Razorback (1984)
ไอ้เขี้ยวตันพันธุ์สยอง
Director: Russell Mulcahy
Genres: Horror | Thriller
Grade: C
ก่อนทำหนังซอมบี้ใน Resident Evil: Extinction (2007) ตัวผู้กำกับเคยทำหนังสัตว์กินคนมาก่อน ซึ่งไม่ใช่งูยักษ์หรือจระเข้หรือสัตว์ดุร้ายที่ต้องอยู่ห่างให้ไกลจากอันตรายแต่เป็นหมู! ฟังไม่ผิดถ้าหมูจะฆ่าคนได้เพราะหมูในเรื่องนี้เป็นหมูป่าแถมยังเป็นหมูป่าที่มีเขี้ยวที่ใหญ่โตในระดับที่ขย้ำคนได้สบายๆ ทว่าจะด้วยอะไรก็แล้วแต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาสำหรับหมูป่าในเรื่องนี้ที่ถูกกล่าวเป็นพันธุ์ผสมฉายา"ราซอร์แบ็ค"คือพละกำลังมหาศาลสามารถวิ่งทะลุบ้านหายไปทันที ซึ่งความน่ากลัวนี่เองได้สร้างบาดแผลแก่เจค คัลเลน (Bill Kerr) นายพรานผู้มีความแค้นเพราะถูกพรากหลานไปต่อหน้าต่อตาอย่างมิอาจลืมลงได้
คาร์ล วินเทอร์ส (Gregory Harrison) เดินทางมายังเมืองดาวน์อันเดอร์เพื่อตามหาภรรยา (Judy Morris) ที่หายสาปสูญไปหลังจากมาทำข่าวอนุรักษ์สัตว์ท่องถิ่น ซึ่งเขาได้ตามสืบจากทุกคนที่ช่วยได้และไปพบกับดีโก้ (David Argue) และเบ็นนี่ (Chris Haywood) สองพี่น้องเบเกอร์ที่ทำอาชีพแล่เนื้อในโรงงานเก่าแห่งหนึ่งที่เหมือนจะช่วยคลี่คลายข้อมูลแต่ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเพราะความเพี้ยนเกินคาดเดาของพี่น้องคู่นี้ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย กระทั่งคาร์ลต้องมาเจอกับซาร่าห์ คาเมรอน (Arkie Whiteley) ที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตโดยหนึ่งในความน่าสนใจคือหมู ทว่าหมูตัวนี้ไม่ใช่หมูพันธุ์ธรรมดาเพราะเป็นหมูที่สามารถคร่าชีวิตคนมาแล้ว
อารมณ์ของหนังมาแบบทุนต่ำที่สุดของที่สุด แต่ยังดูมีทุนและองค์ประกอบครบถ้วน ส่วนที่ทำให้คิดเช่นนั้นเพราะลักษณะแห้งแล้งหลุดมาจากแอฟริกา แทบไม่มีอะไรที่ดูใหม่หรือเจริญตาเลย(เว้นฉากคาร์ลเดินโซซัดโซเซมาเจอซาร่าห์ตอนอาบน้ำ แน่นอนว่าเป็นฉากเซอร์วิสกระตุ้นสายตาเลยทีเดียว) ด้วยความที่ถ่ายทอดออกมาเก่าและแห้งแล้งในแบบชนบทห่างไกลไม่มีอะไรที่ทันสมัยจึงรู้สึกอึดอัด เป็นความรู้สึกอึดอัดให้กับฉากต่างๆระหว่างเมืองกับชนบทกับวิถีชีวิตคนละด้าน แม้การดูจะชวนให้กระหายน้ำแต่บางคนอาจไม่นึกกอยากรับประทานสิ่งใดเพราะเรื่องนี้ค่อนข้างมีความแหวะอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะโรงงานชำแหละเนื้อหมูที่ทรุดโทรมสนิมเขรอะจนเหมือนขอยืมใช้อาศัยมากกว่า โดยความแหวะไม่ได้อยู่ที่ชวนสยองแต่เป็นความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเนื้อที่ผ่านกรมวิธีที่ไม่สะอาดเลยสักนิด
