Sympathy for Mr. Vengeance (2002) | เขาฆ่าแบบชาติหน้าไม่ต้องเกิด
Director: Chan-wook Park
Genres: Crime | Drama | Thriller
Grade: A
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"
"จบแบบนี้มันทำร้ายจิตใจกันเกินไปหรือเปล่า"
เอาจริงๆเลยนะสำหรับเรื่องนี้ไม่คิดเลยว่าตอนจบจะลงเอยอะไรเช่นนั้นได้ จะว่าหักมุมก็คงใช่ จะไม่ว่าก็ถือว่าถูก เหมือนจู่ๆมีบุคคลที่สามโผล่มาอย่างทันระวังตัวแล้วฉึก! โดนเสียบหลังเข้าอย่างจังเหมือนเป็นความเจ็บปวดที่ทำอะไรไม่ถูกเพราะโดนแทงกระดูกสันหลังจนต้องร่วงโรยตามแรงโน้มถ่วงอย่างมิอาจฝืนหรือหยุดอะไรได้ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่รู้สึกเจ็บแต่ปวดที่สุด แต่กว่าหนังจะจบลงด้วยการทำร้ายจิตใจจนพังยับเยินแค่ต้นเรื่องนำไปสู่การสูญเสีย เกลียดชัง โลภ เห็นแก่ตัว อย่างไม่แคร์ความรู้สึกผู้ชมว่าจะรับได้มากน้อยแค่ไหน ถึงจะรับได้หรือไม่นั้นสุดท้ายสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นกับทุกคนทุกสังคม โดยเฉพาะสภาพสังคมที่มีความหลากหลายเกินจะแบ่งประเภทอยู่กันได้ ท้ายที่สุดต้องอยู่รวมกันแบบบ้านหลังหนึ่งมีหลายห้องให้อาศัยหรือคอนโดที่ต่างคนต่างมาอยู่จนไม่รู้ใครเป็นใครเพราะมากมายหลายประเภท หนึ่งในความแตกต่างนั้นคือริว (Ha-kyun Shin) ที่มีความผิดปกติเรื่องการสื่อสารเพราะเป็นใบ้ ไม่ว่างานจะเสียงดังแค่ไหนก็ไม่ได้ยิน ใครจะว่ายังไงก็แทบไม่สนใจหรือทำเป็นได้ยินทั้งสิ้น
ริวเป็นความสงบของคนที่ไม่มีเสียง ทว่าในใจอยากได้เสียงนั้นเพื่อบอกความรู้สึกต่างๆแก่พี่สาวริว (Ji-Eun Lim) ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือการเขียนจดหมายถึงสถานีวิทยุเพื่อช่วยให้อ่านในสิ่งที่คนใบ้พูดไม่ได้ให้พี่สาวได้รับรู้ แต่พี่สาวเองมีความบกพร่องของร่างกายที่ไม่สู้ดีนักในเรื่องของไตที่ต้องได้รับการฟอกเลือด ซึ่งค่ารักษาไม่ใช่จำนวนเงินที่น้อยเลยสักนิดเดียวในการฟอกแต่ละครั้ง ขณะเดียวกันวิธีหายจากโรคไตได้คือการเปลี่ยนไตซะใหม่ แน่นอนว่าการเปลี่ยนไตต้องรอผู้ให้บริจาคจึงจะรับได้ ซึ่งดั้งเดิมริวอยากเป็นผู้บริจาคให้พี่อยู่แล้วแต่ไม่สามารถทำได้เพราะกรุ๊ปเลือดที่แตกต่างกัน กระนั้นถึงจะได้ไตมาแต่อย่าลืมว่าค่าผ่าตัดนั้นสูงมากด้วยเช่นกัน แม้จะเป็นพี่น้องกันกลับไม่สามารถช่วยเหลือกันได้ทำให้ริวเลือกใช้วิธีขอไตกับแก๊งค้าอวัยวะมนุษย์ ทว่าเจ้ากรรมกลายเป็นถูกขโมยไตเสียเอง ซ้ำยังถูกปล่อยทิ้งให้เปลือยล่อนจ้อนอย่างน่าอับอาย ที่แย่กว่าคือถูกไล่ออกจากงานประจำกลายเป็นคนไม่เหลืออะไร นี่ยังไม่ทันไรชีวิตของนายใบ้ทำไมช่างบัดซบขนาดนี้
