We're the Millers (2013) มิลเลอร์ มิลรั่ว ครอบครัวกำมะลอ

We're the Millers (2013) | มิลเลอร์ มิลรั่ว ครอบครัวกำมะลอ
Director: Rawson Marshall Thurber
Genres: Comedy | Crime
Grade: B+

"หนังเกี่ยวกับครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่แหม่..เรทไม่ครอบครัวเลยนะ"

เป็นหนังที่มาในลักษณะสองแง่สองง่าม จะว่าดีก็เพื่อบันเทิง ไม่สามารถนำมาเป็นสาระในชีวิตจริงได้ เนื่องจากทุกอย่างดูเป็นการล้อธรรมเนียมสูตรหนังครอบครัวให้ออกมาตรงข้ามเกือบหมด ฉะนั้นบุตรหลานท่านใดคิดจะดูเรื่องนี้อาจต้องมีวิจารณญาณสักเล็กน้อย ไม่งั้นจะคิดว่าคือหนังครอบครัวสุขสันต์ทั้งที่พฤติกรรมทั้งหมดไม่ใช่่สิ่งที่ควรนำมาเป็นตัวอย่างทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วก็นับเป็นความบันเทิงที่ปล่อยกันได้สุดตัวอย่างไม่เกรงใจใคร ซึ่งเป็นความรู้สึกที่บันเทิงเอาเรื่องไม่น้อย


เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจาก เดวิด (Jason Sudeikis) พ่อค้ายาระดับล่างที่ต้องหาเงินชดใช้ แบรด (Ed Helms) ผู้มีอิทธิพลรวยเหลือล้น ทว่าชีวิตต้องพลิกพลันหลังจากโดนขโมยเงินที่ได้จากการขายยาไปจนหมด ทำให้ชีวิตมาถึงคราวตกอับเพราะสิ้นเนื้อประดาตัว กระนั้นแบรดเสนอหนทางแก้ตัวด้วยการให้ทำงานขนยาล็อตใหญ่จากเม็กซิโกเข้ามาอเมริกา แน่นอนว่าเหมือนง่ายแต่ทำจริงไม่ง่ายอย่างปากพูด จนกระทั่งได้ความคิดหนึ่งที่ไม่มีใครนึกถึง

ความคิดที่จะเข้าออกเม็กซิโกและอเมริกาคือการสร้างครอบครัวปลอมๆเพราะดูไม่น่าสงสัย ใครๆก็มองเป็นครอบครัวสุขสันต์ไปเที่ยวตามประสาวันหยุด ซึ่งกว่าจะได้ครอบครัวปลอมนี้ต้องว่าจ้างยื่นข้อเสนอให้กับ โรส (Jennifer Aniston) สาวนักเต้นคลับบาร์มาเป็นภรรยา , เคนนี่ (Will Poulter) เด็กใสซื่อบริสุทธิ์ที่พกความซิงมาเป็นลูกชาย และ เคซี่ย์ (Emma Roberts) สาวแสบสุดห้าวมาเป็นลูกสาว โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การสมมติในนามของครอบครัวมิลเลอร์


ทุนสร้าง $37 ล้าน แต่สามารถทำกำไรอย่างงดงามในอเมริกาไป $150 ล้าน และทั่วโลก $270 ล้าน เรียกว่ากำไรเหลือล้นสำหรับหนังขายมุขตลกที่สามารถครองใจผู้ชมได้อยู่หมัด ทว่าในความเป็นจริงตัวหนังไม่ได้ชวนแปลกแหวกแนวอะไรสักเท่าไร หลายอย่างอยู่ที่ความลงตัวชวนน่าติดตามและจังหวะที่ได้แล้วได้อีกไม่น่าเบื่อ อีกทั้งสถานการณ์พาชวนลุ้นหลายครั้ง ซึ่งเราจะได้เห็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามทักษะของตัวละครที่ต่างมีจุดเด่นของตัวเอง ทำให้มีเรื่องราวมาใหม่อยู่เรื่อยๆไม่จมอยู่แค่เรื่องเดิม

กระนั้นตัวหนังไม่ได้พูดปัญหาตามสถานการณ์มากนักเพราะมุ่งไปที่ความไม่กินเส้นของตัวละคร ด้วยเหตุนี้ปัญหาความชลมุนถูกแก้ไขอย่างง่ายดายและราบลื่นราวกับพกดวงมาด้วย นั้นรวมไปถึงบทสรุปในตอนจบที่ลงสูตรตายตัวทั้งที่มีเรื่องสนุกชวนไม่คาดฝันมาตลอด แม้โดยรวมจะไม่ได้แปลกหรือสดใหม่แต่สิ่งที่ต้องยกให้คือความไม่ปกติ โดยเฉพาะการรวมตัวละครที่ต่างขั้วต่างนิสัยมารวมตัวกันและยังทำให้เหมือนครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียว ซึ่งมุขควรดูน่ารำคาญที่ต้องมาฟังความคิดคนละมุมมองที่เถียงไปมา แต่เรื่องนี้ไม่รู้สึกเช่นนั้นและคิดว่ามุขแต่ละอย่างดูเสียดสีหนักพอตัว


