั้งนี้บางทีใช่ว่าจะเรื่องงานเพราะอาจเป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่รู้สึกอยากจะเข้าหาต่อกันราวกับแม่เหล็กที่เกิดมาคนละขั้วและต้องดึงดูดต่อกัน อาจจะฟังดูไร้เหตุผลแต่ไม่จำเป็นเสมอไปว่าความรักหรือเซ็กซ์จะต้องมีคำอธิบายในสิ่งที่ทำลงไป มันก็แค่อารมณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นและถ้าได้สนองในอารมณ์นั้นเราจะไม่นึกคั่นกลางขัดจังหวะ จะบอกว่าไงดี จะบอกตรงๆว่าเป็นความ"เงี่ยน"ก็ว่าได้(มั้ง)
ไม่รู้แหละสำหรับใครที่มองความสกปรกที่มาพร้อมกับด้านมืดของการซื้อขายบริการทางเพศที่มีแต่เรื่องน่าหดหู่ขอให้ไตร่ตรองทำความเข้าใจสิ่งที่เรื่องนี้จะบอกและให้เตรียมเปิดใจให้กว้างพอที่จะรับมุมมองอื่นเข้ามาให้ดี เนื่องจากเรื่องนี้จะเล่าถึงด้านที่น้อยจะเห็นหรือบอกว่านี่แหละคืออย่างหนึ่งของความเหมาะสมที่สุด การเล่าเรื่องจะแบ่งออกไปหลากหลายมุมมองหลากหลายปัญหาที่นำมาเชื่อมโยงเข้าหากัน ไม่ว่าเรื่องไหนต่อเรื่องไหนจะมีใจความประเด็นเรื่องเพศ แน่นอนว่าความรักก็เช่นกันที่ไม่พ้นเรื่องเพศ ในที่นี่อาจหมายถึงรักด้วยความรู้สึกก็ได้ หมายถึงเซ็กซ์เพราะความปรารถนาก็ได้ ส่วนจะแล้วยังไงขึ้นกับมุมมองการใช้ชีวิตที่บางทีคือสิ่งผิดในสายตาคนอื่น ทางกลับกันเป็นสิ่งที่ถูกในการจบเรื่องจบราวของอารมณ์กาม
ไม่คิดว่าการสอดแทรกเรื่องเซ็กซ์ในตอนเปิดเรื่องที่หยอดด้วยบทสนาระหว่างโทรุ ทาคาฮาชิ (Shota Sometani) และซายะ อีจิมะ (Atsuko Maeda) จะเริ่มขึ้นจากผู้หญิงที่พยายามให้มีอะไรด้วยแต่ไม่เป็นผล แต่นั้นยังไม่เท่าไรเมื่อความจริงแล้วโทรุทำงานเป็นพนักงานโรงแรมในคะบุกิโชที่ไม่ได้เลิศหรูอะไรนักนอกจากจุดเด่นของลูกค้าที่มาใช้บริการด้วยเรื่องการมาเอากันเป็นส่วนใหญ่ คำว่าเอากันก็กว้างในหลายแง่แต่บอกก่อนว่าเกี่ยวกับเซ็กซ์นั่นแหละ ซึ่งคำว่าเซ็กซ์ได้แยกไปอีกว่าทำเพื่ออะไร เพื่องานใช่ไหม หรือเพื่อสนองอารมณ์ บางทียังใช้เพื่อเงินทอง ตลอดจนเรื่องผิดกฎหมายการค้ามนุษย์ก็มีเอี่ยวด้วย นี่จึงเป็นจุดเด่นของเรื่องนี้ที่ใช้ความหลากหลายและประโยชน์ของเรื่องเพศให้เห็นผลในทางลบ ขณะเดียวกันคำว่าลบยังมีบวกอยู่บ้างเป็นเลื่อนลางให้เห็นถึงเรื่องที่ไม่ดีไม่ได้แปลว่าจะเลวร้ายจนรับไม่ได้ ทุกอย่างมีเหตุผลของมันเอง
