Assassin's Creed (2016) อัสแซสซินส์ ครีด

Assassin's Creed (2016)
อัสแซสซินส์ ครีด
Director: Justin Kurzel
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi
Grade: C

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ชื่อเสียงในด้านเกมเป็นที่เลื่องชื่อในแง่ความสนุกอย่างมากจนสร้างภาคต่อออกมาหลายภาคให้แฟนได้เล่นกันไม่รู้เบื่อ ซึ่งในปีเดียวกันมีหนังที่จากเกมอย่าง Warcraft (2016) เกมแนววางแผนต่อสู้ระหว่างเผ่นพันธุ์อ็อคกับมนุษย์ที่ทำออกมาค่อนข้างดี โดยปกติหนังที่สร้างจากเกมมักประสบความล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่เนื่องด้วยความเข้มข้นที่สู้เกมไม่ได้ ประกอบกับคำว่าเกมเป็นอะไรที่ผู้เล่นเท่านั้นจะสัมผัสและสนุกไปกับมันได้ ดังนั้นในมุมของหนังทำหน้าที่ฉายให้ดูเพียงอย่างเดียวอาจไม่สู้เท่าการไปเล่นแบบในเกม กระนั้นเนื้อหาเรื่องราวภายในเกมกับตัวหนังมักมีความแตกต่างในเรื่องของอารมณ์ ถ้าภาษาเกมคงเรียกมุมมองบุคคลที่หนึ่งคือตัวผู้เล่นเป็นส่วนหนึ่งของตัวละครจะกำหนดทิศทางยังไงขึ้นกับผู้เล่นแต่กับโลกของหนังมาจากผู้กำกับเล่าเรื่องเสียเอง


สำหรับ Assassin's Creed ที่สร้างเป็นหนังด้วยความฮิตของเกมนั้นไม่อาจบอกได้ว่ามีความแตกต่างหรือเหมือนจากเกมมากน้อยเพียงใดเพราะไม่มีประสบการณ์เล่นเกมนี้มาก่อน ยกเว้นชื่อเสียงกับที่เคยเห็นผ่านสายตาทำให้รับรู้ว่าเป็นเกมที่สนุกและมีเสน่ห์ที่น่าจดจำ ที่น่าสนใจเห็นจะเป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มนักฆ่าอัสแซสซินส์ที่มีเป้าหมายสำคัญคือการชิง"แอปเปิ้ล"ที่กุมความลับควบคุมเจตจำนงของมนุษย์ทั้งโลกได้ ซึ่งเรื่องราวเป็นเหตุผลให้ดร.โซเฟีย ริคคิน (Marion Cotillard) ได้ทำการช่วยคาล ลินช์ (Michael Fassbender) จากโทษประหารชีวิตเนื่องจากเขามีรหัสพันธุกรรมหรือยีนของบรรพบุรุษอัสแซสซินส์ นั้นจึงทำให้ต้องใช้จุดเด่นนี้ในการเชื่อมต่อย้อนเวลาไปศตวรรษที่ 15 ของสเปนเพื่อตามหาที่ซ่อนแอปเปิ้ล โดยโซเฟียเชื่อว่าเขาคืออกีลาร์ (Aguilar) หนึ่งในสมาชิกนักฆ่าที่กุมความลับสำคัญเอาไว้

