Fair Game (1995) แฟร์เกม เกมบี้นรก

Fair Game (1995) | แฟร์เกม เกมบี้นรก
Director: Andrew Sipes
Genres: Action / Romance / Thriller
Grade: C-

ส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้หนังสนุกหรือไม่นั้นมาจากการแสดง ยิ่งขาดจุดนี้ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือและดูไม่ได้อารมณ์ ซึ่งหนังเรื่องนี้มีข้อบกพร่องตรงนี้อยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะกับตัวละครเอกที่น่าจะได้อารมณ์มากกว่านี้แม้จะเป็นหนังแอ็คชั่นก็ตามที การเป็นหนังแอ็คชั่นอาจเน้นที่ความมันส์ แต่ถ้านักแสดงไม่มันส์ตามแล้วคนดูอย่างเราๆจะมันส์ตามไปได้อย่างไร ถึงจะยิงกันกระจุยกระจายหรือระเบิดระเบ้อมากแค่ไหนก็ไม่อาจรู้สึกเต็มอิ่ม ถือเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งที่รู้สึกเสียดายพอสมควร


สำหรับแอ็คชั่นเรื่องนี้เป็นการจับคู่กันระหว่าง William Baldwin ในบทนายตำรวจหนุ่มนาม แม็กซ์ เคิร์กแพทริค ที่ต้องมาพิทักษ์ทนายความสาวนามว่า เคท แม็คควีน ที่เล่นโดย Cindy Crawford เป็นการจับคู่พระนางได้เข้ากันดีแต่ด้วยการแสดงปรากฏว่าไม่เข้ากันซะอย่างงั้น(ถ้าดูเอามันส์ไม่สนใจประเด็นนี้ก็มองข้ามกันได้เลย) สำหรับฝ่ายชายไม่เท่าไรมีคาเรกเตอร์หล่อเหลาเหมาะสมกันอยู่แล้ว กระนั้นบางฉากออกจะทะแม่งๆทำหน้าทำตาเหมือนไม่อยากสู้ ส่วนฝ่ายหญิงโดนหนักเพราะเล่นแข็งเกินไป จะเสี่ยงตายยิงหรือระเบิดกันหนักแค่ไหนแต่เธอยังนิ่ง สิ่งที่ค้ำจุนได้คือความเซ็กซี่จนเชื่อว่าหลายคนชอบฉากในรถไฟ

งานขายแอ็คชั่นเอามันส์ที่หยิบความพระกาฬกันเต็มที่ด้วยตัวร้ายที่เก่งกันสุดๆชนิดหนีไปไหนขอตามไปด้วย(ฮา) แต่ก็เท่านี้เพราะถ้าพูดถึงแอ็คชั่นแบบสู้ยิงระเบิดก็พอได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากบางฉากดูธรรมดาและดูขายความเท่มากไปหน่อย ถ้าอยากจะรู้ว่าฉากไหนมันส์สุดก็บอกได้ยากเพราะจังหวะไม่ขึ้นสุดลงสุดจะต้องมีสะดุดกันสักเล็กน้อยให้ขาดอารมณ์ อย่างฉากรถไฟที่ไม่สมเหตุสมผลเพราะนางเอกคิดว่าตัวเองคือต้นตอให้ทุกคนต้องมาตายจึงเลือกโดดหนีขึ้นรถไฟไปคนเดียว ส่วนพระเอกไม่ยอมปล่อยไปคนเดียวจึงขับรถซิ่งเฉียดตายหลบเสาเพื่อกระโดดขึ้นรถไฟ ฉากนี้ผิวเผินไม่มีอะไรแต่ด้วยสถานการณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น่าเป็นแบบนี้ได้และรู้สึกตลกชอบกล กระนั้นเหมือนจงใจเมื่อคู่พระนางมาอยู่ในรถไฟขบวนเก็บสินค้าไร้ผู้คน โดยฉากดังกล่าวนำไปสู่ฉากเลิฟซีนที่หลายคนติดตา ทว่ามาพร้อมกับความฮา(มั้ง)ที่จู่ๆคนร้ายแอบเงียบมาข้างหลังเห็นสภาพเปลือยทั้งสอง คงจะคิดว่าสถานการณ์ซีเรียสขนาดนี้ยังมาทอดรักกันได้อีก


ถึงจะจัดความมันส์มามากแค่ไหนก็แอบน่าเบื่อ ยิ่งช่วงท้ายยิ่งรู้สึกหมดความน่าดูมากขึ้นเรื่อยๆเพราะเริ่มจะลงสูตรสำเร็จที่ไม่รู้ว่าจะง่ายไปไหน นางเอกโดนจับและพระเอกต้องตามไปช่วยถึงฐานคนร้าย แต่คำว่าฐานคนร้ายที่น่าจะมีอะไรกับว่างเปล่า แทบจะไม่รู้สึกการช่วยชีวิตเป็นเรื่องยากแต่อย่างใด ทำให้สิ่งที่ฝ่ายตัวร้ายสร้างมาด้วยความเก่งกาจสามารถต้องจบลงแบบหงอยๆอย่างไม่สมหน้าสมเนื้อ เสียดายที่ตัวร้ายสร้างมาเก่งให้ตามไล่ล่าฝ่ายพระเอกได้ทันตลอด แต่อย่างว่าถ้าไม่ใช่พระเอกคงทำไม่ได้(แซว)

เห็นว่าเรื่องนี้สร้างจากนิยายชื่อเดียวกับของ Paula Gosling แต่หารู้ไม่ว่าได้ถูกสร้างมาเป็นหนังอยู่ก่อนแล้วชื่อ Cobra (1986) ที่เล่นนำโดย Sylvester Stallone แน่นอนว่าให้เทียบยังไงคงไม่เหมือนเพราะต่างคนต่างดัดแปลงกันไปคนละแบบ ยิ่งอารมณ์ยิ่งคนละทางกันเลย อีกเรื่องเน้นแอ็คชั่นเอามันส์ ส่วนอีกเรื่องไม่ต่างกันแต่ให้อารมณ์ที่ลงตัวกว่า แล้วแต่จะชอบว่าอยากได้ตรงไหนเพราะดูไม่ค่อยออกหรอกว่ามาจากต้นฉบับเดียวกัน


Fair Game ดูเอามันส์ได้ระดับหนึ่ง ไม่ต้องคาดหวังอะไรมากเพราะทุกอย่างตามสูตรสำเร็จหมด จะมีเข้มข้นบ้างตอนคนร้ายวางแผนเพื่อเข้าไปจัดการนางเอก ไม่ได้ปุ๊บปั๊บยิงถล่มทีเดียวจบทำให้พอดูสมเหตุสมผล ที่ไม่น่าลืมคือ Salma Hayek ในบทรับเชิญแฟนเก่าของแม็กซ์ที่แตกหักมาตามตัวถึงโรงพักให้ขนของออกจากบ้าน ในเรื่องมาปล่อยมุขตลกร้ายช่วงต้นเรื่อง บางทีถ้าขยับบทเป็นนางเอกอาจช่วยให้เรื่องราวน่าสนใจขึ้น ไม่แปลกใจถ้าส่วนเนื้อหาไม่ต้องคาดหวังอะไรเลยทั้งสิ้นเพราะเน้นบันเทิงผู้ชมอย่างเดียว เพียงแต่คำว่าบันเทิงออกจากงั้นๆเกินไปหน่อย ไม่รู้เรื่องชื่อหนังตรงคำว่า Fair จะจริงหรือหลอกเพราะเอนหนักไปทางตรงข้ามซะมากกว่า
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)