Flash Gordon (1980) | แฟลช กอร์ดอน ผ่ามิติทะลุจักรวาล
Director: Mike Hodges
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi
Grade: B
อารมณ์เหมือนดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่สร้างแรงบันดาลใจแบบพระเอ๊กพระเอก แต่เนื้อแท้แทบจะหยิบมากัดกันได้ชัดเจนมาก โดยเฉพาะตัวร้ายนามว่า"หมิง"ที่เล่นโดย Max von Sydow จนกลายเป็นตัวละครที่น่าจำจดและแสนสะดุดตา แต่นั้นไม่เท่ากับชื่อที่คล้ายภาษาจีนและใช้วิธีปกครองแบบเผด็จการจนแอบอิงเหตุการณ์ในช่วงนั้นอย่างสงครามเย็นและสงครามเวียดนาม ซึ่งภาพลักษณ์ของหนังเรื่องนี้จึงไม่ต่างกับการสร้างมายาคติของชาวอเมริกันว่าตัวเองนั้นไม่แพ้สงคราม
เสียดายที่ดั้งเดิมบทของ แฟลช กอร์ดอน เป็นของ Arnold Schwarzenegger แต่ติดประเด็นเรื่องสำเนียงออกไปทางออสเตรีย ทำให้บทพระเอกโชว์กล้ามต้องอดเป็นของ Sam J. Jones ซึ่งการแสดงหรือสีหน้าย่อมเหนือกว่าในเรื่องของคาแรคเตอร์ การจะให้นักกล้ามมาเป็นพระเอกอาจจะดูยิ่งใหญ่ไปสักหน่อยเพราะโดยรวมเป็นหนังเบาสมองใส่มุขขำขันบ้าง จะไม่ออกมาเท่ในสายตาผู้ใหญ่ซะทีเดียว
คิดว่าถ้าเป็นเด็กน่าจะเป็นขวัญใจไม่น้อยเพราะอย่างหลายแสดงถึงความกล้าหาญ ความเชื่อมั่น และความเก่งกาจที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ซึ่งจะว่าไปก็ครบสูตรสำเร็จความเป็นพระเอกที่ดั้งเดิมคือคอมมิคที่เขียนโดย Alex Raymond ในปี 1934 แล้วหลังจากนั้นไม่นานได้สร้างเป็นหนังในปี 1936-1940 โดยฉบับหนังนี้มีเนื้อเรื่องไม่ต่างกันและพูดถึงภัยพิบัติธรรมชาติที่ผิดปกติมากมายบนโลก สาเหตุไม่ใช่ใครแต่เป็นจักรพรรดิ์หมิงจากนอกโลกที่อยากทำลายมนุษยชาติ ทว่ามีเพียง ฮันส์ ซาร์ซกอฟ (Topol) นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงพยายามออกนอกโลกไปหยุดแผนการนี้ โดยที่บังเอิญมีชายหนุ่มชื่อแฟลชและหญิงสาว เดล เอเดน (Melody Anderson) ติดไปด้วย
ถึงหนังจะสร้างที่หลัง แต่คอมมิคเกิดก่อนจนเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้ George Lucas นำไปใช้สร้างหนังสงครามอวกาศที่ยิ่งใหญ่อย่าง Star Wars แม้จะถูกหยิบยืมไปหลายอย่างแต่ Flash Gordon ยังอุดมไปด้วยความสดใหม่ อาจจะไม่ใช่พล็อตหรือเนื้อเรื่อง แต่เป็นส่วนของตัวละครที่แปลกหน้าแปลกตาเหมือนหลุดมาจากตำนานเก่าแก่ทั้งที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น เผ่าที่มีปีกบินได้และมีเจ้าชายวัลแทน (Brian Blessed) ราวกับคนเถื่อนเหมือนพวกไวกิ้ง อีกด้านหนึ่งเป็นเจ้าชายบาริน (Timothy Dalton) ที่มากอุดมการณ์และใช้ชีวิตแบบอัศวิน และเผ่าคนผิวสีที่นำมาแซะประเด็นความแตกต่างทางสีผิวที่ไม่ได้มีบทบาทมากนักแต่น่าสนใจ
หลายอย่างดูแปลกตาไม่น้อยในเรื่ององค์ประกอบที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่สามารถทำให้กลืนเป็นเนื้อเดียวกันได้ในลักษณะความคิดสร้างสรรค์ที่มีแต่ของแปลกใหม่ทั้งที่พล็อตเรื่องไม่ได้มีอะไรมากแค่หยุดยั้งแผนชั่วร้ายของจักรพรรดิ์หมิง แต่ที่น่าชื่นชมคือเรื่องของตัวละครค่อนข้างหลากหลายและไม่รู้สึกว่าซ้ำ พอไปเจอตัวละครนี้จะกลายเป็นอีกเรื่องให้น่าติดตาม ฉะนั้นถ้าชอบการผจญภัยไม่น่าผิดหวัง แต่อาจต้องทำใจนิดนึงเรื่องโทนหนังที่อาจไปไม่สุดในบางจังหวะเพราะหนักไปทางฝั่งผู้ชมที่เป็นเด็ก
จริงที่ว่าตัวหนังหนักไปทางผู้ชมฝั่งเด็กจนบางอย่างก็เด็กมากเหลือเกิน แต่บางครั้งก็ดูเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ทั้งมุขทั้งตัวละคร อย่างเช่น เจ้าหญิงออร่า ที่เล่นโดย Ornella Muti ซึ่งในเรื่องเป็นลูกสาวของจักรพรรดิ์หมิง แต่กลายเป็นว่าตกหลุมรักแฟลชเพราะความเก่งกาจที่ไม่เหมือนใครจนยอมหักหลังพ่อตัวเอง คร่าวๆก็เหมือนไม่มีอะไรแต่เนื้อแท้แฝงไปด้วยเรื่องราวของเซ็กซ์เพื่อหาคนมาตอบสนองความต้องการ แม้จะไม่มีฉากที่เห็นชัดแต่การแสดงออกมาชัดเลยทีเดียว
Flash Gordon เป็นเรื่องราวผจญภัยนอกโลกที่ถือว่าแปลกแหวกแนวและน่าตื่นเต้นไม่น้อย แต่เรื่องราวของพระเอกดูเป็นฮีโร่มากไปหน่อยจนน่าหงุดหงิดเพราะทำอะไรก็ออกมาเท่เอาใจซะเหลือเกิน เว้นแต่จะปล่อยว่างดูเอาสนุกเพลิดเพลินเพราะเป็นจุดขายที่หนังจะทำ ด้วยความที่มีลูกเล่นและรายละเอียดหลายอย่างทำให้เต็มไปด้วยเอฟเฟคและเทคนิคต่างๆจนไม่รู้สึกถึงความน่าเบื่อ อะไรที่ทำได้ในยุคนั้นจัดหนักจัดเต็มตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ(แถมจบแบบกวนๆอีกด้วย) ถือเป็นหนังผจญภัยไซไฟนอกโลกที่แม้พล็อตจะเก่าและมีตัวละครที่ธรรมดา แต่เอาเข้าจริงไม่จืดชืดและยินดียินดาไปกับความราบลื่นของหนังด้วยความบันเทิงเพียวๆราวกับย้อนเวลากลับเป็นเด็กอีกครั้ง