The Extraordinary Adventures of Adele Blanc-Sec (2010)
พลังอะเดลข้ามขอบฟ้าโค่น 5 อภิมหาภัย
Director: Luc Besson
Genres: Action | Adventure | Comedy | Family | Fantasy | Mystery
Grade: B+
พอดูจบก็เผลออุทานเกี่ยวกับชื่อไทยที่ตั้งได้อลังการงานสร้างมากโดยเฉพาะตรงคำ"โค่น 5 อภิมหาภัย" แต่พอเอาเข้าจริงไม่รู้ว่าไปโค่นอะไรมาบ้างเหมือนจะยังขาดๆหรือหาไม่เจอก็ไม่รู้เพราะจุดเด่นมีนกยักกับมัมมี่ที่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหมดแค่สองอย่าง แต่เรื่องนั้นไม่ต้องไปสนใจให้มากเพราะที่สนใจจริงๆคือสไตล์ของตัวหนังที่เปิดเรื่องการหาขุมทรัพย์ในพีระมิดด้วยอารมณ์ก้ำกึ่งเหมือนอินเดียน่าโจนส์มาเองจนต้องอยากหยิบชุดหนัง Indiana Jones มาดูต่อทันที ทว่าตัวละครเอกไม่ใช่ผู้ชายที่พร้อมลุยทุกอุปสรรคแต่เป็นผู้หญิงเนื้อหอมที่วางตัวสุดห้าวจัดการทุกสถานการณ์และมีส่วนผสมของจอมโจรชื่อดังลูแปงที่สาม
ต้องชื่นชมที่ผู้กำกับ Luc Besson ทำฉากออกมาได้สวยตามสไตล์ฝรั่งเศลที่งดงามและพิถีพิถันด้านศิลป์ แต่กว่าจะได้เรื่องนี้มาทำหนังถือว่านานพอดูเพราะต้องโน้มน้าว Jacques Tardi เจ้าของคอมมิคถึง 6 ปีจนใจอ่อน โดยเรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปี 1912 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเกี่ยวกับนักข่าวสาวนามว่าอะเดล บลอง-เซ็ค (Louise Bourgoin) ผู้เดินทางผจญภัยเที่ยวรอบโลกเพื่อหาทางช่วยชีวิตคนรักของเธอ ซึ่งเป็นน้องสาว (Laure de Clermont-Tonnerre) ที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้เนื่องจากกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไม่รับรู้คืนวันเพราะประสบอุบัติเหตุที่ส่งผลให้อะเดลต้องหาทุกวิธีทางมารักษาแม้จะเก่าแก่โบราณกาลแค่ไหนก็ตาม
อย่างที่เอยข้างต้นว่านี่คืออินเดียน่าโจนส์ฉบับหน้าสวย ด้วยการประเดิมหาสมบัติในพีระมิดท่ามกลางทะเลทรายและสารพัดกับดัก ทว่าสิ่งที่แตกต่างออกไปคือไม่ล่าสมบัติเพื่อปกป้องหรือสะสมเข้าพิพิธภัณฑ์แต่เป็นการนำมาสะสมเพื่อนำมารักษาน้องสาว ซึ่งวิธีการนั้นเป็นความคิดของมาริ-โจเซฟ เอสเปรองดิยอ (Jacky Nercessian) นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบการใช้พลังจิต แต่การลองใช้พลังจิตทำให้ไปนึกทดลองกับไข่ไดโนเสาร์ยุคดึกดำบรรพ์จนฟักเป็นตัวออกมากลายเป็นนักยักบินหนีไป "เทโรแดกทิล"ที่ไม่นานได้มีคนพบเห็นและสร้างความหวาดผวาไปทั่วปารีส นั้นจึงทำให้มาริกลายเป็นผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมและอะเดลต้องตามช่วยเหลือเพื่อช่วยน้องสาวพร้อมกับจัดการนกยักอาละวาดไปพร้อมกัน
