Village of the Damned (1995) มฤตยูเงียบกินเมือง

Village of the Damned (1995) | มฤตยูเงียบกินเมือง
Director: John Carpenter
Genres: Horror Sci-Fi Thriller
Grade: C

เป็นหนังรีเมคหนังเก่าในชื่อเดียวกันปี 1960 และมีต้นกำเนิดมาจาก John Wyndham เจ้าของนิยายที่ใช้ชื่อว่า The Midwich Cuckoos ที่ว่าด้วยเรื่องราวสุดลึกลับแปลกประหลาดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จู่ๆวันหนึ่งทุกคนต้องสลบล้มนอนกันทุกคน ไม่ว่าใครมาจากไหนหากเข้าเขตหมู่บ้านจะต้องล้มนอนทันทีอย่างหาสาเหตุไม่ได้ กระทั่งทุกคนตื่นขึ้นมาแล้วพบความผิดปกติในร่างกาย ซึ่งเกิดเฉพาะเพศหญิงเพราะทุกคนท้องกันหมดทั้งหมู่บ้าน สร้างความงงงวยแก่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่เข้ามาสืบความจริง ไม่สามารถหาสาเหตุต้นตอจากที่ไหนได้นอกจากปล่อยไปตามสภาพความเป็นจริงจนวันที่ทุกคนคลอดลูกพร้อมกันทุกคน


กาเหว่าที่บางเพลง เป็นนิยายที่ประพันธ์โดย หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช และถูกสร้างเป็นหนังไทยในปี พ.ศ. 2537 กำกับโดย นิรัตติศัย กัลย์จาฤก มีพล็อตเรื่องเหมือนกันตรงที่ผู้หญิงท้องไม่รู้ตัวทั้งหมู่บ้าน ซึ่งความเหมือนนี้ไม่มีการอ้างอิงหรือรับแรงบันดาลใจแต่อย่างใด เป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัด แต่สิ่งที่ชัดเจนคือแนวคิดที่สะท้อนออกมาได้น่าสนใจเกี่ยวกับสังคมที่มองเด็กที่ถือกำเนิดออกมาเป็นสิ่งแปลกปลอม จะใช่ในฐานะคนก็ไม่ใช่ จะมองเป็นเอเลี่ยนก็ไม่เชิง ไม่สามารถบอกได้เต็มปากเต็มคำว่าคือลูกที่อยู่ในท้องตัวเองตลอด 9 เดือน สิ่งที่จะได้เห็นในหนังจะเป็นการสะท้อนมุมมองหนึ่งระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่

เมื่อเกิดการท้องประหลาดทำให้นักวิทยาศาสตร์จากทางการชื่อ ดร.ซูซาน เวอร์เนอร์ (Kirstie Alley) เข้ามาประกาศต่อชาวเมืองว่ายินดีมอบเงินให้กับครอบครัวที่อุ้มท้องเพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูเดือนละ 3,000$ เหรียญ ซึ่งตอนแรกมีเสียงปฏิเสธอยากเอาออกเพราะไม่พร้อม สิ่งนี้เหมือนสะท้อนปัญหาอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการท้องควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิต ถ้าหากวันใดวันหนึ่งท้องขึ้นมาย่อมต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ แต่นั้นถ้าพร้อมจะท้องเพราะอยากมีลูก แล้วถ้าเกิดท้องเพราะไม่พร้อมจะทำยังไง แน่นอนว่าต้องใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น จะเต็มไปด้วยค่าใช้จ่ายตามมามากมายและภาระอุ้มครรภ์ที่เหน็ดเหนื่อยจากการไม่เตรียมตัว เรื่องนี้ก็เหมือนจะบอกเป็นนัยๆเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเผชิญในเพศหญิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


อีกนัยที่แสดงออกมาคือความเห็นแก่ตัวเพื่อแลกกับเงิน แน่นอนว่าการท้องประหลาดไม่ใช่เรื่องดีหากจะเก็บไว้ กระนั้นยังยอมเสี่ยงเพื่อแลกกับเงินที่ยื่นเสนอเป็นค่าเลี้ยงดู จึงเป็นคำถามเล็กๆเกี่ยวกับเด็กที่เกิดมานั้นด้วยความรักหรือความเห็นแก่ตัวของผู้ใหญ่ ในเรื่องอาจไม่ชัดเจนในประเด็นนี้ทุกครอบครัวเพราะเล่าเพียงผ่านๆจนคลอดและเล่าไปอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับเด็กเหล่านั้นที่โตขึ้นมาในระดับหนึ่ง ซึ่งเด็กที่เกิดมานั้นไม่ทันไรได้แสดงพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจกันตั้งแต่ต้น จุดนี้เป็นการสร้างความหวาดผวาว่าเด็กไม่ได้เด็กอย่างที่เห็น

