The Ghost and the Darkness (1996) มัจจุราชมืดโหดมฤตยู

The Ghost and the Darkness (1996)
มัจจุราชมืดโหดมฤตยู
Director: Stephen Hopkins
Genres: Adventure | Drama | Thriller
Grade: B-

เป็นการหยิบเค้าโครงจากเหตุการณ์จริงที่เขียนลงในหนังสือ The Man-Eaters of Tsavo ด้วยเนื้อหาการผจญภัยในป่าแอฟริกากับสิงโตกินคนที่ซาโว เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 1898 จักรวรรดิอังกฤษได้เริ่มสร้างสะพานทางรถไฟข้ามแม่น้ำซาโวในประเทศเคนยา โดยเป็นหน้าที่รับผิดชอบคือผู้พันจอห์น เฮนรี่ แพ็ตเตอร์สัน (Val Kilmer) นายทหารหนุ่มชาวไอริช-อังกฤษผู้เป็นวิศวกรคุมงานการสร้างสะพานทั้งหมด แต่ระหว่างสร้างสะพานยังไม่ทันเสร็จดีเกิดคนงานชาวอินเดียถูกสิงโตลากออกจากเต้นท์และถูกกินในเวลากลางคืน เรื่องไม่ได้เกิดแค่คืนเดียวหรือวันเดียวจนทำให้จอห์นต้องวางซุ้มยิงสิงโตที่เข้ามาทำร้ายคนงาน ไม่ว่าจะวางกับดักหรือซุ้มยิงจากบนต้นไม้ก็ไม่อาจจัดการสิงโตที่มา 2 ตัวนี้ได้ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นปีศาจแห่งซาโวชื่อมาร (Ghost) กับทมิฬ (Darkness) ที่ทุกคนต่างหวาดกลัว


นับเป็นหนังหายากเกี่ยวกับสัตว์กินคนหรือทำร้ายคนที่เป็นสิงโต ส่วนมากจะเป็นงู ฉลาม หรือสัตว์ที่น่ากลัวไม่ค่อยมีคนอยากเจอ จะว่าสิงโตก็ใช่จะไม่น่ากลัวแต่มุมมองหนึ่งเป็นสัตว์ที่มีฉายาถึงเจ้าแห่งป่า มีความน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย ดังนั้นมุมมองให้เป็นสัตว์กินคนจึงแปลกๆอยู่ไม่น้อย ยิ่งตอนสิงโตขย้ำคนงานถือเป็นความแปลกตาพอสมควร ถึงงั้นเอาเข้าจริงโอกาสเห็นสิงโตเข้าจู่โจมคนในเรื่องนี้ถือว่าน้อยถ้านับแบบเห็นกันชัดๆเพราะจะเน้นไปที่อารมณ์ฝ่ายคนมากกว่าสิงโต ดังนั้นตัวละครรู้สึกยังไงตัวหนังจะถ่ายทอดอารมณ์นั้นออกมา ส่วนสิงโตไม่ค่อยมีฉากเป็นของตัวเองเท่าไร จะมีตอนเปิดตัวที่เข้าจู่โจมคนถึงที่ทำงาน ตอนวางกับดัก และตอนท้ายเรื่อง แม้สิงโตจะโผล่ให้เห็นน้อยแต่ความน่ากลัวที่ถ่ายทอดออกมาจัดว่าเอาเรื่องเลยทีเดียว

