The Dead Pool (1988)
โพยสั่งตาย
Director: Buddy Van Horn
Genres: Action | Crime | Mystery | Thriller
Grade: C+
ดำเนินมาถึงภาค 5 แล้วกับนายตำรวจ แฮร์รี่ คัลลาแฮน (Clint Eastwood) มือปราบจอมโหดที่ไม่เคยปล่อยเหล่าอาชญากรหลุดรอดมือไปได้ มาคราวนี้กลายเป็นว่าต้องเป็นเป้าสังหารเสียเอง นั่นเพราะมีการเขียนโพยที่รวมรายชื่อคนดังมากมาย โดยรายชื่อดังกล่าวจะต้องตายภายในเร็วๆนี้แล้วก็มีคนตายจริงๆ ทว่าในรายชื่อนั้นมีชื่อแฮรี่ปรากฏอยู่ในโพยด้วย ทำให้ต้องเร่งหาตัวการคนร้ายให้เจอก่อนที่จะมีใครต้องจบชีวิตลงตามโพยที่เขียนเอาไว้
เป็นภาคที่ผิดหวังสักหน่อยแต่ไม่ถึงกับแตกต่างจากภาคก่อนๆตรงที่ยังมีประเด็นให้ขบคิดอยู่ตลอดเวลา โดยประเด็นสังคมคราวนี้จะมุ่งที่ไปเรื่องของสื่ออย่างการทำข่าว ที่มีตัวละครสำคัญคือ ซาแมนต้า วอล์กเกอร์ (Patricia Clarkson) หรือนักข่าวที่พยายามหาข่าวจากมือปราบแฮร์รี่เพราะเป็นคนดังแห่งยุค และอีกประเด็นเรื่องภาพยนตร์จำพวกหนังสยองขวัญที่มีความรุนแรงที่มีตัวละครเกี่ยวข้องคือ ปีเตอร์ สวอน (Liam Neeson) ผู้กำกับหนังสยองขวัญ จากประเด็นที่ถูกตั้งมานี้เป็นการสะท้อนมุมมองอย่างหนึ่งที่ไม่ว่าสังคมยุคไหนย่อมมีให้เห็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การสืบสวนย่อมรับว่าค่อนข้างธรรมดาและออกจะจืดชืดด้วยซ้ำเมื่อถึงเวลาเฉลยว่าใครคือฆาตกรตัวจริงในตอนจบ แต่สิ่งที่กำลังบอกถึงปัญหาต่างๆนั้นไม่ธรรมดาอย่างที่คิดเกี่ยวกับสื่อที่อาจเป็นภัยคุกคามหรือฆาตกรรมทางอ้อมได้ เริ่มจากการหาข่าวที่จำเป็นต้องพึ่งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ได้จากต้นฉบับหรือข้อมูลปฐมภูมิเพื่อความน่าเชื่อถือที่ยิ่งน่าสนใจมากเท่าไรยิ่งสร้างชื่อเสียงและการงานที่ดีขึ้น แต่กว่าจะได้ข้อมูลนั้นมาต้องสืบต้องสาวจนบางทีเป็นการรุกล้ำความเป็นส่วนตัว เช่นเดียวกับแฮร์รี่ที่กลายเป็นคนดังจนได้รับความสนใจเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวเพื่อเป็นสกรุ๊ปข่าว
การนำเสนอข่าว การหาข่าว ล้วนเป็นจรรยาบรรณที่ควรเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัว บางทีการได้มาซึ่งข้อมูลก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อคนอื่นในด้านความรู้สึกที่อาจแย่ลงหรือดีขึ้น บางทีอาจเป็นความอับอายหรือความอยากดังเพราะการออกสื่อมีแต่คนเห็นคนสนใจ แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าข่าวจะมาในลักษณะไหนก็ไม่ใช่เรื่องของคนทำข่าวที่ต้องรับเคราะห์หรือเสียหายเพราะเป็นเพียงผู้เล่าเท่านั้น จะเป็นคนที่ถูกเล่านี่แหละที่ต้องรับผลของการออกข่าวที่อาจทำให้ใครต่อใครเข้าใจไปในแบบนั้น
นอกจากข่าวที่ออกทีวีแล้วยังมีเรื่องของประเภทหนังสยองขวัญที่กำลังอยู่ในช่วงระบาดจากการไม่มีขอบเขตความรุนแรง เป็นประเด็นการดูหนังที่สมควรมีมากน้อยแค่ไหนเพราะไม่มีเนื้อหาสาระนอกจากความรุนแรงจากการฆ่าฟัน แล้วจะเสียสุขภาพจิตมากหรือไม่เมื่อวัตถุประสงค์ของหนังสยองขวัญเป็นเพียงที่ระบายได้ปลดปล่อยทางอารมณ์เท่านั้น ซึ่งคำตอบที่ได้รับยังไม่ชัดเจนเท่าไรนักและดูท้ายที่สุดกลายเป็นประเด็นที่พยายามเชื่อมโยงที่ไม่เข้ากับบทสรุป แต่ถึงยังไงหนังสยองขวัญก็คือหนังที่มีเนื้อหารุนแรงประเภทหนึ่ง ไม่ว่าจะทางกายหรือจิตใจต้องได้รับวิจารณญาณในการรับชมและกับใครที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะควรได้รับคำแนะนำเพราะเรื่องของสื่อบางครั้งจะห้ามดูก็ไม่ได้ แต่เราทำให้คิดหรือตระหนักในสิ่งที่เห็นได้
The Dead Pool เน้นไปทางสื่อค่อนข้างมากจนเหมือนหนังทีวีที่พยายามพูดถึงประเด็นการออกสื่อต่อสังคม แม้จะยังคอนเซ็ปต์ด้วยเนื้อหาตำรวจที่ต้องสืบคดีหาผู้ร้ายแต่ก็ดูบอบบางไม่เข้มข้นอย่างทุกที ฉากตื่นเต้นก็น้อยแต่ยังมีอะไรให้ลุ้นอยู่เรื่อยๆ ที่ติดตาติดใจคือฉากขับรถไล่ล่าระหว่างรถจริงๆกับรถบังคับวิทยุ เป็นไอเดียที่แปลกเพราะรถคันเล็กเป็นฝ่ายไล่ล่ารถคันใหญ่เสียเอง อีกทั้งยังรวมดาราที่เริ่มเป็นที่รู้จักอย่าง Jim Carrey และ Liam Neeson ที่อาจแสดงไม่มากก็เด่นพอตัว ส่วน Clint Eastwood ยังคงหล่อเท่มาดนิ่งเช่นเคย แต่ตามสภาพวัยก็ชราไปสมควรนับจากภาคแรกที่ห่างถึง 17 ปี เอาเป็นว่าตัวหนังไม่ถึงกับผิดหวังแต่อาจผิดฟอร์มไปจากภาคอื่นๆแค่นั้นเอง