American Made (2017) | อเมริกัน เมด
Director: Doug Liman
Genres: Action | Biography | Comedy | Crime | Drama
Grade: A
เรื่องราวสถานการณ์เช่นนี้ควรออกมาซีเรียสนะ แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่คือสีสันและหรรษา ใครเป็นใครไม่รู้ บ้านเมืองยังไงช่างมัน แต่ชีวิตเด็กส่งของล้วนแฮปปี้
อิงจากเหตุการณ์จริงในยุค 70s-80s ของ แบร์รี ซีล (Tom Cruise) นักบินมากฝีมือกว่าชาวบ้านชาวช่องจนต้องมาทำงานให้ซีไอเอแบบลับๆ ทำหน้าที่บินถ่ายรูปทางอากาศในอเมริกาใต้ และส่งมอบอาวุธให้กับอเมริกากลางเพื่อสนับสนุนสงครามในดินแดนต่างๆของรัฐบาล แต่เพราะบินเข้าออกอยู่ประจำจนกลายเป็นที่น่าสนใจแก่ ปาโบล เอสโกบาร์ (Mauricio Mejía) เจ้าพ่อค้ายาเสพติดที่เสนอกำไรแบบรวยไม่รู้ลืมหากทำงานให้ ซึ่งงานนั้นคือการลักลอบโคเคน แน่นอนว่าแบร์รีไม่ปฏิเสธและเหมารับทำทั้งงานเก่างานใหม่จนชีวิตพลิกแพลงตะแคงท่ากันสุดๆ
ไม่รู้เหตุการณ์จริงชวนให้อารมณ์เครียดแค่ไหน แต่วิธีการเล่าของหนังทำออกมาเพลิดเพลินตลอดเวลา มีมุขหยอดเล็กหยอดน้อยทำให้ดูยังไงก็ไม่เครียดแม้จะบีบให้ตัวละครตกต่ำเพียงใดก็ตาม บางทีแอบแซวนิดแซวหน่อยให้รู้ว่าสิ่งที่ทำกันอยู่ตอนนั้นเป็นข้อผิดพลาดให้คนรุ่นหลังได้ตลกได้หัวเราะกัน แล้วไหนจะกัดจิกเสียดสีอะไรต่อมิอะไรอย่างสนุกปากจนโรนัลด์ เรแกน หรือประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 40 ในยุคนั้นกลายเป็นตัวตลกไปได้อย่างไรกัน
แต่ไม่ว่าจะเล่าด้วยวิธีไหนก็ต้องศึกษาหรือพยายามตามหนังให้ทันอยู่ดี เพราะเชื่อว่าจะต้องมีคนที่งงและสับสนกันอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเนื้อหาทั้งหลายแหล่ถูกย่อยให้อธิบายแบบสั้นๆเข้าใจง่ายและตรงไปตรงมา ขณะเดียวกันในความง่ายก็กลายเป็นข้อเสียสำหรับใครที่อยากรู้เรื่องราวแบบแน่นๆและครอบคลุมเพราะมีหลายส่วนถูกนำมาปู้ยี่ปู้ยำจนขาดรายละเอียดและความน่าเชื่อถือ กระนั้นในความผสมก็แฝงไปด้วยภาพเหตุการณ์จริง กลายเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงก็เป็นไปไม่ได้ในเมื่อหลักฐานชัดกันขนาดนี้
การถ่ายทอดให้ออกมาดูง่ายและตลกทำให้ภาพลักษณ์ของหนังที่น่าจะเข้มข้นได้ละลายหายไปมากพอสมควร ดูแล้วกลายเป็นของหวานที่อร่อยกำลังดีและน่าลิ้มลองตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ่งฝีมือการแสดงของ Tom Cruise ก็รู้ว่าเหมาะไม่เหมาะกับคาแรกเตอร์ที่ได้ใจกันตั้งแต่เปิดเรื่อง จะยิ้มจะท่าทางไม่ได้ทำออกมาเพื่อหล่อแบบหลายๆเรื่องที่แสดง แต่เรื่องนี้ทำออกมาเพื่อกวนโดยเฉพาะ ถือเป็นผลงานที่ไม่ได้เห็นกันมานานเพราะหนักไปทางแอ็คชั่นกันซะมาก การจะออกมาในลักษณะคนธรรมดาแต่นิสัยใจกล้าก็เข้ากับบุคลิกที่สุดแล้ว(แต่แบร์รีตัวจริงไม่ได้หล่อหรือหุ่นดีขนาดนี้)
พอมานั่งจับต้นชนปลายก็เห็นว่าแบร์รีคือตัวกลาง(ไม่ใช่ตัวการ)ของเรื่องทั้งหมด จะเหนือจะใต้หรือบินผ่านที่ไหนก็มีแต่เรื่องมาเล่าให้ฟังกันตลอด ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากส่งปืนและส่งยา จากนั้นรับเงินจากทั้งสองฝ่ายแบบจุใจ เมื่อเงินเยอะก็ต้องใช้เงินตามราคาที่มี สุดท้ายกลายเป็นคนรวยมากมีเปลี่ยนสถานะที่เห็นในต้นเรื่องราวกับคนละคน แต่เพราะมีเงินจากงานทั้งสองฝ่ายทำให้มากจนมีให้เห็นแทบทุกที่ในบ้าน จากความร่ำรวยที่เห็นแล้วอิจฉากกลายเป็นความน่าสงสารเพราะไม่รู้จะเก็บเงินเอาไว้ที่ไหน จะฝากธนาคารก็แล้ว จะซื้อแหวนเพชรก็มี จะตกแต่งบ้านให้หรูอลังการก็ไม่ยาก จะสร้างกิจการเป็นของตัวเองก็ทำได้ ชีวิตของแบร์รีที่หนังถ่ายทอดออกมาช่างเหนือความคาดหมายและเมามันส์ไปกับรายได้อย่างสุดโต้ง
American Made คือหนังว่าด้วยอเมริกาในช่วงนั้นที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็มาจากเพราะตัวเองเกือบหมด ไม่เว้นกับแบร์รีที่เป็นคนของอเมริกาและทำเพื่อตัวเองแม้จะส่งผลกระทบต่อประเทศจนภายหลังได้งานใหญ่ที่ใครห้ามก็หยุดไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นแบร์รีเสมือนสิ่งที่สะท้อนมุมมองการใช้ชีวิตที่น่าเบื่อกับเรื่องเดิมๆ จนกระทั่งได้งานที่เสี่ยงแต่ไม่สนเรื่องค่าตอบแทน ผลคือชีวิตแบร์รีมาถึงจุดสนุกและราบรื่นกับผลตอบแทนที่ได้ก็ดีจะเสียก็ไม่ใช่ปัญหา ซึ่งความใจกล้าบ้าบิ่นนี่เองที่ทำให้หนังสนุก จะย่ำแย่แค่ไหนถ้าไม่เครียดก็ไปต่อได้เรื่อยๆ แค่ทำใจยอมรับและใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข(แต่ความสุขแบบนี้มันใช่เหรอ)