Flatliners (2017) ขอตายวูบเดียว

Flatliners (2017) | ขอตายวูบเดียว
Director: Niels Arden Oplev
Genres: Drama | Horror | Mystery | Sci-Fi | Thriller
Grade: C

เหมือนจะเห็นการกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า (Defibrillation) ทั้งที่ใส่เสื้อ ไฟฟ้าไหลผ่านผ้าสู่ร่างกายได้?!

เห็น Kiefer Sutherland จาก Flatliners (1990) กลับมาเล่นเรื่องนี้ก็ไม่ได้แปลจะเป็นหนังภาคต่อแต่อย่างใด หากเป็นการรีเมคที่ขอหยิบตัวละครในต้นฉบับมาให้หายคิดถึง ซึ่งเหมือนจะมาดีที่อย่างน้อยไม่ขอด้อยกว่าของดั้งเดิม แต่ไฉนความน่าสนใจที่อุตส่าห์มีให้ถึงออกมากระจุยกระจายไร้ความน่าเชื่อ โดยเฉพาะการเริ่มอย่าง ไปอย่าง และจบอีกอย่าง ทั้งที่คอนเซ็ปต์ชีวิตหลังความตายมีอะไรให้น่าคิดน่าลองกว่านี้ตั้งมากมาย


นักศึกษาแพทย์ คอร์ทนีย์ (Ellen Page) มีความสงสัยและคำถามมากมายเกี่ยวโลกหลังความตาย เห็นอะไร รู้สึกยังไง ซึ่งใครจะไปเชื่อหากไม่มีการพิสูจน์หรือเห็นกับตาตัวเอง ฉะนั้นจึงทดลองอย่างลับๆทำให้ตัวเองตายชั่วคราว ซึ่งจะมีนักศึกษาแพทย์ในฐานะผู้ร่วมทดลองอีก ได้แก่ เรย์ (Diego Luna),มาร์โล (Nina Dobrev),เจมี (James Norton) และ โซเฟีย (Kiersey Clemons) ที่มารู้เห็นเข้าโดยบังเอิญ

เรื่องโลกหลังความตายคือคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ แต่สุดท้ายความแข็งแรงในจุดนี้กลายเป็นจุดอ่อนที่ไม่ได้ขยายหรืออธิบายให้ชัดเจน มาถึงรีบเร่งทำการทดลองเพราะความสงสัยว่าหากตายแล้วจะเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งความน่าลุ้นตกไปอยู่ที่การกู้ชีพ จะทำยังไงให้เหมือนตายชั่วคราวและจะทำยังไงให้ฟื้นกลับมา เป็นความลุ้นในการทดลองครั้งแรกที่ตายไม่ตายแหล่ กระนั้นมาสะดุดตรงความสามารถของนักศึกษาแพทย์ที่เหมือนจะเก่งแต่ทำไมถึงปลอยให้ลุ้นกันขนาดนี้ แน่นอนว่าถ้าให้ฟื้นทันทีคงไม่มีอะไรให้ลุ้นระทึกน่ะสิ


อยากรู้โลกหลังความตายเลยทดลองแกล้งตาย ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ไม่ค่อยพูดถึงในจุดนี้เท่าไร จะหนักไปทางผลของการตายชั่วคราว ซึ่งทำให้ตัวละครมีความรู้ความสามารถที่อัจฉริยะมากขึ้น ทว่าต้องแลกมาด้วยอาการหลอนถูกจ้องอาฆาตแค้นตลอดเวลา พอมาถึงจุดนี้ได้เปลี่ยนบรรยากาศเป็นหนังผีจากที่ดูวิทยาศาสตร์มีการทดลองมีคำอธิบายที่ฟังดูสมนักศึกษาแพทย์ น่าเสียดายที่ความหลอนยังไม่ถึงกับน่ากลัวเท่าไร แต่มีบางช่วงบางจังหวะทำได้ค่อนข้างดีอยู่เหมือนกัน

สาเหตุอาการหลอนล้วนเป็นเรื่องของปมในอดีตจากตัวละครนั้นๆ ซึ่งบางเรื่องน่าเห็นใจ บางเรื่องสมควรโดน แต่ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการกระทำที่จะสะท้อนกลับมาอีกทีหรือที่เรียกว่า"บาป" ถือเป็นสาระที่พอดูมีน้ำมีเนื้ออยู่บ้าง กระนั้นในส่วนของโลกหลังความตายได้ถูกลืมเลือนเปลี่ยนเป็นเปิดปมความผิดในอดีตเสียแทน ที่ว่าไปเห็นอะไรมาแล้วมีผลยังไงบ้างได้ถูกเปลี่ยนประเด็นทั้งที่น่าจะขยี้อีกหน่อยก็ยังได้ เป็นความน่าเสียดายที่ไม่ได้ไปต่อจนหนังจบแล้วจบกัน


Flatliners จากความสงสัยกลายเป็นความหลอนและแก้ไขให้จบอย่างมีความสุข คือ ความง่ายดายในการแก้ไขสถานการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผล อีกทั้งรู้สึกว่าจุดเชื่อมโยงค่อนข้างบอบบางและแทบไม่มีการพูดต่อในตอนจบ ทำให้โลกหลังความตายเป็นจุดแข็งเพียงเศษเสี้ยวที่มาให้น่าสนใจโดยเปล่าประโยชน์ ทว่าการเล่าเรื่องยังคงมีทักษะชวนให้ตื่นเต้นให้ลุ้นกันอยู่เป็นพักๆแม้ความลุ้นจะดูธรรมดาอยู่บ้างเป็นส่วนใหญ่ก็ตามที ส่วนข้อดีของหนังคือสาระจากการกระทำ อะไรที่เคยทำผิดพลาดไปแล้วจงอย่าเดินหนี ให้เผชิญหน้ากับความผิดนั้นและยอมรับขอโทษก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกิน

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)