Get Out (2017) | ลวงร่างจิตหลอน
Director: Jordan Peele
Genres: Horror | Mystery | Thriller
Grade: A
มีอยู่ตัวละครที่พูดคำว่า"มิสซิสซิปปี หนึ่ง มิสซิสซิปปี สอง..." พูดแบบนี้ต่อเนื่องให้คนผิวดำฟัง ทำให้นึกถึง Mississippi Burning (1988) ที่แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องทางเนื้อเรื่องแต่เข้าประเด็นเหยียดสีผิวไม่ต่างกัน ซึ่งมิสซิสซิปปีคือเมืองที่สร้างเรื่องสะเทือนโลกในปี 1964 เกี่ยวกับความรุนแรงของคนผิวขาวที่กระทำคนผิวดำราวกับศัตรูอยู่ฝ่ายเดียว กระทั่งหน่วยงานจากรัฐบาลต้องลงมาสืบหาความจริงก่อนจะพบว่าเมืองนี้เต็มไปด้วย Racism ฉะนั้นจึงเหมือนเมืองในฝันร้ายของคนผิวสีที่ถูกรังแก ทุบตี ทำลายบ้านเรือน ตลอดจนถึงแก่ชีวิตราวกับสัตว์ตัวหนึ่ง
คริส (Daniel Kaluuya) ชายหนุ่มผิวสีที่คบหากับ โรส (Allison Williams) สาวผิวขาวที่ต้องไปเยี่ยมครอบครัวฝ่ายหญิงเพื่อทำความคุ้นเคย แต่ไม่ว่าจะยุคที่เท่าเทียมกันยังไงก็หนีความกังวลใจของตัวเองในฐานะสีผิวที่แตกต่างไม่ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็พบว่าครอบครัวของโรสไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดและมีคนผิวสีร่วมอยู่ด้วย ทว่าการเจอคนผิวสีเดียวกันไม่ได้ช่วยให้อุ่นใจจากการเจอคนแบบเดียว หนำซ้ำรู้สึกแตกต่างจากความไม่ปกติที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้สึกได้ จนกระทั่งเรื่องราวความจริงได้เปิดเผยกลายเป็นฝันร้ายที่คนผิวสีอย่างเขาต้องเจอ
ร็อด (LilRel Howery) เพื่อนของคริสที่ยังมีมุมมองเก่าๆตามความเชื่อที่ว่ายังมีคนผิวขาวกระทำกับคนผิวสีแบบไร้มนุษยธรรมและพยายามเตือนคริสให้ระวังตรงนี้เอาไว้หลายครั้งหลายคราว ถ้าไม่มีตัวละครนี้อาจช่วยส่งเสริมทิศทางของหนังให้เข้มข้นยิ่งขึ้น แต่การมีอยู่ช่วยเพิ่มสีสันให้ออกมาตลกจากความกังวลที่เป็นใครก็ไม่เชื่อ ความคิดมากของร็อดถ้าเล่าให้ใครฟังคือความตลกที่หมดยุคสมัย กระนั้นร็อดก็เหมือนตัวแทนความคิดดั้งเดิมที่คิดว่าอีกหน่อยคริสจะตกเป็นทาสรับใช้แบบที่บรรพบุรุษเคยโดน ทางกลับกันกับสิ่งที่คริสเจอมานั้นคือความคิดแบบใหม่ ไม่กดขี่ ไม่บังคับ ไม่ให้เป็นตัวของตัวเอง
เป็นหนังที่เต็มไปด้วยคนขาว Racist แต่เหยียดสีผิวแตกต่างจากที่เคยเป็น ไม่ได้มีอคติแบบเก่าๆในมุมมองคนทาสหรือคนชั้นต่ำ ไม่ได้ใช้ความรุนแรงหรืออาฆาตแค้นอย่างที่คนผิวสีเกรงกลัว แต่เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีใครเกลียดหรือชิงชังอีกแล้ว ซึ่งความแตกต่างนี้เองเป็นความสดของหนังเรื่องนี้ที่ต้องการเล่นประเด็นคนผิวสีด้วยความคิดตามยุคสมัย ถ้าสมัยก่อนคนผิวสีไม่มีสิทธิ์มีเสียงก็เป็นแค่ทาสรับใช้ เมื่อมีการปลดทาสก็ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไป กระทั่งยุคสมัยผ่านไปเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น จุดยืนของคนที่ต่อต้านผิวสีเริ่มสั่นคลอน สุดท้ายไม่มีใครสงสัยเรื่องสีผิวที่แตกต่าง กระนั้นยังอยากได้มาครอบครอง
จิตวิทยาคือความน่าสนใจที่ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับปมของตัวละคร อีกทั้งยังมีลูกเล่นเรื่องการสะกดจิตเข้ามาอีกด้วย แต่เรื่องของเรื่องไม่ได้ถูกเดาให้ออกมาง่ายขนาดนั้น เมื่อมาถึงจุดเฉลยของเรื่องทั้งหมดจะพบความแปลกทั้งแนวทางการคิดและวิธีทำ อะไรที่ว่าเก่ายังคงมีและอะไรที่ดูใหม่ยังทำให้เห็น ประเด็นผิวสีจึงดูไปไกลกว่าแค่เรื่องความแตกต่างที่นึกขยะแขยง แต่มันคือความปรารถนาที่อยากครอบครองเพราะคือสิ่งดี ทั้งนี้อีกนัยยะหนึ่งคือสิ่งของหายาก ไม่ว่าจะสีผิวหรือหน้าตาไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ทั่วไป คล้ายกับเวลาแก่เห็นคนหนุ่มก็อยากเป็นแบบคนนั้น เห็นคนสวยหรือคนหล่อก็อยากเป็นแบบนั้น แล้วจะทำแบบนั้นอย่างไร คำตอบที่ได้นับว่าเซอร์ไพรส์กันเลยทีเดียว
Get Out แฝงประเด็นล้อเลียนเรื่องสีผิวอย่างสนุกสนานตลอดเวลา ไม่มีใช้คำที่รุนแรงแต่ฟังแล้วรู้สึกบาดเจ็บเหมือนถูกมีดกรีดเบาๆ มีความเป็นหนังสยองขวัญที่ลุ้นระทึกจากการใส่จังหวะที่ถูกต้องอย่างไม่มีขาดหรือเกิน ผลที่ได้คือความน่ากลัวชวนกดดัน เช่นเดียวกันกับรอยยิ้มที่เห็นยิ่งรู้สึกได้ถึงความหดหู่ ยิ่งในหมู่สังคมคนมากจะรู้สึกแตกต่างเหมือนเป็นตัวตลกให้ถูกแซวอยู่คนเดียว ถือเป็นหนังที่เกิดมาเพื่อคนผิวสีที่โชว์ด้านมืดของคนผิวขาวที่ผ่านยุคสมัยมานานแค่ไหนก็ยังมีความคิดเอารัดเอาเปรียบเช่นเคย จะต่างกันเพียงไม่ได้เอามาเป็นทาสรับใช้เพราะหมดยุคสมัยไปแล้ว แต่มาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของสังคมจอมปลอมให้อยู่นานยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง