I Am A Hero (2015)
ข้าคือฮีโร่
Director: Shinsuke Sato
Genres: Action | Comedy | Horror
Grade: B+
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"
บอกข้างต้นเลยว่าการรับชมหนังเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวกับฉบับมังงะแต่อย่างใดเพราะไม่เคยอ่านมาก่อน(แต่หลังจากดูเรื่องนี้จบก็บอกว่าตัวเองพลาดซะแล้วกับการ์ตูนเรื่องนี้) ซึ่งเนื้อเรื่องไม่ได้แตกต่างอะไรกับหนังซอมบี้ทั่วไปที่มีคนติดเชื้อและผู้รอดชีวิต ทว่าสิ่งที่เป็นมากกว่าซอมบี้คลุ้มคลั่งหรือการลืมตัวตนของสติสัมปะชัญญะที่หลายต่อหลายเรื่องมักทำกันจะแตกต่างออกไปคือการดึงส่วนที่ตัวเองอัดอั้นอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเรื่องรัก เรื่องงาน แม้กระทั่งสิ่งที่ตัวเองชอบจะกลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่ระลึกได้ การติดเชื้อจะเหมือนซอมบี้ทุกอย่างตามคอนเซ็ปต์กัดแล้วเป็น แต่ที่เพิ่มเข้ามาคืออารมณ์ที่แสดงออกอย่างป่าเถื่อน สามารถพูดได้แต่ออกมาในเชิงลบ มีความนึกอยากฆ่าอย่างเดียว ซึ่งเชื้อไวรัสตัวนี้มีชื่อเรียกว่า ZQN
ฮิเดโอะ ซูซูกิ (Yô Ôizumi) ชายที่ใช้ชีวิตไปวันๆกับอาชีพเขียนการ์ตูนที่เป็นได้แค่ผู้ช่วยที่ไม่อาจขึ้นตำแหน่งนักเขียนการ์ตูนได้เพราะความไม่เอาไหนของตัวเอง จากความไม่สำเร็จทำให้กลายเป็นคนขาดความมั่นใจจนมีอาการคิดไปเองในโลกจินตนาการอยู่ประจำ ฮิเดโอะไม่มีอะไรที่ดีกว่าใครอื่นได้เพราะไม่มีความแน่วแน่ของตัวเองและหลงอยู่ในจินตนาการที่กล้าได้แค่ในความคิดแต่ทำจริงไม่ได้ ทว่าเรื่องของชายที่ไม่เอาไหนเพราะขาดความกล้าต้องประสบเรื่องที่เลวร้ายเมื่อเชื้อไวรัส ZQN ได้ระบาดในประเทศญี่ปุ่น เจ้าเชื้อไวรัสนี้เองได้พรากคนสำคัญมากมายไปต่อหน้าฮิเดโอะอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ขนาดคนทั้งเมืองต้องวิ่งหนีเชื้อไวรัสนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งได้เพื่อนร่วมทางเป็นเด็กสาวมัธยมปลายชื่อว่าฮิโรมิ ฮายาคาริ (Kasumi Arimura) ที่หนีตายมาด้วยกันอย่างบังเอิญ
เคยดู Gantz ที่ดัดแปลงจากมังงะเป็นฉบับหนังมาก่อน ด้วยฝีมือของผู้กำกับ Shinsuke Sato ทำให้มั่นใจเรื่องอารมณ์ที่เข้มข้นถอดจามังงะให้สนุกได้ในโลกของหนังที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน แม้จะไม่เคยอ่านมังงะมาก่อนแต่พอมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อยในเรื่องของลูกเล่นหรือความกลมกลืนที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างอารมณ์ขันในยามคับคัน ความเหมาะเจาะที่พอดิบพอดีทำให้ช่วงแรกของการเล่าเรื่องเป็นไปอย่างลื่นไหลทั้งที่หลายอย่างตายตัวจนเดาได้ ส่วนจะยังไงนั้นในช่วงแรกจะพูดถึงชีวิตฮิเดโอะที่แสนเหนื่อยล้ากับการจมปลักอยู่กับที่จนชีวิตคู่รักไม่มีความสุข แน่นอนว่าการเกริ่นเรื่องราวชีวิตที่แสนรันทดล้วนมาจากเขาเป็นส่วนใหญ่ นั้นจึงเป็นคำตอบว่าทำไมถึงไม่ได้ดีอย่างคนอื่น แม้แต่การสานฝันเป็นนักเขียนการ์ตูนชื่อดังยังไม่อาจทำได้ ด้วยความผิดหวังต่อการดำเนินชีวิตจึงมักจินตนาการถึงอีกด้านของตนเพื่อปลอบใจแม้จะเป็นเรื่องโกหกก็ตาม
ด้วยภาพลักษณ์ของชายขี้แพ้ที่แม้จะพยายามก็ไม่อาจให้อยู่สูงกว่าเดิมจนมีสภาพที่ยอมแพ้ต่อความเป็นจริงและสร้างตัวตนอีกด้านที่ตรงกันข้ามเป็นการปลอบใจตัวเอง ทั้งหมดนี้คือบทของพระเอกในเรื่องที่ไม่ได้มีความกล้าหรือคิดเผชิญต่อปัญหาแต่อย่างใด จุดเด่นของฮิเดโอะมีปืนลูกซองที่พกติดตัวหลังจากเชื้อไวรัส ZQN ระบาด ทว่าปืนที่พกมาไม่ต่างกับไม้ที่ถือให้หนักโดยเปล่าประโยชน์ นั้นเพราะฮิเดโอะแทบจะไม่เคยได้ใช้ยิงเลยสักครั้ง(เว้นในจินตนาการ) ด้วยความเป็นคนขาดความกล้าจึงเป็นเรื่องตลกที่คนอย่างเขาสามารถอยู่รอดมาได้ แต่การอยู่รอดของฮิเดโอะไม่ได้มีแค่เขาเพียงลำพังเพราะกว่าจะพ้นวิกฤติมาได้ต้องจับพลัดจับผลูมาเจอกับฮิโรมิที่เผอิญร่วมทางกันอย่างไม่ตั้งใจก่อนจะมารู้ทีหลังว่าเธอได้ติดเชื้อ ซึ่งประเด็นต่อจากนี้ช่วยทำให้มิติซอมบี้สนุกมากขึ้นและไม่ใช่ทุกครั้งที่เชื้อไวรัสคือสิ่งเลวร้ายเสมอไป
ฮิโรมินับเป็นตัวละครที่ขาวสะอาดที่สุดในเรื่องจากความอ่อนโยนและท่าทางจนกลายเป็นมุมน่ารักของเรื่องที่ช่วยให้ความเลวร้ายของหนังเบาลงอย่างน่าเหลือเชื่อ ทว่าในขณะที่ทุกอย่างไปได้ดีก็ต้องประสบเรื่องน่าหดหู่เพราะฮิโรมิติดเชื้ออยู่ก่อน ที่แสดงอาการช้ากว่าคนอื่นเพราะติดเชื้อมาจากเด็กจึงอาจรับเชื้อมาไม่มาก กระนั้นสุดท้ายฮิโรมิต้องกลายเป็นซอมบี้ในที่สุด การตัดสินใจเลือกของฮิเดโอะที่ต้องทิ้งฮิโรมินับเป็นการทำร้ายจิตใจช่วงหนึ่งเพราะทุกอย่างอยู่ในช่วงพักจากวิกฤติที่ถาโถมอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นเรื่อง แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ฮิโรมิแตกต่างจากซอมบี้ทุกตัวคือการปรากฎกายช่วยฮิเดโอะให้พ้นจากซอมบี้ตัวอื่น ซึ่งตัวฮิโรมิที่เป็นซอมบี้ไม่ได้มีอยากกัดหรืออาละวาดอย่างที่คนอื่นติดเชื้อ จากข้อสังเกตเกี่ยวกับเชื้อไวรัส ZQN ไม่ใช่แค่เปลี่ยนจากอีกคนเป็นอีกคนอย่างคลุ้มคลั่ง แต่เปลี่ยนแม้กระทั่งนิสัยที่ดึงส่วนลึกในจิตใจออกมา นับว่าแปลกกว่าหนังซอมบี้หลายๆเรื่องที่ดูจนคุ้นตา