เด็กที่เกิดมาไม่น่าไว้ใจเพราะทำอะไรเหมือนกันหมด จะชุดจะสีผมก็มาเหมือนกันทุกคนแถมยังมีพลังจิตทำลายล้างอีกด้วย ที่สำคัญยังสามารถเข้าไปอ่านจิตใจของคนนั้นได้อย่างสบาย ไม่รู้เกิดมาได้อย่างไรแต่ประเด็นหลักอยู่ที่เกิดมาแล้วจะเป็นยังไงต่อไป ซึ่งเด็กที่เกิดมาในตอนแรกเหมือนจะยินยอมปฏิบัติตาม แต่พอเริ่มมีความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวยิ่งกระตุ้นพวกเด็กให้ใช้พลังจิต พอเด็กเริ่มใช้พลังยิ่งเริ่มทำตามใจตัวเองมากขึ้น ไม่สนว่าใครคือพ่อคือแม่เหมือนรู้ว่าตัวเองเกิดมาจะต้องทำอะไรเลย นั้นทำให้ชาวบ้านต้องลุกต่อต้านเพราะไม่อาจทนได้อีกต่อไป แต่ถ้าผู้ใหญ่ไม่ทนเด็กก็ไม่ทนเช่นกันทำให้เกิดการปะทะและฝ่ายที่เหนือกว่าย่อมเป็นฝ่ายพลังจิตสูงกว่า


จะว่าไปฉากปล่อยพลังจิตก็ทำได้ไม่เลวร้ายอะไรแต่ขัดใจชอบกล เวลาพวกเด็กใช้พลังจิตจะเปล่งแสงออกทางตา เป็นแสงเอฟเฟคที่แต่งเพิ่มด้วย CGI แล้วไม่รู้สึกน่ากลัวเท่าที่ควร อันที่จริงสายตาเด็กมองที่เดียวกันแบบเปล่าๆยังจะน่ากลัวกว่าอีก ที่ชอบคือ Lindsey Haun เป็นเด็กผู้หญิงที่ทำหน้าที่เสมือนหัวหน้ากลุ่มค่อยพูดค่อยถกเถียงอยู่คนเดียว ประหนึ่งเป็นศูนย์รวมการตัดสินใจของเด็กทั้งหมด มองแล้วเป็นเด็กน่ารักแต่ในเรื่องคนละขั้วเลยเพราะไม่ทันไรก็ฆ่าคนตั้งแต่แบเบาะกันแล้ว นอกจากนี้ยังมีนักแสดงคุ้นหน้าคุ้นตาหลายคน เช่น Christopher Reeve อดีตซูเปอร์แมนจอมพลัง มารับบท ดร.อลัน ชาฟฟี ที่ต้องหาทางรับมือกับเด็กประหลาดกลุ่มนี้,Linda Kozlowski เป็น จิลล์ แม็กโกเวน หญิงสาวสูญเสียสามีไปตอนเกิดเหตุการณ์ประหลาดแล้วตั้งครรภ์เหมือนผู้หญิงอื่น และที่เด็ดดวงที่สุดคือ Mark Hamill หรืออัศวินเจได ลุค สกายวอล์กเกอร์ แห่งหนัง Star Wars ที่หนนี้เล่นแบบไม่มีคำว่าพระเอกเลยสักนิดเพราะเป็นบาทหลวงที่มั่นใจว่าเด็กกลุ่มนี้มาพร้อมกับความเลวร้ายและหาทางกำจัด

ที่ชอบสุดเห็นจะเป็น Kirstie Alley ในบท ดร.ซูซาน ที่วางมิติตัวละครเอาไว้ดีที่สุดเพราะเธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและมีความลับอะไรซ่อนอยู่ทำให้วิธีการดูโหดร้ายไปบ้างแต่ย้อนกลับคือความปลอดภัยอย่างหนึ่งที่เป็นประโยชน์ ฉากต่อสู้ด้วยพลังจิตอาจจะไม่เด็ดดวงหรือกดดันมากนักแต่มันคือสิ่ง ดร.ซูซาน ใช้สู้และ ดร.อลัน นำมาสู้อีกทีกับพวกเด็ก ทำเอาอึดอัดกันไม่น้อยเวลาโดนกลุ่มเด็กมองมาที่เดียวกันแล้วพยายามขุดคุ้ยความลับจากจิตใจ เรียกว่าเหงื่อตกกันไปข้างเลยทีเดียว


Village of the Damned เป็นความสยองขวัญที่ไม่เน้นฉากโหดนอกจากการเน้นที่เรื่องราวกับความเป็นเด็กน่ารักที่ดูแล้วเต็มไปด้วยความชิงชัง การเล่าเรื่องน่าสนใจอย่างมากในตอนต้นกับเหตุการณ์ประหลาดจนสร้างความน่าสงสัยและน่าติดตาม แต่พอหลังจากนั้นเริ่มจะเรื่อยๆไม่รีบเร่งเท่าไร อีกอย่างเหมือนมิติตัวละครจะเบาบางลงไปพอสมควรแม้จะพยายามผลักดันตรงนี้อยู่ไม่น้อย บางทีถ้าปูตัวละครให้ลึกซึ้งมากกว่านี้อาจพอมีน้ำหนักลดความน่าเบื่อให้ออกมาตื่นเต้นได้เพราะในเรื่องก็วางปมในใจเอาไว้อย่างดี

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)