เป็นความรู้สึกนิ่งที่ลึกซึ้งมาก เนื่องจากมุมกล้องกับภาพมันนิ่งจนน่ากลัว บางทีความนิ่งของภาพทำให้เห็นอะไรหลายอย่างได้ง่ายขึ้น เช่น สิ่งที่เกิดขึ้นรอบห้องของริวที่เต็มไปด้วยเสียงจากข้างห้อง บางทีไม่ใช่แค่เสียงแต่เป็นการดักฟังเสียงข้างห้องที่สมมติทำกิจกรรมทางเพศจนนำไปสู่การปลดปล่อยอารมณ์ตามประสาคนจนที่ไร้แฟนไร้เงิน แต่ใครจะเป็นยังไงไม่สำคัญสำหรับพี่สาวของริวที่ต้องหาทางช่วยให้หายจากความเจ็บปวดจากโรคร้าย แต่ไหนจะไตหรือเงินล้วนไม่มีให้สักอย่าง ทว่าในความโชคร้ายยังมีโชคดีตรงที่มีคนบริจาคไตในที่สุด กระนั้นถึงตอบตกลงยอมรับการผ่าตัดเตรียมเปลี่ยนไตแต่สิ่งที่ยังขาดคือเงินที่มากมาย ดังนั้นการหาเงินของริวที่เป็นคนตกงานถึงเริ่มขึ้นจากความคิดของยองมิ ชา (Doona Bae) แฟนสาวของเขาที่มองว่าการถูกไล่ออกของริวเป็นเรื่องไม่ยุติธรรม ทำไมถึงได้ไล่คนที่จนออกแล้วปล่อยให้ตัวเองที่ตำแหน่งสูงกว่ากินเงินอย่างสบายใจ ในจุดนี้กลายเป็นประเด็นเกี่ยวกับเรื่องของงานที่ถูกคั้นระหว่างความจนความรวย หรือจะกล่าวเป็นนัยๆคือคนรวยจะทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองดูดี ขณะที่คนจนไม่สามารถทำอะไรได้เลยต่อให้ถูกไล่ออกเพื่อความอยู่รอดของบริษัท สุดท้ายไม่เพียงพอในการบอกสาเหตุให้ไล่ออกเพราะถึงยังไงทุกคนยังต้องการงานทำเลี้ยงปากท้องตัวเอง จึงเป็นความแค้นอีกมุมหนึ่งที่รู้สึกตัวเองผิดอะไรทำไมต้องให้เลิกงาน เหมือนถูกกลั่นแกล้งคงไม่ผิด
เมื่อคนรวยชอบรังแกคนจนด้วยการหยอกล้อเรื่องงาน ดังนั้นต้องทำให้คนที่ไม่มีงานทำได้มีเงินใช้เพื่อชีวิตภายหลังตกงาน อย่างเรื่องการนำเงินมาใช้ผ่าตัดไตเพราะมันคือทางออกและทางรอดเดียวของพี่สาวริว ทั้งยังจำเป็นจริงๆที่ต้องใช้เงินในการดำรงชีวิต ถ้าเอาเงินจากคนรวยไม่ได้แปลว่าจะเสียหายอะไรมากมายซะหน่อย ยังไงมีกินมีใช้เหลือแหล่อยู่แล้ว นี่จึงเป็นความคิดของซองมิที่จะเอาคืนให้แก่ริวด้วยแผนลักพาตัวยูซูน (Bo-bae Han) เด็กหญิงตัวน้อยน่ารักที่เป็นลูกของดองจิน ปาร์ค (Kang-ho Song) หรือให้เข้าง่ายๆคือหัวหน้างานของริวนั้นเอง แผนเอาคืนและช่วยพี่สาวจึงได้เริ่มขึ้นโดยไม่มีใครรู้นอกจากริวกับยองมิเท่านั้น ในขณะที่แผนดำเนินไปได้ดีจนไม่มีใครผิดสังเกตก็ได้กลับตาลปัตรเข้าขั้นหายนะเมื่อพี่สาวริวรู้ความจริงว่าริวนั้นตกงาน ด้วยความที่ไม่อยากเป็นภาระแก่น้องชายตัวเองจึงฆ่าตัวตาย เช่นเดียวกันหลังจากได้เงินตามแผนเรียบร้อยก็เกิดพลาดพลั้งไม่ทันเฝ้าระวังจนนำไปสู่ความตายของยูซูนอย่างไม่ตั้งใจ และเรื่องทั้งหมดหลังจากนี้ได้กลายเป็นแค้นที่ห้ามไม่ได้หยุดไม่อยู่อีกต่อไป