สำหรับฮิโรมิเด็กสาวบริสุทธิ์ไม่ได้คาดหวังอะไรกับชีวิตมากนัก แต่สิ่งสุดท้ายที่เธอขอคือการอยากปกป้อง อยากให้ความเลวร้ายหายไป ซึ่งผลลัพธ์ออกมากลายเป็นซอมบี้ที่แปลกกว่าทุกตนตรงที่ไม่มีความกระหายใดๆทั้งสิ้น ตลอดจนการแพร่เชื้อที่ไม่นึกอยากกัด กระนั้นต้องแลกกับจิตสำนึกที่หายไปจนมีสภาพไร้ตัวตน ไม่รู้ว่าคือใครทำอะไร เป็นหุ่นยืนนิ่งพร้อมกับสำนึกเพียงอย่างเดียวคือปกป้อง ซึ่งในเรื่องจะเห็นว่านอกจากฮิโรมิแล้วยังมีซอมบี้อีกหลายประเภท เช่น ซอมบี้บ้างาน ซอมบี้บ้าช้อปปิ้ง ซอมบี้บ้ากีฬา และอีกหลายรูปแบบที่เห็นตั้งแต่ตนเรื่องจนไม่ซ้ำบุคลิกตามผลข้างเคียงของเชื้อไวรัสที่ดึงห้วงสุดท้ายก่อนตายมาเป็นพฤติกรรมแฝง(นึกซะว่าคือเรื่องค้างคาใจก่อนตายคงไม่ผิด)
ยาบุ โอดะ (Masami Nagasawa) พยาบาลสาวที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตกับคนที่เหลือรอดบนหลังคาคือรูปแบบการดำเนินชีวิตเพื่อความอยู่รอดอย่างหนึ่งด้วยการอยู่กันเป็นสังคม มีแบ่งหน้าที่การงานเป็นอย่างดี ทว่าสังคมที่มากหน้าหลายผู้คนย่อมมีความแตกต่าง ภายในลึกๆยังมีเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่มีใครดีไปซะทุกคน เช่นเดียวกับฮิเดโอะที่แม้จะใจดีต่อคนอื่นมากแค่ไหนก็ยังขาดคุณสมบัติความกล้าโดนมองเป็นคนไร้ประโยชน์เพราะใช้ปืนไม่เป็น(ยิงได้แต่ไม่กล้ายิง) ดังนั้นเมื่อปืนที่เป็นของหายากไม่เคยถูกใช้ไหนเลยจะไม่อยากได้ หลังจากฮิเดโอะร่อนเร่จนพบกลุ่มคนรอดชีวิตก็ได้เป็นเป้าสายตาแก่อิอุระ (Hisashi Yoshizawa) หัวหน้ากลุ่มคนรอดชีวิตบนหลังคาที่ทีแรกมาเป็นมิตรแต่ต้องขัดใจกันด้วยอำนาจเพราะปืนของฮิเดโอะเป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุดเท่าที่หาได้ แน่นอนว่ายาบุไม่เห็นด้วยที่ต้องแย่งปืน แต่ไม่อาจห้ามสิ่งที่เกิดขึ้นได้เพราะส่วนหนึ่งก็เพื่อความอยู่รอดของคนอื่นๆในกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้ปืนไปหาเสบียงที่เสี่ยงต่อชีวิตที่อย่างน้อยก็ช่วยจัดการซอมบี้ได้ดีกว่าอาวุธบ้านๆที่พวกเขามี
หลายอย่างเล่าเรื่องได้ตามคอนเซ็ปต์หนังซอมบี้คลับคล้ายคลับคลาหยิบจุดเด่นของหนังซอมบี้มารวมอยู่ที่เดียวกันอย่างลงตัว แต่ยังมีบางช่วงที่หาหนทางการดำเนินเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อไปบ้างช่วงผจญภัยในป่ากับการเอาตัวรอดของฮิเดโอะกับซอมบี้ฮิโรมิ แม้จะเป็นห้วงเวลาอธิบายความสัมพันธ์ของทั้งสองระหว่างมนุษย์กับซอมบี้ที่ไม่น่าอยู่ร่วมกันได้ แต่บางอย่างรู้สึกล่าช้าเกินไปและประเด็นนี้ค่อนข้างบอบบางในช่วงหลังอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่มองว่าฮิโรมิเป็นซอมบี้อยู่ร่วมกับฮิเดโอะไม่ได้รับการถ่ายทอดอย่างเต็มที่ผ่านสายตาตัวละครอื่นๆ ดังนั้นความน่าเชื่อถือนอกจากผู้ชมที่เห็นกับตาก็ไม่อาจบอกได้ว่ากับคนอื่นจะรู้สึกยังไง จะซอมบี้หรือคนติดเชื้อต้องถูกกำจัดอยู่ดี
