Shoot to Kill (1988) ล่าสุดขั้ว

Shoot to Kill (1988)
ล่าสุดขั้ว
Director: Roger Spottiswoode
Genres: Action | Adventure | Crime | Drama | Thriller
Grade: B+

อีกแนวกับกึ่งผจญภัยที่พาเอาเหนื่อยเหลือเกินกับการไล่ตามคนร้ายตั้งแต่ในเมืองไปจนเดินป่าขึ้นเขาและไปจบกันที่เรือข้ามฝั่ง แต่กว่าจะเป็นเรื่องราวขนาดนี้ต้องเริ่มกันที่ วอร์เรน สแตนติน (Sidney Poitier) เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ถูกคนร้ายซ้อนแผนลอยนวลไปอย่างง่ายดาย กระทั่งสืบจนรู้ว่ากำลังเดินทางหลบหนีเข้าป่าจึงตามจับอย่างเร่งด่วน ทว่าการขึ้นเขาลงห้วยไม่ใช่เรื่องง่ายจึงหาผู้ช่วยชำนาญทางอย่าง โจนาธาน น็อค (Tom Berenger) มาตามรอยเท้าก่อนที่จะหนีรอดไปในที่สุด


ชื่อเดิมของหนังคือ The Mountain Kings ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Shoot to Kill แล้วเปลี่ยนอีกครั้งอย่างไม่เป็นทางการชื่อ Deadly Pursuit สาเหตุที่เปลี่ยนอย่างไม่เป็นทางการเพราะเกิดปัญหาขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคม 1987 ในเมืองฮังเกอร์ฟอร์ด เมื่อ Michael Robert Ryan ทำการสังหารหมู่ใช้อาวุธปืนยิงผู้คนไปทั่วจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย ซึ่งน่าเกิดจากอารมณ์โกรธจากคำดูถูกเรื่องชีวิต ทำให้คำว่า"Shoot"ในชื่อหนังถูกมองว่าไม่เหมาะสมในสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นไม่นานก่อนหนังฉาย

เปิดเรื่องได้น่าตื่นเต้นกับการช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกจับเพื่อแลกกับเพชรมูลค่ามหาศาล ถ้าว่ากันตามตรงก็เหมือนหนังทุกเรื่องเกี่ยวกับคนร้ายจี้ตัวประกันแล้วต้องเจรจาต่อรอง แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าแผนใครจะเหนือกว่ากัน แน่นอนว่าฝ่ายตำรวจเหนือกว่าเห็นๆด้วยกำลังคนและอาวุธ แม้คนร้ายจะมีตัวประกันก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้ง่ายๆ กระนั้นคนร้ายกับเป็นฝ่ายเหนือกว่าด้วยวิธีหลบกระสุนจากไรเฟิลที่ดูเหมือนตลกแต่ใช้ได้ผลจริงๆ แล้วไหนจะตอนหนีที่บ่งบอกถึงความไม่ธรรมดาด้วยแผนหลอกล่อที่อยู่หมัด ทำเอาเราเชื่อสนิทว่าคนร้ายต้องเก่งมากแน่


คนร้ายในเรื่องนี้คือเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ตัวหนังไม่ยอมบอกง่ายๆว่าคือใคร อีกทั้งยังเพิ่มตัวเลือกให้น่าสงสัยยิ่งขึ้นเมื่อปะปนไปกับคณะท่องเที่ยวเดินป่าที่มีหลักฐานเส้นผมทิ้งเอาไว้(แน่นอนว่าสีผมเหมือนกันหมด) อีกทั้งยังให้ตัวละครพากันน่าสงสัยทั้งการพูดท่าทางที่เดาได้ยาก แต่พอถึงจุดเฉลยกับรู้สึกถูกใจที่ไม่รอเซอร์ไพรส์ให้ตกใจเพราะรู้ว่าอยู่ว่าต้องเป็นหนึ่งในนั้น แล้วไหนจะถูกไล่ตามหลังมาอีกก็ช้าไม่ได้ต้องรีบประกาศตัวเพื่อเร่งเดินทาง

กว่าจะคนร้ายกับพวกกระเอกจะเจอกันก็ช่วงท้ายๆหนัง เนื่องจากส่วนใหญ่จะเล่าเรื่องการผจญภัยในป่ากันซะมากเหมือนหนังเอาชีวิตรอดที่ต้องฝ่าวิกฤตข้างหน้าก่อนไปถึงปลายทาง โดยเฉพาะฝั่งเดินตามหลังที่ต้องเจอปัญหาสารพัด ไม่ว่าจะความเข้าใจกันที่มักจะขัดคอกันตลอดจนเป็นเหตุให้ทะเลาะหรือไม่เชื่อใจ ปัญหาเส้นทางที่ยากลำบากในการข้ามภูเขาที่มีทั้งปีนป่ายลวดไปอีกฝั่งหรือขึ้นหน้าผาที่สูงชัน และยังต้องเผชิญกับพายุหิมะที่อาจตายได้ในความหนาวเย็น ในแง่การผจญภัยถือว่าได้เต็มๆและน่าตื่นเต้นลุ้นระทึกกันพอสมควร


พอจบช่วยการไล่ตามคนร้ายในป่าก็ยังคงไล่ตามกันต่อในเมือง แต่จะเปลี่ยนสไตล์จากที่ต้องลุยป่าห้วยลำธารด้วยทักษะเอาตัวรอดกลายเป็นทักษะสืบสวนแทน อีกทั้งเสริมฉากแอ็คชั่นมียิงมีขับรถหนีเป็นสิ่งที่รอคอยกันในฉากไคล์แม็กซ์ นอกจากสไตล์การเอาตัวรอดลุยป่าที่เป็นของเด่นก็มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เข้ากับโทนเรื่องที่แสนซีเรียสแต่เข้าได้เหมาะเจาะคือมุขตลก ซึ่งมุขตลกพวกนี้เรียกเสียงหัวเราะสร้างรอยยิ้มจากการเปรียบเทียบระหว่างคนในเมืองกับคนที่ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ อีกคนทำได้อีกคนไม่รู้วิธี บางก็แปลกบางก็ปกติ แอบล้อเลียนความแตกต่างด้านการใช้ชีวิตที่ต้องปรับตัว

ฉะนั้นแล้ว Shoot to Kill จัดเป็นหนังที่ครบรสครบเครื่อง มีหลายสิ่งหลายอย่างไม่ซ้ำซากจำเจ มีระดับความน่าตื่นเต้นที่เกินกว่าไล่จับคนร้ายเพราะต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติระหว่างทาง ที่สำคัญคนร้ายจะเก่งแค่ไหนก็มีจุดอ่อนอยู่ดี เหมือนกับคนเมืองมาอยู่ป่าที่เก่งก็แค่ในเมืองไม่เท่าทันสถานการณ์ เช่นเดียวกันกับคนที่อาศัยในป่าย่อมไม่รู้ระบบระเบียบคนในเมือง ได้อย่างเสียอย่างแล้วแต่เราจะปรับตัว

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)