ช่วงแรกทำได้ตื่นเต้นตามสไตล์หนังล่าขุมทรัพย์ที่ต้องชิงไหวพริบก่อนจะขยับเรื่องราวเป็นกว้างขึ้นจากการผสมหลายๆแนวเอาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะประวัติศาสตร์เก่าแก่ นกยัก พลังจิตเหนือธรรมชาติ และมัมมี่ ซึ่งการหยิบสิ่งที่ไม่น่าจะเข้ากันให้ออกมาลงตัวลื่นไหล ไม่มีจุดไหนที่เกินล้ำเส้นจนเรื่องบางเรื่องหายไปยกเว้นในส่วนของนกยักที่อาจจะดูมีบทบาทมากกว่าเรื่องอื่นๆเพราะเป็นตัวเด่นที่โชว์งานเทคนิค CGI ที่่ค่อนข้างแนบเนียน กระนั้นเรื่องราวของมัมมี่อาจจะดูน้อยไปหน่อยสำหรับบางคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอกันตั้งแต่ต้นเรื่อง ในส่วนของมัมมี่จะเป็นตัวเด่นอีกแบบที่โผล่มาในเรื่องทีกลายเป็นที่น่าจดจำทันทีเพราะเรื่องนี้วางมิติมัมมี่ที่เรารู้จักแตกต่างไปจากเดิมพอสมควร เอาเป็นว่าเห็นหน้าแห้งๆดูน่ากลัวแต่เอาเข้าจริงดูแล้วน่ารักและประทับใจอีกด้วย
ขณะเดียวกันต้องยอมรับในความฮาแสนตลกร้ายของอะเดลที่มักมีความกล้าและความคิดอันสุดโต่งไม่เหมือนคนอื่นจนมีนัยยะเรื่องเพศระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ปกติผู้ชายจะเป็นเพศที่โดดเด่นทำอะไรได้หลายอย่างจนน่ายกย่อง ส่วนผู้หญิงทำได้นอกจากเป็นแม่ศรีเรือนซะส่วนใหญ่ ถ้าว่ากันตามยุคสมัยถือเป็นเรื่องปกติที่เป็นเช่นนั้น แต่กับอะเดลเลือกจะแตกต่างออกไปด้วยการเป็นผู้หญิงที่ต้องทำได้ไม่แพ้ผู้ชาย ดังนั้นการที่ Louise Bourgoin รับบทเป็นอะเดลจึงชอบเป็นการส่วนตัวเพราะมีเสน่ห์แบบสวยห้าว มีหัวคิดกล้าเผชิญปัญหาและไม่ยอมใครง่ายๆดังฉากช่วยมาริจากคุกที่ต้องปลอมตัวเข้าออกไม่รู้เหนื่อยแม้จะถูกจับได้ทุกครั้ง นับเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์สวยและเก่งแบบไม่ต้องพึ่งใครก็ลุยคนเดียวยังไหว
The Extraordinary Adventures of Adele Blanc-Sec เป็นหนังผจญภัยผสมแฟนตาซีที่ทำได้ลงตัวขนาดที่จับแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องให้รวมเป็นเนื้อหาเดียวกันได้ทำให้ผลออกมาไม่ดูเละเทะและสรุปได้ลงตัว แต่บางช่วงบางจังหวะอาจจะดูน่าเบื่อไปบ้างตรงที่ตัวหนังพยายามจะเทความสนุกใส่ผู้ชมตลอดเวลาจนบางครั้งเหมือนจะดูเล่นมากไปหน่อย ยิ่งกับตัวละครบางตัวยิ่งชัดเจนเลยว่าสร้างมาเอาฮาจึงถูกลดความจริงจังไป แต่ประเด็นเรื่องตัวละครกับความฮาไม่ใช่ปัญหาอะไรนักเพราะมีส่วนช่วยผ่อนคลายให้ออกมาดูเพลิดเพลินแม้บางครั้งจะมากไปหน่อยก็ตาม โดยรวมเป็นหนังของผู้กำกับ Luc Besson ที่สนุกมากเรื่องหนึ่งและพยายามสื่อเรื่องเพศด้วยให้ตัวเอกเป็นผู้หญิง ที่สำคัญไม่ใช่ทุกฉากจะลงตัวตามที่เดาเอาไว้เสมอ ขนาดตอนจบยังสร้างเซอร์ไพรส์จนต้องร้องเสียงหลงเลยทีเดียว