Shota Sometani รับบทเป็นโทรุที่ไม่บอกความจริงเกี่ยวกับงานที่แท้จริงให้ซายะหรือแฟนของตนให้ฟัง จากการแสดงต้องยอมรับว่าเข้ากับคาแรกเตอร์จนน่าแปลกใจ โดยเฉพาะการแสดงสีหน้าที่เอานิ่งให้ได้มากที่สุดเหมือนคนจะยังไงก็ได้ในชีวิต ขณะเดียวกันเหมือนคนเก็บกดอะไรสักอย่างที่เอาแต่รอสักวันหนึ่งจะเป็นดั่งฝัน แต่นั้นแหละคือสิ่งที่นำไปสู่อีกด้านหนึ่งของตัวละครด้วยอารมณ์ที่กดดันยิ่งขึ้นจากสิ่งที่ยิ่งเจอยิ่งเจ็บจนสุดท้ายไม่อยากรับเงื่อนไขความจริงที่ทำให้ตัวเองเป็นเด็กในสายตาคนอื่น โดยส่วนตัวชอบความพยายามของโทรุที่ต้องการจะเป็นใหญ่เข้าสักวันหนึ่ง ทว่าความพยายามของเขาถูกคนอื่นแซงในมุมมองที่ผู้ใหญ่และกว้างกว่ามาก ทำให้เขาที่เดินมาเป็นเส้นตรงรู้สึกไร้ค่ากับงานที่ทำลงเรื่อยๆ
คนที่ทำให้โทรุต้องหนักใจคืออะซึกะ ทาคาฮาชิ (Miyu Takahashi) น้องสาวของตนที่เจอในห้องก่อนจะรู้ว่ามาทำงานพิเศษเป็นนักแสดงโป๊หรือที่เรียกกันว่า AV ในญี่ปุ่น ในมุมมองของพี่ชายถือว่าแปลกและน่าตกใจที่เห็นน้องสาวตัวเองมาทำงานเช่นนี้ แน่นอนว่าสำหรับใครคงจะช็อคกันอยู่บ้างที่เห็นลักษณะเช่นนั้นและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งเรื่องเหตุผลที่สมควรแล้วเหรอที่ทำแบบนั้น มันคืองานที่ใช้ร่างกายเข้าแลกด้วยเงินหรือชื่อเสียงหรือทั้งสองอย่าง ที่ฉงนใจคือไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งแต่อย่างใด วิธีที่โทรุกับอะซึกะใช้ปรับความเข้าใจคือการนั่งเปิดใจพูดคุยถึงเหตุและผลที่ต้องทำ อนึ่งต้องยอมรับว่างานเป็น AV ในประเทศญี่ปุ่นคือเรื่องถูกกฎหมายและเป็นที่ยอมรับในสังคมแม้ไม่ทั้งหมดก็ตาม แต่เนื้อแท้ของการทำแบบนี้มีที่มาเรื่องประชากรของคนในญี่ปุ่นและสภาพสังคม
อย่างแรกประชากรส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุ อย่างที่สองมีภาวะสังคมที่เครียดโดยเฉพาะเรื่องงาน โดยรวมแล้วสังคมญี่ปุ่นจะไม่ค่อยสนใจเรื่องการสร้างครอบครัวเท่าไรเพราะให้ความสำคัญเรื่องงานก่อนเสียมาก จนบางทีทำงานแต่ลืมคิดสร้างครอบครัวปล่อยให้ตัวเองอายุมากขึ้นจนลืมสร้างลูกสร้างหลาน ฉะนั้นจึงใช้สื่อลามกกระตุ้นความต้องการทางเพศให้สูงขึ้นโดยมีขอบเขตที่ถูกกฎหมายด้วยการเซ็นเซอร์อวัยวะเพศ ทว่าจุดประสงค์นี้มีผลต่อการยึดเป็นอาชีพหรืองานพิเศษของบรรดาผู้หญิงที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นเพราะได้เงินดีและง่ายไม่ลำบาก ดังนั้นนี้จึงเป็นเหตุผลที่อะซึกะเลือกจะรับบทเป็นนักแสดงโป๊เพื่อเงินและเพื่อชีวิตที่ไม่ลำบากเกินไป จะห้ามก็ไม่ได้ในเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานและถูกกฎหมาย เป็นวิถีชีวิตอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่จริง