การเล่าเรื่องไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร พล็อตมีแค่มาสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแต่โดนสิงโตเข้าทำร้ายและต้องกำจัดก่อนที่คนงานจะเสียชีวิตไปมากกว่านี้จนงานไม่เสร็จ ทว่าสิงโตที่จะกำจัดไม่ใช่สิงโตธรรมดาที่หลงติดกับง่ายๆเพราะพวกมันฉลาดในการเข้าหาเหยื่อ ที่เหลือจะเป็นการประชันระหว่างคนกับสิงโตว่าใครจะเหนือกว่ากัน แน่นอนว่าจะต้องเป็นคนที่เหนือกว่าเพราะรู้จักวางแผน มีการวางกับดักล่อเหยื่อ และมีอาวุธอย่างปืนกับไฟที่สัตว์ต้องกลัวและสู้ไม่ได้ ซึ่งผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนั้นที่สามารถฆ่าสิงโตตัวแรกได้ด้วยวิธีล่อเหยื่อและดักซุ้มยิงบนต้นไม้ วิธีฆ่าสิงโตนี้เองที่ทำให้จอห์นเป็นที่ยอมรับในหมู่คนร่วมงาน ทว่าการฆ่าสิงโตที่ตัวเองพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายเพราะสิงโตที่เข้าทำร้ายคนงานจริงๆคือคนละตัวกับที่ฆ่าไป แม้จะบอกไม่ได้ว่าคือคนละตัวหรือตัวเดียวกันแต่ที่แน่ชัดคือความดุร้ายที่เหนือกว่ามาก


ความสนุกอย่างหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้ไม่จำเจคือการวางแผนกำจัดสิงโต ถ้าเทียบกับหนังสัตว์กินคนมักจะมีแค่มิติเดียว แต่เรื่องนี้มีหลายด้านทั้งกล้าและกลัว การจะสร้างสะพานให้เสร็จต้องกล้าที่จะสู้กับสิงโต แม้จอห์นจะมีความกล้าสู้สิงโตเพื่องานจะได้สำเร็จ ทว่ากับคนงานไม่ได้มีความกล้าเช่นนั้นเพราะมีเชื่อในธรรมเนียมเก่าแก่คิดว่าเป็นปีศาจ และด้วยความไม่ธรรมดาที่ดูท่าจะรู้แกวของจอห์นทำให้ใครๆต่างหวาดกลัวไม่อยากทำงานสร้างสะพานเพราะกลัวตัวเองตกเป็นเหยื่อรายต่อไป ในเรื่องจะไม่ได้มีแค่มุมมองของจอห์นหาทางสู้สิงโตเท่านั้น อีกมุมหนึ่งจอห์นจะต้องหาทางให้คนงานเชื่อใจเขาว่าทุกคนจะปลอดภัยจากสิงโต ซึ่งความเชื่อใจกลายเป็นข้อด้อยของหนังที่ให้อารมณ์ขาดไปพอสมควร กว่าจะรู้สึกเข้าถึงหัวอกคนงานก็ตอนที่ไม่ใครทนได้และหนีจากไปซะแล้ว

ชาร์ล เรมิงตัน (Michael Douglas) พรานมากประสบการณ์ที่เลือกใช้ชีวิตอิสระเป็นอีกตัวละครที่น่าสนใจตรงที่ถึงจะเก่งแค่ไหนก็ไม่บอกว่าตัวเองเก่ง สิ่งที่ชาร์ลทำล้วนมีเหตุมีผลทำให้การเตรียมความพร้อมรับมือสิงโตจึงน่าเชื่อถือ ถ้าไม่มีตัวละครนี้อาจทำให้หนังกร่อยเนื่องจากช่วยเพิ่มมิติเรื่องราวให้มากขึ้น ตั้งแต่การวางแผน การประเมินสถานการณ์จากความชอบไม่ชอบของสิงโต ดูแล้วสนุกตรงที่ไม่เน้นบันเทิงความสยองขวัญตามประสาสัตว์กินคน จะออกแล้วระทึกขวัญระแวงระวังกันตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าเฝ้าระวังกันมากเกินไปหรือเปล่า เพราะเวลาเจอสิงโตจะกั๊กไม่ยิงสิงโตสักที พอจะยิงก็กลายเป็นว่ายิงพลาดบ้างปืนขัดลำกล้องบ้าง พอจะเข้าใจความต้องการให้ออกมาลุ้นมาสนุกจะได้ไม่จบเร็วแต่ทีเป็นการยืดเยื้อเกินไป นับเป็นข้อดีข้อเสียอย่างหนึ่งที่ต้องการถ่ายทอดอารมณ์ลุ้นเหงื่อตกเวลาเจอสิงโตต่อหน้าแม้บางอย่างจะดูบังเอิญไปบ้างก็ตามที