ด้วยความที่ทุนต่ำตามประสาหนังสยองขวัญเกรดบีจึงเน้นไปที่ฉากวับๆแวบๆไม่เห็นตัวเต็มกันเท่าไร เต็มที่จะเห็นใบหน้าของราซอร์แบ็คที่ใหญ่จนน่ากลัวตอนอยู่ใกล้(แม้จะเป็นเพียงหน้าหมูป่าธรรมดาๆ) ส่วนความสยองนองเลือดไม่มีให้เห็นเท่าไรยกเว้นฉากเดียวกับฉากเปิดตัวด้วยการพังประตูรถยนต์จนยับเยิน จากนั้นเข้าไปขย้ำเหยื่อในรถอย่างไม่ปรานี ซึ่งฉากนี้ให้อารมณ์วิตกและเปล่าเปลี่ยวได้ดีเพราะอยู่ในช่วงที่ตัวละครซวยซ้ำซ้อน หนีจากคนมาแทบตายต้องมาตายจริงๆเพราะโดนหมูยักษ์แทะ มองแล้วการเขียนอ่านหรือเล่าให้ฟังว่าเป็นหมูป่ายักษ์คงนึกสภาพไม่ค่อยออกว่าน่ากลัวตรงไหน ก็แค่หมูอ้วนๆมีเขี้ยวไม่มีอะไรที่ฉายแววความอำมหิตเลือดเย็น แต่เรื่องนี้ผู้กำกับถ่ายทอดอารมณ์ได้ถึง แม้จะเป็นหมูแต่คือตัวอันตรายแทบเท่ากับสัตว์ชนืดอื่นในโลกภาพยนตร์เลยทีเดียว
Razorback เป็นหนังสัตว์กินคนที่อาจจะแปลกแหวกแนวไปซะหน่อยเพราะเป็นหมูป่าจึงไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวที่ตัวหนังนำเสนอเท่าไร แต่ด้วยคำสบประมาทนี้ทำได้เกินความคาดหมายในเรื่องของอารมณ์ความน่ากลัวและสยองขวัญสั่นประสาท (สั่นจริงๆนะเวลาราซอร์แบ็คโผล่มาจะสั่นทั้งภาพเหมือนแผ่นดินไหว ประมาณว่านี่คือหมูที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัวจนตัวสั่นผวา) ส่วนความสยองกลิ่นคาวเลือดมีน้อยเหมือนจะเน้นไปที่ความลึกลับ แต่บางจังหวะรู้สึกธรรมดาและทะแม่งๆในตอนที่นายพรานเจคไปเจอราซอร์แบ็คและยิงกะตายให้ได้ แต่ผลคือหนังเหนียวและหนีไปได้ ซึ่งฉากหนีเป็นอะไรที่น่าจะไล่ตามทันแต่ปล่อยไปดื้อๆ ส่วนในเรื่องความสยองพอได้แต่ไม่มาก จะหนักไปทางถ่ายทอดอารมณ์แก่คนดูมากกว่า
โดยสรุปไม่ต้องไปคาดหวังอะไรมากเพราะเน้นทุนต่ำแต่ดีที่ว่ามีความพิถีพิถันอยู่บ้างจึงน่าติดตามแม้บางจุดจะรู้สึกถึงความเพลียของหนังที่เดี๋ยวอ่อนเดี๋ยวแข็ง โดยเฉพาะพระเอกของเราที่ทำตัวไม่สมเป็นพระเอกสักเท่าไร แต่บทหนังเหมือนเขียนมาให้ตัวละครดูธรรมดาไปหน่อย จึงไม่มีจุดเด่นจุดยืนอะไรเลยนอกจากปมให้ดูมีมิติและเรื่องราว ไม่งั้นจะไปตามฆ่าหมูป่าพันธุ์ผสมกันทำไม โดยรวมระทึกขวัญพอประมาณ มาได้ดีตรงบรรยากาศคือของเด่นที่ประคับประคองจนไปตรอดถึงฝั่ง สุดท้ายที่ฮาหรือน่ากลัวคือฉากหนีฝูงหมูจนขึ้นไปหลบบนกังหันลม คือแบบก็หมูธรรมดานี่แหละ ดีไม่ดีเป็นลูกหมูไม่รู้น่ากลัวตรงไหน ถือเป็นฉากที่ไม่รู้ว่าจะเอาอารมณ์ไหนดีระหว่างน่ากลัวกับน่ารัก