แต่คนที่โทรุแทบคลั่งคือซายะที่เจอแบบตั้งใจ ซายะเองไม่คิดว่าโทรุจะมาทำงานในโรงแรมทั้งที่เคยบอกเป็นงานอย่างอื่น การมาของซายะกลายเป็นเรื่องหดหู่และสะเทือนใจอย่างมากราวกับชีวิตที่ใช้มาได้พังลงอย่างน่าเสียดาย ซายะเคยเล่าเรื่องงานให้ฟังว่าตัวเองจะโด่งดังมีชื่อเสียงเป็นนักดนตรีตามต้องการ แต่งานนั้นไม่ใช่แค่เซ็นสัญญาแล้วจะจบเพราะยังต้องแลกเปลี่ยนด้วยเซ็กซ์ การเจอหน้ากันจะเป็นสิ่งเกินคาดเพราะทั้งคู่ต่างปกปิดความลับของตัวเอง อันที่จริงควรมีแค่ไปทำงานและกลับมาเจอกันแค่นั้น สิ่งที่ลุ้นอยู่ไม่น้อยคือซายะที่เห็นโทรุทำให้เกิดลังเลใจจะทำดีหรือปล่อยไป การตัดสินใจกลายเป็นความอึดอัดของทั้งสองฝ่ายที่อาจจะดีกันได้ แต่เรื่องนี้เลือกจะเล่าต่างออกไป โทรุเห็นชัดในสิ่งที่ซายะจะทำ ส่วนซายะมีคำตอบของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นโทรุกับซายะจึงเสมือนคู่รักที่พยายามรักแค่ไหนก็ห้ามความปรารถนาต่ออนาคตการงานตัวเองไม่ได้ จะต้องเลือกสักทางแม้จะมีใครสักคนอยากให้ไปพร้อมกันก็ตามที
ลีฮีนะ (Lee Eun-Woo) หญิงเกาหลีที่เข้ามาทำงานในญี่ปุ่นเป็นวันสุดท้ายก่อนกลับประเทศบ้านเกิดของตน เธอมีงานคล้ายๆอะซึกะแต่ต่างกันมากเรื่องวิธีการ ไม่ได้เป็นนักแสดงแต่ไม่ได้แปลว่าทำอาชีพขายตัวเช่นที่ทุกคนว่ากระหรี่ข้างถนน งานที่ว่าคือการรับแขกถึงสถานที่โดยมีรถส่วนตัวและคนขับรถที่อีกด้านหนึ่่งเป็นบอดี้การ์ด ข้อดีของงานนี้คือไม่มีเรื่องเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ จะมีแค่ Blow Job หรือ Hand Job ซะเป็นส่วนใหญ่ จะมือหรือปากไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายค้าประเวณี ดังนั้นอย่าได้แปลกใจหากดูแล้วสงสัยทำไมลูกค้าถามอยากมีอะไรกับลีฮีนะแต่ถูกปฏิเสธ สำหรับงานนี้มีความปลอดภัยที่จะป้องกันตัวเองจากคนแปลกหน้า ทว่าความอยากของคนใช่จะหยุดแค่มือหรือปากแค่นั้นเสมอไป