กับคนอื่นต้องกำจัดเพราะเป็นอันตรายแต่กับยาบุเริ่มเข้าใจฮิเดโอะและเห็นความผิดปกติของฮิโรมิที่ไม่เหมือนซอมบี้ทั่วไปตรงที่มีสิ่งที่บ่งบอกการมีชีวิต จากประเด็นนี้ได้สอดแทรกการมองคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอันตรายไม่น่าไว้วางใจ กระนั้นเนื้อแท้คือมิตรที่ดีและควรปกป้องเอาไว้ ซึ่งคือฮิโรมิที่เป็นซอมบี้ก็แค่ภายนอกแต่ข้างในยังมีความเป็นมนุษย์ไม่มากก็น้อย ไม่ต่างกับยาบุอดีตพยาบาลที่ต้องมีจรรยาบรรณของตัวเองต่อผู้ป่วยแม้จะเสี่ยงมากแค่ไหนแต่ถ้าได้ลองพิสูจน์หาคำตอบแล้วอาจจะได้มากกว่าที่คิดก็ได้ การดูแลฮิโรมิที่หลายคนเกลียดชังแต่สำหรับยาบุคือคนที่ต้องรับการดูแลเป็นพิเศษจึงจะถูกต้อง
ไม่ว่าจะมุมไหนของเรื่องย่อมไม่พ้นเรื่องของฮิเดโอะกับความกล้าของตัวเองที่ยังเป็นปัญหาระหว่างชัยชนะกับพ่ายแพ้ ซึ่งโดยแล้วมักจะค่อนเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า การเป็นผู้แพ้คือภาพลักษณ์ของฮิเดโอะที่ดีแค่ไหนยังขาดการเผชิญปัญหาด้วยตัวเองเพียงลำพัง ดังนั้นความพยายามเป็นพระเอกของเขาจึงได้แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้น สำหรับชื่อ"ฮิเดโอะ"ในภาษาญี่ปุ่นตัวคันจิ"英雄"แปลว่า"ฮีโร่" ชื่อนี้จะไม่จริงเลยหากยังไม่รู้จักคำว่ากล้า ฉะนั้นสิ่งที่ตัวหนังพยายามถ่ายทอดคือความเป็นฮีโร่ผ่านความกล้าของฮิเดโอะ จะได้เห็นถึงการฝืนความกลัวของตัวเอง การเผชิญปัญหาที่มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่ทำได้ ฉากซ่อนตัวในตู้เก็บของที่อยากออกไปหลายครั้งหลายคราแต่ติดที่ยิ่งจินตนาการตอนออกไปเท่าไรยิ่งพบว่าตัวเองเป็นเหยื่อซอมบี้ทุกครั้ง นับเป็นฉากที่กลั่นใจทั้งกล้าและกลัวในเวลาเดียวกัน
I Am A Hero คือหนังซอมบี้สัญชาติญี่ปุ่นที่แปลกกว่าหนังซอมบี้หลายเรื่องตรงตัวตนของซอมบี้ไม่ใช่พวกกระหายเลือดเนื้อเสมอไป การติดเชื้อไวรัสไม่ได้ส่งผลแบบซ้ำซากด้วยอาการคลุ้มคลั่งจนขาดมิติตัวละครเพราะแฝงพฤติกรรมยึดติดในอดีตราวกับจมปลักแต่เรื่องเดิมๆ กระนั้นหลายอย่างที่สดใหม่ก็ไม่อาจหนีพ้นพล็อตเรื่องการเอาตัวรอดที่ไม่แตกต่างกันมากเท่าไร การมุ่งเน้นไปที่ตัวละครที่มีปมด้อยถือว่าจับจุดได้อย่างดี น่าเสียดายที่ปมประเด็นดังกล่าวไม่ได้รับการถ่ายทอดที่หนักแน่นพอในส่วนด้านมืดของจิตใจมนุษย์ ในเรื่องไม่ใช่ทุกคนจะเป็นคนดีและไม่ใช่ทุกคนจะเป็นคนเลว ในตอนท้ายจะเห็นอะไรหลายอย่างไม่ว่าจะการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ความเห็นแก่ตัว การช่วยเหลือ ความไว้ใจ และความกล้าที่กลายเป็นหัวใจหลักของเรื่องผ่านตัวฮิเดโอะ ยอมรับเป็นหนังซอมบี้ที่สนุกและตื่นเต้นตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นความสดใหม่ที่อาจไม่ถึงกับแปลกซะทีเดียวก็ไม่ถือจำเจกับความรู้สึกเดิมๆของแนวซอมบี้ จัดว่าคุ้มจนต้องหามังงะมาอ่านเสริมเนื้อเรื่องกันหน่อยล่ะ