สิงโตกินคนแห่งซาโวถูกสตาฟ
เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในชิคาโก

The Ghost and the Darkness ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีในเรื่องของบรรยากาศแอฟริกา มีความแห้งแล้ง มีต้นไม้สัตว์ป่า เป็นการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำซาโวที่ใช้พื้นหลังของธรรมชาติได้ดี เรื่องของฉากจัดว่าดูยิ่งใหญ่สมจริงกับงานสร้างสะพานก่อนจะลดระดับให้เป็นปัญหาระหว่างคนกับสัตว์ ทีแรกเป็นปัญหาที่แก้ได้ด้วยวิธีง่ายๆแต่พอปัญหาใหญ่ขึ้นทำให้การแก้ปัญหาด้วยวิธีเดิมใช้ไม่ได้ผลเกิดส่งผลกระทบต่อการสร้างสะพาน ซึ่งก็คือคนอินเดียที่มารับงานพร้อมความเชื่อ บางทีถ้าเล่นประเด็นกับความเชื่อซะหน่อยและลดระดับสิงโตให้น้อยลงอาจได้แนวลึกลับที่มีพล็อตปีศาจฆ่าคนก่อนจะเฉลยว่าคือเจ้าป่าอาจจะพอลุ้นไปอีกแบบ จัดว่าไม่ผิดหวังเรื่องอารมณ์และบรรยากาศของหนังที่สมจริงใช้ได้ ทั้งนี้ต้องชื่นชม Val Kilmer ที่แสดงเข้ากับคาแรกเตอร์ตัวละครจากที่คิดว่าดูขัดๆ และ Michael Douglas ที่เด่นไม่แพ้กันแม้จะโผล่มาไม่มากแต่แทบทุกฉากได้หน้าได้ตาไปพอสมควร

บางจังหวะอาจดูยืดเยื้อไปบ้างแต่ถือว่าคุ้มที่จะดูเอาสนุก การเล่าเรื่องทำได้ต่อเนื่องให้อารมณ์น่าระแวงตลอดเวลา เรื่องของตัวละครวางบทกันได้ดีแม้จะรู้สึกว่ามีอยู่ไม่กี่ช่วงที่ขาดๆเกินๆไปซะหน่อย ที่ชอบคือการวางแผนจัดการเจ้าสิงโตที่มา 2 ตัวที่ไม่รู้ว่าจะมากันยังไง บางทีมาตัวเดียวก็ใช่จะน่ากลัวน้อยลงเพราะอีกตัวจะโผล่มาเมื่อไรก็ได้ ฉะนั้นนอกจากเรื่องวางแผนแล้วยังมีเรื่องของความไวที่ต้องทันอยู่เสมอ ในเรื่องนี่แทบจะสู้สิงโตไม่ค่อยได้เลยเพราะฉลาดและไวกว่า จะกลางวันหรือกลางคืนมีสิทธิ์โดนเล่นงานตลอดเวลาเพราะชอบมาทีเผลอ ตรงนี้เลยเป็นจุดเด่นทำให้ดูสนุกจะมาตอนไหนยังไงไม่รู้ได้ นับเป็นข้อดีที่แตกต่างจากหนังสัตว์กินคนที่นึกจะโผล่ก็โผล่ จัดว่าสนุกและครบรสแม้เอาเข้าจริงสามารถจบได้เร็วกว่านี้ ส่วนเรื่องจริงของสิงโตกินคนแห่งซาโวนั้นสามารถไปดูตัวจริงที่ถูกสตาฟได้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในชิคาโก ที่นั้นมีครบทั้ง 2 ตัวตั้งประดับประวัติศาสตร์สิงโตเข้าทำร้ายคน โดยจำนวนคนที่ถูกสิงโตฆ่ามีอยู่ประมาณ 135 คนจากคำให้การของผู้พันจอห์น เฮนรี่ แพ็ตเตอร์สัน(ตัวจริง)

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)