สำหรับลูกค้าบางคนจะเห็นว่าใช้ความความรุนแรงกับลีฮีนะ บางคนแทบจะสยบต่อลีฮีนะจนหลงรักอย่างจริงจัง ความแตกต่างที่เกิดขึ้นช่วยสะท้อนสังคมของชาวญี่ปุ่นที่ลึกๆยังมีความบอบบาง ในเรื่องจะเห็นลูกค้าหลงรักลีฮีนะขนาดที่ว่าสำเร็จความใคร่การใช้มือยังขอเป็นแฟน ขอเป็นแฟนกับผู้หญิงที่ตนใช้บริการเนี่ยนะ เป็นเรื่องแปลกทั้งที่ใช้บริการเสร็จจะต้องจากกันแบบต่างคนต่างไปไม่มีอะไรติดค้างคา ทว่าประเด็นนี้ต่างกันออกไปที่ลูกค้าบอกพอใจในตัวลีฮีนะไม่มีใครคนไหนเทียบได้เลย จะว่าเซอร์ไพรส์การบอกรักก็นึกตลกที่ความรักมาได้หลายรูปแบบ ทั้งนี้บอกไม่ได้ว่ารักจริงหรือลวงนอกจากการเอาใจขนาดซื้อของขวัญและก้มขอเป็นแฟน แน่นอนว่าลีฮีนะปฏิเสธคำขอนั้น ความผิดหวังที่เกิดขึ้นจากตัวลูกค้ากลายเป็นเรื่องเสียใจที่เกือบจะจบลงแบบเศร้าๆ ทว่าลีฮีนะปลอบใจด้วยการมอบขวัญชิ้นพิเศษ ของนั่นคือกางเกงใน! และเรื่องได้จบลงอย่างสวยงามจากการเสียสละของลีฮีนะที่เยี่ยวยาจิตใจให้พองโตอีกครั้ง
แต่เรื่องของลีฮีนะไม่ใช่คนที่ใช้บริการจะเป็นคนใจดีเสมอไป บางคนมีอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรง ซึ่งความจริงมาจากการหาที่ระบายจากภาวะเครียดและซึมเศร้า จากเรื่องจะเห็นความจริงผลของปัญหานั้นคืออะไร ซึ่งลีฮีนะไม่ปฏิเสธที่จะยกเลิกลูกค้าดังกล่าว ซ้ำยินดีช่วยปลดปล่อยอารมณ์เพื่อเรียกสติให้จิตแจ่มใสมากขึ้นหลังจากปรับความเข้าใจเสียใหม่ พอมาถึงจุดนี้ทำให้คิดได้ว่าความต้องการทางเพศหรือที่เราเรียกว่าอาการเงี่ยนนั้นมีสองแง่สองมุม แง่แรกอาจแค่ต้องการปลดปล่อยความอยาก แง่สองเหมือนแง่แรกแต่ใช้อารมณ์ที่รุนแรงร่วมด้วย แต่จะแง่ไหนก็จบด้วยความสุขของเพศชายที่เป็นผู้กระทำเสมอ การกระทำของลีฮีนะจึงเป็นการตอกย้ำความสุขของเพศชายให้ตื่นขึ้นจากความทุกข์
เรื่องของลีฮีนะที่ค่อยๆจบลงไปกับวันสุดท้ายของงานไม่ได้มีแค่นั้น เพราะยังมีอีกเรื่องที่เป็นปัญหาระหว่างเธอกับชอนซู (Roy) ที่ทุกอย่างกำลังพังทลายลงช้าๆจากความแตกต่างเรื่องเงินๆทองๆ แม้ในส่วนของชอนซูจะไม่ค่อยมีบทบาทมากเท่าไรแต่อธิบายได้กระชับเข้าใจ ทั้งสองต่างเหมือนโทรุกับซายะที่ปิดบังงานที่ตัวเองทำ สำหรับลีฮีนะจะเห็นบทบาทที่ค่อนข้างมากผิดกับชอนซู เนื่องจากใครจะคิดว่าจะมีงานลับๆที่ค้าบริการทางเพศเหมือนกัน ซึ่งชอนซููมีลูกค้าเป็นผู้หญิงมีอายุที่ยังมีความต้องการทางเพศ นับเป็นข้อดีของเรื่องนี้ที่กระจายเพศให้ทั่วถึงระหว่างชายกับหญิงให้เท่าเทียมกัน ฉะนั้นการเห็นผู้หญิงเป็นสัญลักษณ์วัตถุทางเพศก็ใช่จะเป็นแบบนั้นเสมอไปเพราะผู้ชายก็เป็นได้กับผู้หญิงที่ยังความเงี่ยนด้วยเช่นกัน