นี่มันคือความบัดซบทำร้ายจิตใจขนนแท้ทั้งที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวยจากแผนลักพาตัวที่ได้เงินคือจบเรียบร้อยดีทุกอย่าง ที่สำคัญการจะให้ใครมาตายระหว่างแผนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้เสียด้วยซ้ำหากไม่ใช่ความบังเอิญที่พี่สาวริวไปเจอใบลาออกจนวิตกกังวลเกี่ยวกับชีวิตในอนาคตที่รันทดยิ่งกว่าเก่า เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงได้สละชีวิตตัวเองให้ริวไม่ลำบากอีกต่อไป ขณะเดียวกันแผนที่ดำเนินสำเร็จได้เงินอยู่มือกลายเป็นของไร้ค่าทันที จากแผนจิตวิทยาลักพาตัวที่แม้แต่เด็กเองยังไม่รู้ตัวได้กลายสิ่งไร้ความหมายต่อให้ได้เงินมาครอบครอง สิ่งที่ริวทำได้คือการนำศพพี่สาวตัวเองไปฝังที่ริมแม่น้ำตามที่เคยสัญญาเอาไว้ในรายการวิทยุ และคาดว่าหลังจากนั้นจึงค่อยส่งยูซูนคืนแก่ดองจินในภายหลัง กระนั้นระหว่างที่ฝังศพพี่สาวตัวเองอย่างอาลัยอาวรณ์จนไม่รับรู้สิ่งรอบๆตัวว่าเกิดขึ้นก็กลายเป็นฉนวนนำไปสู่การตายของยูซูนที่ไม่ว่าเกิดจากอะไร ที่รู้ไม่สามารถช่วยชีวิตอะไรได้เพราะจมน้ำตาย สิ่งที่ริวทำได้คือปล่อยศพเอาไว้และหนีไปใช้ชีวิตกับยองมิโดยมีเป้าหมายชำระความแค้นให้กับแก๊งค้าอวัยวะที่ขโมยไตของเขาไป เช่นเดียวกันหลังจากอดองจินพบลูกสาวตัวเองที่ตายแล้วจะต้องโศกเศร้าในความผิดพลาดตัวเองเพราะเชื่อว่าการลักพาตัวถ้าทำตามที่ขอจะมีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่าอาจแจ้งตำรวจ เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้รู้ว่าเขาคิดผิดอย่างร้ายแรงและแค้นกับคนที่ทำแบบนี้ แค้นชนิดตามล่าฆ่าได้ทุกที่
พอมาถึงช่วงเวลาแห่งการแก้แค้นได้เปลี่ยนอารมณ์ที่เริ่มมีความหวังกลายเป็นความหดหู่ยิ่งกว่าเดิม ในช่วงแรกจะเน้นเล่าเรื่องของริวกับยองมิเกี่ยวกับชีวิตของทั้งสอง โดยริวจะเป็นตัวละครหลักที่เห็นได้จากชีวิตที่มาถึงจุดตกต่ำ ผิดกับยองมิที่ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรและมีแนวคิดสุดโต่งกว่าใครเพราะมีความชื่นชอบในลัทธิคอมมิวนิสต์ ชอบขนาดที่ว่าแจกใบกระกาศว่าตัวเองคือส่วนหนึ่งของขบวนการปฏิวัติชาติที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ จะเห็นว่ามีนัยยะซุกซ่อนในหนังเรื่องนี้หลายอย่าง ตั้งแต่การใช้ชีวิตด้วยความรันทด เสียดสีชีวิตคนงานที่เป็นลูกจ้างที่รับความไม่ยุติธรรมเป็นประเด็นคนจนคนรวย