The Gate (1987) ประตูผี ดูดวิญญานคน

The Gate (1987)
ประตูผี ดูดวิญญานคน
Director: Tibor Takács
Genres: Fantasy | Horror
Grade: B-

เหมือนจะเป็นหนังสยองขวัญที่น่ากลัวแต่ไม่อาจไปสุดได้เพราะตัวละครหลักและมุมมองล้วนเป็นเรื่องของเด็ก บางทีกับเด็กอาจเป็นหนังที่น่ากลัวในยามค่ำคืนตอนนอน แต่กับผู้ใหญ่อาจจะดูแปลกๆและเรื่องมากไปซะหน่อย ซึ่งเรื่องทั้งหมดเกิดจากหลุมปริศนาที่บ้านเกิดจากการโดนฟ้าผ่า ทำให้เกลน (Stephen Dorff) และเทอร์รี่ (Louis Tripp) สงสัยว่าหลุมนี้มีอะไรบางอย่างจนไปเจอวัตถุคล้ายไข่และทำแตกปรากฎตัวหนังสือบางอย่างที่เผลออ่านในทันที eหลังจากนั้นจุดเริ่มต้นความน่ากลัวที่แสนฝันร้ายได้เกิดขึ้นกับภายในบ้านของเกลน


จุดเด่นและจุดแข็งคือเทคนิค Motion Picture ที่ทำได้ต่อเนื่องลื่นไหล ในบางฉากมีความสมจริงทำแนบเนียน กลับกันบางฉากใช้เยอะเกินไป อย่างในช่วงท้ายปรากฎปีศาจตัวยักษ์แต่เผอิญด้วยหน้าตาและท่าทางค่อนข้างชอบกลจนไม่รู้จะสยองขวัญหรือตื่นตากันดี แต่จะด้วยอะไรก็ตามยอมรับว่าฉากเอฟเฟคต่างๆเก็บงานกันได้ดี มีความแปลกตาผสมผสานระหว่างสยองขวัญกับแฟนตาซีอยู่หน่อยๆ อารมณ์เหมือนจะกั๊กในบางฉากที่พยายามจะสยองขวัญสั่นประสาทแต่ก็พอเป็นพิธีเท่านั้น เสียดายที่มุมมองแอบให้เด็กดูมากกว่าผู้ใหญ่ อารมณ์จึงสนุกไม่สุด

แต่เรื่องของเรื่องก็เหมือนจะสะท้อนเกี่ยวกับเด็กหรือวัยรุ่นนั้นแหละเพราะเนื้อเรื่องบอกว่าเกลนต้องอยู่เฝ้าบ้านกับแอล (Christa Denton) พี่สาวที่ต่างคนต่างไม่สนิทกันด้วยวัยที่แตกต่างกัน จะสังเกตว่าแอลมักจะสนิทกับเพื่อนของเธอตามประสาวัยเดียวกัน จะไปไหนมาไหนหรือทำอะไรจะเนินห่างเกลนไปเสียหมด ส่วนเทอร์รี่ไม่ต่างกับเกลนที่ต้องอยู่คนเดียวจึงชอบอยู่กับเกลนในฐานะเพื่อนสนิท ทว่าเทอร์รี่มีจุดเด่นอย่างหนึ่งที่แตกต่างกว่าทุกคนในเรื่องคือชอบเรื่องลึกลับและที่สำคัญเป็นแฟนขาร็อคตัวยง นอกจากนี้ยังความรู้และความเชื่อเกี่ยวกับปีศาจอีกด้วย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมีเพียงเทอร์รี่ที่พอจะอธิายเรื่องทั้งหมดให้เข้าใจได้


ความสัมพันธ์ของตัวละครเป็นสิ่งที่แฝงมากับเรื่องครอบครัว เช่น เกลนกับพ่อ (Scot Denton) และแม่ (Deborah Grover) ที่ต้องห่างกันเพราะเรื่องงานจนไม่เหลือใครนอกจากเทอร์รี่ ซึ่งกับแอลหรือพี่สาวที่น่าจะสนิทมากกว่าไม่ได้ช่วยอะไร ในทางกลับกันแอบยังเชิญบรรดาเพื่อนๆมาร่วมจัดปาร์ตี้ในบ้านอย่างสบายใจโดยไม่สนคำตักเตือนของพ่อแม่ ทว่าประเด็นนี้ไม่มีอะไรที่ให้ข้อคิดการทำผิดในวัยรุ่นที่ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ แต่ความผิดระหว่างพี่สาวกับน้องชายที่ควรอยู่ใกล้กันให้มากกว่านี้ จากท้องเรื่องเกลนจะชอบเล่นของเล่นที่เป็นจรวดและมักชวนแอลเล่นด้วย ทว่าด้วยวัยที่แตกต่างจึงมีมุมมองคนละแบบในการดำเนินชีวิต อีกคนมีความคิดแบบเด็กหาความสนุกจากคนที่ตัวเองไว้ใจกับอีกคนหาความสนุกของกลุ่มเพื่อน