ประเด็นเนื้อเรื่องน่าสนใจตรงที่แอปเปิ้ลคือตัวกำหนดเจตจำนงของมนุษย์ทั้งโลกและการจะใช้สิ่งนี้ก็เพื่อยับยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมให้หมดไป ถ้าอิงตามคำภีร์ไบเบิ้ลต้องเริ่มจากพระเจ้าได้สร้างมนุษย์ชายหญิงคู่แรกของโลกนามว่า"อดัม"และ"อีฟ"โดยทั้งคู่อยู่ในสวนอีเดน ทว่าพระเจ้าสั่งกำชับห้ามไว้อย่างหนึ่งคือห้ามทาน"แอปเปิ้ล"ที่อยู่ต้นกลางสวนเด็ดขาด แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่อาจห้ามตัวเองได้และกินแอปเปิ้ลเพราะคำยุยงจากงูตัวหนึ่ง สุดท้ายทั้งสองถูกพระเจ้าไล่ออกจากสวนอีเดนสู่มนุษย์โลกให้เกิดแก่เจ็บตายไม่เป็นอมตะอีกต่อไป พอมาประเด็นของเรื่องนี้ก็กลายเป็นนัยยะความไม่เชื่อฟังอันเป็นต้นเหตุของอารมณ์มนุษย์ที่นึกตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ทางตรงกันข้ามเป็นสัญลักษณ์ของความนึกคิดที่เกิดจากถูกบังคับ(จากงูที่ล่อลวง)


ดร.โซเฟียมีความคิดเกี่ยวกับแอปเปิ้ลคือกุญแจที่กุมความลับของพันธุกรรมที่อาจนำมาใช้ควบคุมความรุนแรงลงได้ แน่นอนว่าพระเจ้าเสมือนธรรมชาติอย่างหนึ่งและมนุษย์คือธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้น แม้จะอิสระในการเลือกชีวิตแต่ไม่อาจหาความเสรีในบางอย่างได้ หนึ่งในนั้นคือความรุนแรง ด้วยเหตุนี้จึงใช้คาลที่ได้ตามสืบเก็บประวัติอย่างละเอียดตั้งแต่ตัวทุกอย่างเกี่ยวกับเขาจนย้อนกลับไปสมัยที่แอปเปิ้ลหายสาบสูญในยุคคริสต์ศักราชที่ 1492 ครั้งที่ 1 อาณาจักรสเปนในช่วงสงครามเกรนาดา ซึ่งงานจะสำเร็จไม่ได้หากขาดอลัน ริคคิน (Jeremy Irons) พ่อของดร.โซเฟียผู้สนับสนุนโปรเจคนี้ แต่การกระทำของอลันมีนัยยะแอบแฝงเกี่ยวกับการตามหาแอปเปิ้ลเพราะไม่ต้องการลดความรุนแรงเนื่องจากต้องการควบคุมปกครองมนุษย์ให้อยู่ในอาณัติแบบเสร็จสรรพภายใต้การนำของเทมพลาร์ (Templar) ซึ่งเป็นศัตรูยาวนานของกลุ่มนักฆ่าสัตยาบัน (Assassin)

การวางเรื่องราวตามหาแอปเปิ้ลพร้อมเหตุผลรองรับเป็นสิ่งที่ดูสมเหตุสมผลด้วยการคล้อยตามความเชื่ออันเก่าแก่และกลายเป็นยุคปัจจุบันที่พัฒนาเทคโนโลยีสืบค้นประวัติศาสตร์จากดีเอ็นเอที่หลงเหลือให้ย้อนกลับมาอีกครั้ง สำหรับเรื่องราวในอดีตเกิดจากกลุ่มแรกคือเทมพลาร์ที่อยากได้แอปเปิ้ลเพื่อปกครองทุกสิ่งกับกลุ่มอัสแซสซินส์ที่พยายามต่อต้านและชิงแอปเปิ้ลไม่ให้ใช้อำนาจนี้มาควบคุม แต่ที่สุดฝ่ายที่กุมชัยคืออัสแซสซินส์ที่ชิงแอปเปิ้ลเก็บไว้กับตัวและซ่อนเอาไว้ก่อนที่การตามหาแอปเปิ้ลจะเริ่มขึ้นอีกครั้งในคริสต์ศักราชที่ 2016 เนื้อเรื่องปัจจุบันคาลได้รับการทดลองเพื่อหาที่ซ่อนแอปเปิ้ล ซึ่งเขาไม่ใช่คนแรกคนเดียวที่รับการทดลองแต่มีคนอีกมากมายทั่วโลกที่มีอดีตสายเลือดจากนักฆ่าสัตยาบัน แต่ผลการทดลองล้วนไม่สามารถหาคำตอบได้เพราะคนสุดท้ายที่ครอบครองคืออกีลาร์หรือคาลในตอนนี้