จุดที่ชอบมากระหว่างลีฮีนะกับชอนซูคือฉากเปิดเผยความจริงของทั้งสองที่ไม่เหมือนกับโทรุกับซายะตรงที่เลือกเข้าหามากกว่าเบี่ยงเบน ดังนั้นฉากเปิดใจของทั้งสองจึงไม่น่าหดหู่เท่าแต่มีความสะเทือนใจเรื่องความกล้าที่หันมายอมรับซึ่งกันและกัน การยอมรับของทั้งสองให้อารมณ์ความรู้สึกปลดปล่อยที่สุขยิ่งกว่าการสำเร็จความใคร่เสียอีก แม้จะมีการเปลือยอกเห็นเรือนร่างมากเพียงใดก็ไม่เท่าความรู้สึกของตัวละครที่ไม่นึกอยากในอารมณ์ทางเพศนอกจากความรู้สึกของคนที่กำลังสำนึกความผิดที่ตัวเองทำว่ามันไม่เหมาะ เป็นดั่งมลทินติดตัวที่เช็ดถูเท่าไรไม่มีวันหมดไปได้นอกจากว่าจะเก็บเอาไว้เป็นบทเรียนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
ซะโตมิ ซูซูกิ (Kaho Minami) ผู้หญิงวัยกลางคนที่ทำงานที่เดียวกับโทรุกับปมปัญหาที่เก็บงำมาตลอดเกือบ 15 ปีเพื่อรอคดีความหมดอายุกับยาสุโอะ อิเคซาวะ (Yutaka Matsushige) คนรักที่เคยออกจากห้องไปไหนเพื่อหนีประกาศจับ ในเรื่องจะเห็นได้ถึงความอึดอัดของยาสุโอะที่วันๆไม่ได้ไปไหนนอกจากอยู่ในห้องที่เวลาใครมาหน้าประตูจะต้องเข้าไปแอบในตู้เสื้อผ้าเพราะกลัวถูกจับได้ เช่นเดียวกันกับซะโตมิที่แม้จะไม่มีประกาศจับแต่ได้กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเพราะหนีไปด้วยกัน ความอดทนของการรอที่เหลือไม่กี่ชั่วโมงทำให้ซะโตมิรู้สึกดีใจที่จะได้รับอิสระสู่ภายนอกกับคนรักของตน ทว่าเธอเองไม่ได้อยู่รอดสายตาจากตำรวจเสมอไปแม้จะทำงานในโรงแรมตลอดเวลาเพราะไปเจอริคาโกะ ฟูจิตะ (Aoba Kawai) ตำรวจนักสืบหญิงที่คุ้นหน้าคุ้นตาก่อนจะรู้ว่าคือเธอคือใคร
การเจอกันไม่ได้ทำให้เป็นหนังทริลเลอร์แต่อย่างใด ซ้ำยังเป็นตลกร้ายที่เจอคดีใกล้หมดอายุแต่ทำอะไรไม่ได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะริคาโกะมาโรงแรมเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศกับริวเฮ ชินชิโระ (Tomu Miyazaki) ที่เป็นตำรวจเช่นกัน การมาเอากันถึงโรงแรมอาจเป็นเรื่องปกติแต่กับริคาโกะแตกต่างออกไปตรงที่เธอมีครอบครัวมีลูกสาวรออยู่ที่บ้าน ง่ายๆคือคบชู้คงไม่ผิด การเล่าเรื่องในส่วนนี้ทำได้สนุกตรงที่ต่างคนต่างมีทีเด็ดของตัวเอง จริงที่ว่าริคาโกะเป็นนักสืบสามารถจับซะโตมิและอาจสืบไปถึงยาสุโอะได้ แต่การมาจับถึงโรงแรมจะกลายเป็นคำถามน่าสงสัยว่ามาทำอะไรถึงที่นี้ ซ้ำซะโตมิบังเอิญไปรู้อีกว่าริคาโกะมีครอบครัวทำให้เกิดประเด็นล่อเสียดสีที่หากความจริงนี้แพร่ออกไปจะมีส่วนให้การงานของริคาโกะต้องหมนหมองถึงขั้นถูกไล่ออกจากตำแหน่งได้ เนื่องจากตำแหน่งนักสืบคือจุดสูงสุดที่เป็นกันได้ยาก ดังนั้นนอกจากความสามารถแล้วยังต้องรวมถึงคุณธรรมที่แท้จริงด้วย