แม้ท้ายที่สุดประเด็นเรื่องครอบครัวจะไม่เด่นชัดหรือสรุปให้กระจ่างแต่ยังดีที่เห็นพัฒนาการของเกลนและแอลในทางที่ดีขึ้นจากอุปสรรคที่เข้ามา อีกทั้งยังเสมือนการต่อสู้ของเกลนที่พยายามเอาชนะความกลัวที่อยู่ต่อหน้า แม้การเอาชนะความกลัวจะดูไม่สมเหตุผลก็อย่าลืมไปว่านี่คือปมของเกลนที่มีให้เห็นกันตั้งแต่ต้นเรื่อง บางทีปีศาจที่ถูกปลุกขึ้นมาไม่ได้เกิดจากตัวปีศาจแต่เป็นเกลนเองที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอ ดังที่ว่าทำไมเกลนถึงต่อสู้กับปีศาจเช่นนั้นและทำไมปีศาจไม่ทำอะไรเกลน ดูไปดูมาเหมือนเป็นเรื่องของเกลนที่ต้องต่อสู้กับปีศาจโดยเนื้อแท้แล้วคือชีวิตของเขาเอง ไม่รู้หนังจะสื่อทางด้านไหนบ้างแต่โดยส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของสภาพจิตใจเพราะมีอยู่ฉากหนึ่งที่เทอร์รี่เจอแม่ของตัวเองที่เสียไปแล้ว ฉากนี้เหมือนสะท้อนจิตใจเทอร์รี่ที่อยากพบแม่และอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น


บางอย่างชวนให้นึกถึง Poltergeist (1982) เพราะมีฉากพูดถึงพลังเหนือธรรมชาติก่อนที่พลังนั้นจะสัมฤทธิ์ผลออกมาจริงๆกับการพูดถึงอดีตของบ้านที่ตัวเองอาศัยว่ามีคนตายแล้วไม่พบศพ(เมื่อพูดเช่นนี้ย่อมต้องหาเจอแน่นอน) แล้วไหนจะเรื่องครอบครัวที่ให้ภาพลักษณ์ออกมาดูเด็กแม้จะบอกว่าคือหนังสยองขวัญก็ตาม กระนั้นสิ่งหนึ่งที่หนังยังเดินหน้าไปหยุดหลังจากมาเรื่อยๆในช่วงแรกจนเนิบนาบในบางทีก็คือเรื่องราวสยองขวัญที่มาอย่างต่อเนื่องไม่ต้องหยุดพักหรือซ่อนตัวให้หายเหนื่อย บางครั้งจุดที่ถึงคราวสบายใจต้องเจอกับเซอร์ไพรส์เข้าอย่างจังแบบไร้ทางแก้หมดหนทาง จะเห็นว่าเรื่องนี้มีความจริงจังระดับหนึ่งแม้จะปรับให้ดูเด็กแล้วก็ตาม

The Gate หนังสยองขวัญที่ว่าด้วยหลุมปล่อยปีศาจและพวกเกลนต้องหยุดยั้งก่อนปีศาจจะยึดครองโลก ฉากยืนหน้าหลุมขับไล่ปีศาจก่อนที่จะออกฤทธิ์ชวนให้รู้สึกถึงความเป็นเด็กด้วยแนวคิดง่ายๆที่เชื่อจากหนังสือที่ตัวเองอ่าน แม้ยังไม่เกิดอะไรขึ้นแต่ความคิดของเกลนและเทอร์รี่เชื่อว่าต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน ถัดต่อไปกลายเป็นอีกความคิดเมื่อแอลเดินเข้ามาเห็นทั้งสองท่องบทสวดไล่ปีศาจต่อหน้าหลุม ซึ่งความคิดนี่ย่อมหนีไม่พ้นว่าเด็กกำลังเล่นสนุกอะไรสักอย่างกับของเล่นชิ้นใหม่ซึ่งก็คือหลุม นัยยะเกี่ยวกับเด็กและผู้ใหญ่ในเรื่องมีให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ แต่ที่ชอบคือการไม่เสียเวลาพาใครมาขับไล่ปีศาจในบ้านนอกจากต้องพึ่งตัวเองและจัดการในคืนนั้นทีเดียวแบบ Non-Stop


ด้วยเอฟเฟคและความต่อเนื่องในครึ่งหลังทำให้สนุกไม่น่าเบื่อแบบครึ่งแรก แต่ไม่ปฏิเสธที่ครึ่งแรกเป็นช่วงอธิบายตัวละคร ทว่าบางฉากยังดูล้นๆไปบ้างเกี่ยวกับเทอร์รี่ในฉากห้องนอนที่น่าจะเข้าเรื่องให้เร็วกว่านี้ หรือจะเร็วเกินไปกับฉากเปิดเรื่องที่อาจทำให้งงได้แม้จะเป็นการเล่าง่ายๆเกี่ยวกับความฝันของเกลนที่ตื่นขึ้นมาพบว่าเป็นเรื่องจริง และที่ไม่กระจ่างชัดคือฉากไคล์แม็กซ์ที่ค่อนข้างกำกวมว่าทำไมเพราะอะไรถึงเป็นเช่นนี้ บางทีการดูเรื่องนี้ที่ว่าง่ายตรงตัวยังต้องคิดหน้าคิดหลังเพราะอุดมไปด้วยการแฝงนัยยะสำคัญหลายอย่าง ยิ่งตอนจบยิ่งต้องคิดว่าเพราะอะไรปีศาจถึงโผล่มาไม่ทำอันตรายใดๆกับเกลนเลยหรือเพราะเป็นเด็กไม่งั้นจะจบง่ายเกินไป

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)