ความใสซื่อของคนที่ไร้ทางออกจนถูกหลอกอย่าง่ายดาย ความรักของพ่อกับลูกที่ถูกคั้นด้วยเรื่องงาน และที่กลายเป็นจุดแข็งคือการแก้แค้นที่เวียนว่ายเป็นวัฏจักรอย่างมิอาจหลบหนี เสมือนกรรมตามสนองที่เคยทำกับใครเอาไว้จะได้การสนองคืนในท้ายที่สุด ด้วยเหตุนี้หนังเรื่องนี้จะมีสภาพที่หาความดีหรือสิ่งที่เป็นสุขไม่เจอเพราะไม่ทันไรความทุกข์ได้ถาโถมเข้ามาทั้งตั้งตัวก็แล้วไม่ตั้งตัวก็มี
Sympathy for Mr. Vengeance มีการเล่าเรื่องด้วยความนิ่งของมุมกล้องเป็นหลัก นิ่งจนรู้สึกได้ถึงความกดดันของตัวละครที่แผ่ซ่านออกมา อย่างดองจินที่กลายเป็นตัวละครที่น่ากลัวไปทันทีเพราะความแค้นที่ลุกโชนในใจ ในฉากเจอลูกสาวตัวเองคือช่วงเวลาที่น่าจะมีความสุข ทว่าความผิดพลาดนี้เองได้นำไปสู่ความโศกเศร้าเสียใจ ในช่วงเวลาต่อมายิ่งกลายเป็นความทรมานจิตใจเข้าไปใหญ่เมื่อต้องมาดูชันสูตรศพลูกสาวตัวเองที่ได้ความน่ากลัวจากเสียงดนตรีและความอึดอัดจากการจองมองหมอชำแหละศพ แม้จะไม่ได้เห็นเรือนร่างถูกผ่านอกจากมีดที่กำลังลงบนร่างกายแต่นับว่าสยดสยองจนน่าสะเทือนใจเนื่องจากจะเห็นเพียงใบหน้าดองจินเท่านั้น ใบหน้าของคนเป็นพ่อที่ร้องไห้ให้กับลูกสาวตัวเองอย่างไม่มีวันกลับ ไม่ใช่แค่นั้นที่รู้สึกได้ถึงความเสียใจเพราะยังมีอีกเรื่องที่เหมือนแทงใจดำคือการเห็นลูกสาวตัวเองในสภาพที่เปียกชุ่มด้วยน้ำแล้วกอดตัวเองพร้อมกับบอกว่า"ทำไมไม่พาหนูไปว่ายน้ำล่ะค่ะ" ความตลกร้ายที่เหมือนจะขำจากสีหน้าของดองจินคือความรู้สึกของพ่อที่ไม่ดูแลลูกขนาดไม่มีเวลาพอไปว่ายน้ำจนต้องมาตายเพราะจมน้ำเสียเอง
ริวเมื่อไม่สามารถแก้อะไรได้จึงต้องอาศัยอยู่กับยองมิและขอความร่วมมือในการตามล่าแก๊งค้าอวัยวะที่ขโมยไตของเขาไป แน่นอนว่ายองมิหาจนเจอและใช้ตัวเองเป็นนกต่อบอกสถานที่แก่ริวเพื่อมาแก้แค้นถึงถิ่น การล้างแค้นได้เริ่มขึ้นด้วยความรุนแรงจากการหวดไม้เบสบอลไม่ยั้งมือให้เละไม่มีชิ้นดี ไม่มีเสียงร้องหรือความช่วยเหลือใดนอกจากการเอาคืนด้วยความตาย ความรุนแรงที่เกิดขึ้นของเรื่องนี้จัดว่าแรงพอสมควรเพราะแทบจะเลือดเนื้ออย่างไม่ชัดเจน แม้จะไม่มากมายนักแต่ทุกครั้งที่เห็นคือความเต็มตาที่บรรยายได้ถึงการปลดปล่อยอารมณ์ให้ถึงตาย ไม่มีคำว่าปราณีใดๆทั้งสิ้น ระหว่างที่ริวเอาคืนความเจ็บปวดที่ตัวเองได้รับระดับไม่ตายไม่ขอเป็นคนก็เช่นเดียวกับที่ดองจินสืบจนรู้ว่าคนที่ลักพาตัวลูกสาวตัวเองคือใครและอยู่ไหน ซึ่งคนที่อยู่คือยองมิที่กำลังคิดหาหนทางเกี่ยวกับกลุ่มปฏิวัติชาติของตัวเอง