แน่นอนว่าเรื่องของซะโตมิกับยาสุโอะที่ใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆมีที่มาที่ไป ซึ่งเรื่องราวได้สะท้อนไปถึงชีวิตครอบครัวของซะโตมิที่ดั้งเดิมมีสามีอยู่ก่อนแต่ต้องทนทุกข์กับการเป็นเบี้ยล่างถูกตีถูกกระทำด้วยความรุนแรง จนยาสุโอะเข้ามาช่วยด้วยความหวังดี ทว่าความหวังดีที่ต้องการให้ยุติกลับเป็นปัญหาให้ทั้งคู่ต้องหลบหนี การหนีคดีของทั้งสองที่เหมือนคบชู้หนีกันไปไม่ใช่เพราะความรักที่อยากแย่งชิงแค่เป็นการปกป้องก็เท่านั้นเอง น่าเสียดายที่เรื่องราวของริคาโกะไม่ได้เล่าในเชิงของปมปัญหาเท่าไรจึงเป็นมิติด้านเดียวของเรื่องเพศที่มาสนองตัญหา กระนั้นเป็นหนทางเลือกของชีวิตระหว่างงานที่ต้องเดิมพันกับครอบครัวที่อาจพังทลายลงได้ ถ้าเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจะนำไปสู่หายนะของอีกอย่างหนึ่ง ถ้ายอมรับในสิ่งที่ทำและปล่อยวางก็ไม่ต้องพบจุดจบทั้งสองแม้ต้องนึกเสียดายภายหลังก็ตามที
ชอบ Kabukicho Love Hotel ตรงที่เล่าเรื่องที่น้อยคนจะเห็นหรือคาดไม่ถึงเกี่ยวกับเพศที่ยังแฝงด้วยด้านที่ดีและสดใส บางเรื่องอาจดูโหดร้ายและไม่ควรแต่ปฏิเสธไม่ได้ในสังคมที่กว้างขวางและหลากหลาย เฉกเช่นเรื่องของมาซายะ ฮายาเสะ (Shugo Oshinari) หนุ่มเจ้าเล่ห์ที่วางกลอุบายจะจับฮินาโกะ ฟูกูโมโตะ (Miwako Wagatsuma) เด็กสาวที่หนีออกจากบ้านมาขายค้ามนุษย์ แต่กลายเป็นว่ามาซายะเกิดสำนึกในตัวฮินาโกะที่หนีออกจากบ้านไม่ใช่เพราะเป็นเด็กใจแตก เหตุผลที่หนีออกจากบ้านมาจากครอบครัวของเธอเองต่างหากที่ไล่ออกมา เหตุผลนั้นย้อนไปตอนที่ฮินาโกะเล่าให้มาซายะฟังถึงความลำบากที่ต้องพึ่งตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เคยได้รับความอบอุ่นหรือความรักจากแม่เลยสักครั้ง มีแต่เรื่องแย่ๆเข้ามาในชีวิตแม้กระทั่งเพื่อนที่ยังหลอกใช้ จนกระทั่งวันที่แม่ไล่ให้ออกจากบ้านถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ทนมาไม่มีความหมายอีกต่อไป
