เรื่องตลก 69 (1999)
Director: เป็นเอก รัตนเรือง
Genres: Comedy | Crime | Thriller
Grade: A+
ดูจบก็นึกเกลียดเลขอารบิก 6 กับ 9 เพราะคือตัวเลขที่มีความแตกต่างแต่เหมือนกัน(แค่พลิกขึ้นลงก็แทนสถานะตัวเลขนั้นได้แล้ว) ทว่าในความเกลียดก็ปฏิเสธความหมายของตัวเหล่านั้นไม่ได้ว่าคือตัวแทนสัจธรรมของโลก จะขึ้นจะลงไม่อาจบอกอะไรได้ถูกต้องเสมอต้นเสมอปลาย สุดท้ายต้องเจอเรื่องที่ไม่แน่นอนอยู่ดี เหมือนเลขสองตัวข้างต้นที่อาจเปลี่ยนเป็นอีกตัวโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นชีวิตคนจึงไม่แน่นอนอาจเจอเรื่องเซอร์ไพรส์เมื่อไรก็ได้
ตัวละครในหนังเรื่องนี้ต้องสถานะการดำเนินชีวิตที่ผิดจากเดิมทุกตัว ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กก็ล้วนถูกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหมดทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ ตุ้ม (ลลิตา ปัญโญภาส) พนักงานบริษัทไฟแนนซ์ที่เพิ่งถูกให้ออกจากงาน แต่การออกจากงานนั้นไม่ได้เกิดจากประวัติการทำงานหรือมีข้อเสียหายแต่อย่างใด ทว่าเป็นตัวบริษัทเองที่กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐิกิจตกต่ำจนต้องปลดพนักงานออกเพื่อความอยู่รอด ซึ่งวิธีการนำคนออกคือการหยิบเซียมซี เป็นการวัดที่ดวงเพราะเลือกไม่ถูกว่าเอาใครออกดี ฉะนั้นจะดีจะร้ายเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
เมื่อตุ้มตกงานก็ไม่รู้จะทำอะไร ต้องอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ที่ไม่รู้จักใครสักคน ใจก็นึกว่าชีวิตนี้จบแล้วเพราะคงไม่ไหวหากไปสมัครงานใหม่ มีความคิดจะฆ่าตัวตายแบบไม่สนวิธีเพราะสิ้นหวังจะไปต่อในอนาคต แต่ในความสิ้นหวังยังเรื่องน่าแปลกใจเพราะไม่รู้ใครมาเคาะประตูก่อนจะทิ้งกล่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเอาไว้หน้าประตู ด้วยความสงสัยไร้ผู้คนจึงหยิบเข้าห้องก่อนจะตกใจกับสิ่งที่อยู่ข้างในเพราะคือเงินจำนวนมหาศาลที่วางอยู่เต็มกล่อง แล้วนี่มันเงินของใคร แล้วทำไมมาอยู่หน้าห้อง แล้วจะทำยังไงต่อไป แล้วแผนฆ่าตัวตายล่ะ แล้ว..แล้ว..
ความไม่แน่นอนคือความสนุกที่พลิกเนื้อเรื่องตลอดเวลา อะไรมาอะไรไปแทบจะเดาทิศทางอนาคตไม่ถูก จากเรื่องเล็กน้อยก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ จากเรื่องธรรมดาสามัญกลายเป็นเรื่องพิศดารวายป่วง ไม่มีตัวละครไหนคาดคิดหรือพูดถึงสถานการณ์ที่ถูกต้อง มีเพียงตุ้มที่รู้ว่าเกิดอะไรและเริ่มต้นมาจากอะไร ซึ่งเรื่องทั้งหมดแทบมาจากเงินทั้งสิ้น เงินที่ชักพาเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องให้กลายเป็นความวุ่นวายเพียงเพราะวางกล่องเงินผิดห้อง สาเหตุที่ผิดก็ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเลขห้องที่เผอิญชำรุดตัดยึดหลุดกลายเป็นเลข 9 จากเดิมคือ 6 เท่านั้นเอง
ตุ้มในฐานะผู้รับเคราะห์และเป็นตัวกลางที่รับเรื่องคนนั้นคนนี้มาก็เหมือนส่วนหนึ่งของสังคมที่มีปัญหานานาชนิด จะแก้ไขตรงนั้นก็เกิดปัญหาใหม่ จะแก้ไขตรงนี้ก็ยังไม่จบของเก่า จะแก้ปัญหาตรงไหนก็มีแต่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น สำหรับเงินในกล่องสื่อถึงความไม่บริสุทธิ์ ไม่ได้มาหรือให้ไปด้วยความสุจริต สิ่งสุดท้ายที่ตุ้มเห็นเงินจะแตกต่างกับสิ่งที่เห็นในครั้งแรก นั่นคือเงินเปื้อนเลือดที่ผ่านอะไรมานักต่อนักในทางที่ไม่ดี ซึ่งครั้งแรกตุ้มมองเป็นสิ่งที่วิเศษที่จู่ๆมีเงินมหาศาลมากองถึงหน้าห้อง กับคนตกงานคือของขวัญ แต่สุดท้ายแล้วเงินมากมายนี้จะนำไปใช้หรือไม่คือตำตอบอยู่ในตอนจบในสิ่งที่ตุ้มทำ
เสียดายที่ไม่ทำกำไรในเมืองไทย แต่กอบโกยคำวิพากษ์วิจารณ์ในต่างประเทศในทางบวก ซึ่งเหมือนสังคมอย่างเราๆที่สนใจกันที่เปลือกภายนอก ไม่รู้ว่าข้างในจะเป็นอย่างไร ตุ้มที่เหมือนคนนิ่งๆแต่ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงินเพื่อชีวิตที่ดีกว่า รวมถึงมูลค่าของเงินที่วัดกันที่จำนวนแทนที่จะเป็นความซื่อสัตย์ ใครเป็นยังไงบางทีเห็นเป็นอีกอย่าง บางทีเห็นด้วยตาแต่ไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดแต่ตีความเอาเองอยู่คนเดียว เรื่องเสียดสังคมเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาคือความหนักแน่นของเรื่องตลก 69 ที่มันจะเกิดต้องเกิด ไม่มีใครห้ามอะไรได้เพราะเป็นสิ่งไม่แน่นอนเหมือนใจคน