ความเครียดแค้นได้ถูกลงมายังยองมิด้วยการทรมานร่างกายที่โดนไฟฟ้าช็อตที่ติ่งหูทั้งสองข้างเป็นประจุบวกและประจุลบเพื่อบอกว่าริวอยู่ที่ไหน กระนั้นยองมิยังไม่ปริปากบอกใดๆและถูกทรมานต่อไปในสภาพที่ย่ำแย่ลงทุกที ขณะเดียวกันดองจินไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนักในความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นแถมยังนั่งกินบะหมี่ที่มาส่งของยองมิอย่างสบายใจ
กว่าริวจะเสร็จธุระการล้างแค้นของตัวเองจะต้องพบความผิดหวังที่ทำเอาใจสลายเพราะแฟนตัวเองต้องมาตาย สิ่งที่เห็นชัดเจนคือการแก้แค้นที่พลัดกันพรากชีวิตไปมาอย่างไม่ยุติจนกระทั่งมาถึงห้วงเวลาสุดท้ายที่ไม่อาจนำไปสู่การล้างแค้นใดได้อีก ริวคือตัวละครที่ดูเซ่อซ่าเพราะรูปลักษณ์เป็นคนใบ้ กระนั้นในความเป็นใบ้ไร้เสียงไม่ได้แปลว่าจะไร้สมองเสมอไป หลังจากการตายของยองมิทำให้รู้ตัวเองกำลังถูกหมายปองจ้องฆ่าอยู่ที่ไหนสักที่อย่างแน่นอน ฉะนั้นเมื่อเป็นเช่นนั้นทำให้ต้องระมัดระวังตัวและรอโอกาสเท่าที่ทำได้ ซึ่งสถานที่ที่ริวต้องรอจนกว่าจะเข้าไปคือที่พักสุดท้ายที่ตัวเองใช้อาศัยและเป็นที่รับความแค้นของตัวเองจากการสูญเสียไต ความอำมหิตของเรื่องนี้จะเห็นได้จากตัวละครใช้ความใจเย็นควบคู่กับสิ่งที่สยดสยอง เช่น แก๊งค้าอวัยวะที่ถูกริวฆ่าไม่ใช่แค่มาเพื่อจบชีวิตเท่านั้น แต่รวมถึงการเอาคืนไตที่ตัวเองเสียไปด้วยการชำแหละไตของพวกนั้นมากิน ในความโรคจิตอาจเกิดขึ้นกับคนสติไม่ดีแต่บางครั้งคนที่มีสติครบถ้วนอยากทำอะไรที่คนปกติทำไม่ได้เพราะเป็นหนทางถึงอารมณ์ที่ขีดสุด ในฉากกินไตไม่เห็นหรอกว่าหน้าตาไตเป็นยังไงหรือขั้นตอนชำแหละที่น่าจะสยดสยองสุดเลือดสาดมีวิธีแบบไหน สิ่งที่เห็นคือริวกำลังเคี้ยวบางอย่างโดยมีเลือดติดที่ริมฝีปากพร้อมอาการฝืนตัวเองในการกลืน ที่รู้ว่าไตหายไปได้อย่างไรและไปไหนนั้นมาจากการสืบสวนของตำรวจที่พบว่าถูกชำแหละเอาไตไป ส่วนที่หายไปไหนดูได้จากสิ่งที่ดองจินมาดักรออยู่ที่บ้านและพบกล่องรักษาความเย็นที่บรรจุอวัยวะถูกเปิดออกมาโดยมีมีดและเขียงที่ผ่านการเฉือดอย่างชัดเจน
ความน่ากลัวที่สุดของเรื่องนี้ไม่ใช่การกระทำที่โหดเหี้ยมที่มีให้เห็น แต่เป็นสิ่งที่ไม่ยอมเอยปากออกมาหรือเผยฉากให้เห็นอย่างต่อเนื่อง จะสังเกตว่าเรื่องนี้มีวิธีการเล่าเรื่องเป็นเส้นตรงแต่อาศัยการตัดต่อที่บางทีเว้นช่วงจนไม่ประติดประต่อ ในช่วงที่เว้นหรือปล่อยว่างไว้คือความน่ากลัวที่เห็นกับจินตนาการของผู้ชมว่าเกิดขึ้นราวกับว่าเป็นโจทย์ที่ให้มาและมีคำตอบในตัวแค่ต้องแสดงวิธีทำให้ได้เท่านั้น