แม้ดร.โซเฟียจะมีเป้าหมายของตัวเองที่ชัดเจนแต่ไม่รับรู้ถึงจุดประสงค์ของเทมพลาร์ที่พ่อของเธอกำลังรอคำตอบ ซึ่งเทมพลาร์ที่นำโดยเอลเลน เคย์ (Charlotte Rampling) มีเป้าหมายไม่ต่างจากครั้งอดีตกาลคือควบคุมและครอบครองมนุษย์ทุกคนให้อยู่กรอบ โดยตัวหนังได้ใส่บทสนทนาหนึ่งระหว่างเอลเลนกับอลันที่ว่าเกี่ยวกับสังคมในยุคปัจจุบันที่สามารถควบคุมโดยง่ายเพียงหยิบยื่นข้อเสนอที่ดีก็ยอมละทิ้งอิสรภาพ แต่อลันยังมองว่าไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งมนุษย์ยังต้องการอิสรภาพอยู่ดี ด้วยเหตุนี้แอปเปิ้ลจึงเป็นสิ่งจำเป็นต้องหาให้พบ แต่ด้วยการทดลองที่เร่งรีบมากเกินไปประกอบตัวตนในอดีตที่เริ่มคุกคามจิตใจทำให้คาลซึบซับตัวตนอกีลาร์ก่อนจะเป็นอัสแซสซินส์เต็มตัวและทำการหลบหนีออกไป

เมื่อฝ่ายเทมพลาร์รู้ที่ซ่อนแอปเปิ้ลและครอบครองได้สำเร็จก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องเก็บเหล่าอัสแซสซินส์เอาไว้จึงสั่งฆ่าให้หมดทุกคน ซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ดร.โซเฟียที่พยายามยุติความรุนแรง นั้นทำให้เธอสับสนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำมาและเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทว่าในตอนท้ายการประกาศชัยชนะค้นพบแอปเปิ้ลกลายเป็นโศกนาฏกรรมเมื่อกลุ่มอัสแซสซินส์ลอบเข้ามาขโมยแอปเปิ้ลพร้อมกับฆ่าอลันผู้เป็นพ่อของดร.โซเฟีย เหตุนี้เองทำให้ดร.โซเฟียคิดได้ว่ากลุ่มอัสแซสซินส์คือต้นตอของความรุนแรงที่ควรยับยั้ง


Assassin's Creed เลือกจบแบบปลายเปิดเพื่อหวังสร้างภาคต่อ ทว่าเส้นเรื่องไม่ได้หนักแน่นเพียงพอจะให้ไปต่อได้เลยจากประเด็นหลายอย่างที่วางเอาไว้มากมายเหมือนแค่หยิบมาพูดแต่ไม่อธิบายให้ลึกซึ้งหรือเรียบเรียงให้กระจ่าง ทุกอย่างดูเลื่อนลอยเกินไปจนขาดความน่าติดตามทางเนื้อเรื่อง ที่น่าสนใจจะมีแค่ฉากแอ็คชั่นที่ผสมผสาน Parkour หรือ Free Running แก่กลุ่มอัสแซสซินส์จนน่าติดตามและเร้าใจกันอยู่บ้าง และข้อดีอีกอย่างคืออารมณ์บางช่วงของหนังทำได้ค่อนข้างถึง กระนั้นการเล่าเรื่องที่แสนบางจึงเป็นไปได้ว่ากับบางคนอาจไม่รู้สึกรู้สาอะไรจนหนังจบเพราะขาดฉากที่น่าจดจำ รวมๆแล้วทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งหมดแต่มาเสียที่การเล่ากับเนื้อเรื่องที่หาอะไรไม่ค่อยได้นอกจากสิ่งสื่อออกมา ทั้งนี้ก็เหมือนผู้ชมยังคิดไปไกลกว่าอีกด้วยซ้ำ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)