สำหรับเรื่องฮินาโกะช่วยสะท้อนเด็กมีปัญหาที่ไม่ได้มาจากตัวเด็กเสมอไป สิ่งนี้มักเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวอย่างคนในครอบครัว ถ้าครอบครัวดีให้ความรักความอบอุ่นจะช่วยให้เด็กดีตามไปด้วย ซึ่งชีวิตฮินาโกะเป็นสิ่งตรงกันข้ามไปเสียหมด ทว่าจุดหนึ่งที่น่านับถือฮินาโกะคือความมุ่งมั่นจะมีชีวิตต่อไป แม้จะลำบากยอมแลกกระทั่งขายตัวก็ยืนยันต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ จะไม่คิดว่าตัวเองไร้คุณค่าที่เกิดมาแล้วด่วนคิดสั้นฆ่าตัวตาย ทำนองเหมือนประชดชีวิตแต่เป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่งของการสู้ชีวิตที่ต้องดำรงต่อไปแม้เป็นจุดต่ำสุดของศักดิ์ศรีเพศหญิงก็ตาม เมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนั้นทำให้มาซายะเกิดลังเลใจในสิ่งที่ทำว่าถูกต้องหรือไม่ ยังมีสักกี่คนที่เผชิญความลำบากและยังรอความหวังช่วยพวกเธออยู่ การตัดสินใจขายฮินาโกะเพื่อแลกกับเงินทองหรือแลกกับอากรเงี่ยนของตนหรือลูกค้าจะคุ้มค่าแค่ไหนถ้าเทียบกับชีวิตคนหนึ่งที่ไม่เหลืออนาคตและความหวังต่อไป ในส่วนของพาร์ทนี้อาจจะเล่าน้อยกระชับเข้าใจง่าย ทว่าเต็มไปด้วยความจริงใจของฮินาโกะที่บอกความจริงของชีวิตที่แสนบัดซบ ซึ่งเทียบกับมาซายะทำให้เขาตระหนักความจริงของคุณค่าชีวิตที่น่าจะมาดีมากกว่าเป็นวัตถุทางเพศ มันจะต้องมีอนาคต ความหวัง และความสุข
Kabukicho Love Hotel เล่าเรื่องหลากหลายมุมมองของชีวิตคนโดยใช้โรงแรมเป็นตัวกลางผ่านชีวิตคนนั้นคนนี้ที่เข้ามาใช้บริการหรือเป็นพนักงาน และทุกตัวละครต่างมีปัญหาปมในใจที่เก็บซ่อนเอาไว้ ซึ่งจุดเด่นของเรื่องนี้คือการเล่าผ่านเรื่องเพศทั้งชายและหญิงอย่างเท่าเทียม จะมีทั้งความจำเป็นและจำเป็นของชีวิตที่พาคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร การเล่าเรื่องเป็นไปอย่างล่าช้าแต่มีรายละเอียดที่ครบถ้วนโดยเฉพาะการทำงานในโรงแรมที่ต้องเก็บกวาดทำความสะอาดหลังลูกค้าใช้บริการเสร็จเรียบร้อย การเล่าเรื่องทำได้ดีมากทีเดียวในการสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์คนนั้นคนนี้แต่ไม่รู้สึกสับสนหรืองงเลยสักนิด ตลอดการเล่าเรื่องมีความสมจริงและแง่คิดตลอดเวลา การตั้งประเด็นเรื่องงานกับเรื่องเพศทำได้น่าสนใจและคลี่คลายด้วยคำตอบที่แตกต่างกันออกไปจนรู้สึกกระจ่างในปมปัญหานั้นๆ ที่อดนึกไม่ได้ระหว่างดูคือตอนจบที่ให้อารมณ์ทั้งโศกเศร้า เสียใจ ดีใจ และยินยอมในเวลาเดียวกัน เป็นการจบที่สมจริงและไม่ต้องแฮปปี้มากเกินไปเพราะไม่ใช่ทุกคนที่สุขแล้วจะไม่มีทุกข์ ขณะเดียวกันคนที่ทุกข์ก็ใช่จะไม่มีสุขเช่นกัน