ซึ่งมีหลายฉากปล่อยให้เกิดอาการฟุ้งซ่าน เช่น ริวเสียไตได้อย่างไรในเมื่อไปขอดีๆแล้วจู่ๆตัดฉากมาที่นอนอยู่กับพื้นในสภาพไร้เสื้อผ้านอกจากรอยเย็บที่เอวที่บ่งบอกถึงการถูกขโมยไต การตายของยูซูนที่วิ่งไปหาริวแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนอกจากตกน้ำและตะเกียกตะกายจนในที่สุดได้ลอยน้ำเพราะไร้ชีวิตเนื่องจากขาดความใจใส่ดูแล ช่วงชีวิตของยองมิที่ถูกดองจินทรมานที่รู้แค่ว่าโดนจับนั่งเก้าอี้และถูกไฟฟ้าช็อต ฉากต่อสู้ระหว่างริวกับแก๊งค้าอวัยวะที่เห็นได้ไม่หมด และฉากสุดท้ายที่เห็นแค่สิ่งที่กองกับพื้นก็บอกว่าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่ต้องบอกให้ฟังว่าโหดเหี้ยมถึงที่สุดแค่ไหน แทบจะเรียกว่าถ้าเผลอไม่เข้าใจหรือไม่ตั้งใจดูอาจสื่อเรื่องราวของหนังผิดไปหรืองุนงงสิ่งที่เกิดขึ้น ตรงกันข้ามหากเข้าใจและเก็บรายละเอียดคิดตามไปด้วยจะพบว่ามันโหดร้ายถึงที่สุด
อาจเป็นข้อดีที่ทำให้น่าติดตาม แต่เป็นข้อเสียที่น่าเสียดายที่ถูกทิ้งบางช่วงบางตอนจนไม่มีความเข้าใจในบางฉากเท่าไรนักแม้จะทำให้หลายสิ่งดูง่ายแล้วก็ตาม นอกจากการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างเล่นเทคนิคพอตัวแล้วยังเน้นอารมณ์ให้ออกมาเข้มข้นจนสิ่งที่เรียกว่าหม่นหมองจิตใจประเดิมกันไม่กี่นาทีแรกจนเข้าใจเลยว่าโลกนี้หาอะไรที่ขาวสะอาดไม่ได้ ทุกอย่างต้องเปื้อนสีอื่นด้วยเสมอ ส่วนจะเปื้อนมากเปื้อนและสีอะไรนั้นก็แล้วแต่คนกับเหตุการณ์ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้คือแรงจูงใจให้ทำอะไรต่อเฉกเช่นเรื่องนี้ที่ตัวละครเจออะไรมาบ้างและรู้สึกอะไรจนต้องทำอย่างนั้น ยอมรับว่าสิ่งที่น่ากลัวคือความประมาทเพราะนำไปสู่การสูญเสีย ทั้งการสูญเสียนำไปสู่การสะเทือนจิตใจ เมื่อสะเทือนใจก็สุดแล้วแต่ผลลัพธ์ของความรู้สึกนั้นจะกระทำยังไงต่อ อย่างหนึ่งที่พอรับรู้คือเรื่องของการกระทำที่มีผลต่อเนื่องอย่างไม่มีสิ้นสุด เมื่อเดินทางมาถึงช่วงหนึ่งจะมีตัวเลือกระหว่างแก้แค้นกับให้อภัย แน่นอนว่าการให้อภัยเท่ากับหยุดความรุนแรงแต่จะทำได้หรือไม่ในเมื่อความเจ็บปวดเป็นตัวนำมาสู่การแก้แค้น อันนี้บอกเลยว่าการแก้แค้นไม่ใช่ทางออกเสมอไป ในทางกลับกัน Sympathy for Mr. Vengeance ได้สั่งสอนอย่างดีเรื่องการทำร้ายจิตใจด้วยตอนจบที่เกินคำบรรยาย เป็นการสอนถึงเรื่องการแก้แค้นที่ควรจบลงแบบไหนอย่างไร เชื่อว่าหลายคนต้องเดาทางตอนจบไม่ถูกแบบเดียวกับที่ไม่น่าเกิดสาเหตุของเรื่องได้ มันหนักหน่วงและสะเทือนใจอย่างที่สุด