ข้อสังเกตอย่างหนึ่งเกี่ยวกับทุกคนคือไม่มีใครดีไปซะทุกคน แต่อาจยกเว้นให้กับเคนนี่เพราะเป็นเด็กใสซื่อและประสบการณ์น้อยที่สุด ซึ่งความเป็นคนซื่อทำให้ไม่ทันคนหลายเรื่อง รวมไปถึงวุฒิภาวะเรื่องเพศที่ต้องได้รับการสั่งสอนให้เข้าใจว่าควรทำยังไง ทว่าการสั่งสอนจากคนอื่นที่เหลือในครอบครัวปลอมๆไม่ใช่สิ่งที่บอกว่าถูกต้อง(ถ้ามองเป็นมุขล้อเลียนก็อดอมยิ้มหัวเราะเบาๆไม่ได้) อะไรที่ห้ามจะกลายเป็นสิ่งที่ทำได้เลยโดยไม่แคร์ว่าเป็นยังไงในสายตาคนอื่นๆ ตัวอย่างฉากให้ไปทำ Oral Sex กับตำรวจเพศเดียวกันเพื่อแลกกับค่าผ่านทาง ซึ่งคนอื่นให้กำลังใจว่านี่แหละเป็นเรื่องที่สมควรเพราะถ้าไม่ลองจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองไม่ใช่เกย์(?!) หรือการสอนจูบที่เป็นมากกว่าทฤษฏีเพราะลงมือปฏิบัติจริงไปเลย แล้วชีวิตจริงใครจะไปสอนลูกตัวเองแบบนี้กัน

เคนนี่คือตัวละครมีปมไร้ประสบการณ์ในโลกกว้างจนเหมือนงี่เง่าในบางโอกาส ซึ่งสาเหตุมาจากแม่ของตัวเองที่มักไม่อยู่บ้านบ่อยครั้งจนเหมือนตัวคนเดียว นั่นทำให้เข้าหาเดวิดเพื่อสนิทสนมในฐานะคนแก้เหงาและรู้สึกมหัศจรรย์มากขึ้นที่ได้เดินทางต่างแดนเปิดมุมมองที่ตัวเองไม่รู้จักหรือสัมผัสมาก่อน ขณะที่เคซี่ย์แตกต่างออกไปเพราะประสบการณ์มากกว่าและค่อนข้างมองโลกในแง่ลบเป็นส่วนใหญ่ รวมไปถึงวุฒิภาวะเอาแต่ใจตามประสาวัยรุ่นที่ไร้การดูแล สำหรับตัวละครทั้งสองไม่ต่างไปจาก Coming of Age ที่ยังต้องเรียนรู้อีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเพศ ทัศนะคติ การคบหาเพศตรงข้าม ชีวิตความเป็นอยู่ และครอบครัว


เดวิดอาจเป็นตัวละครที่ไม่มีปมอะไรให้ใส่ใจเพราะที่รู้มีเพียงเรื่องขนยา แต่จะทำยังไงให้สำเร็จเพื่อรับผลตอบแทนคือสิ่งที่สะท้อนออกมาถึงความเห็นแก่ตัว บางครั้งปัดความรับผิดชอบและโยนให้คนอื่นรับเคราะห์แทนอย่างหน้าตาเฉย แต่เรื่องของเรื่องเดวิดไม่ใช่คนที่เห็นแก่ได้ไปซะทุกครั้ง ซึ่งท้ายที่สุดก็รู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญระหว่างตัวเองกับครอบครัวปลอมๆที่ดูเหมือนจะเริ่มเป็นจริงทุกขณะ ส่วนโรสมีปัญหาเรื่องที่อยู่เพราะค่าเช่าและงานเต้นระบำเปลือยที่ทางร้านเริ่มถดถอยจนต้องเสริมงานขายบริการทางเพศ แน่นอนว่าโรสปฏิเสธงานที่เพิ่มขึ้นนี้และลาออกในที่สุด ทว่าด้วยข้อเสนอของเดวิดจึงจำใจอย่างไม่มีทางเลือกเพื่อเงินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถ้าดูจากชีวิตโรสเห็นถึงความลำบากไม่น้อยในการดิ้นรนสู้ชีวิต โดยเฉพาะการดูถูกอาชีพที่มองในแง่ลบเป็นส่วนมาก แต่ถามว่านั้นใช่ทั้งชีวิตของเธอจริงๆหรือเปล่า

We're the Millers คือหนังครอบครัวที่พกความแสบสันต์ได้อย่างครบรส โดยเฉพาะมุขที่มักพาเข้าเรื่องเพศอย่างเนียนๆราวกับเป็นเรื่องปกติ(ทั้งที่ไม่น่าจะใช่) แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเหล่านักแสดงที่ตีบทเข้าขากันได้ดี ไม่ว่าจะ Jason Sudeikis,Will Poulter,Emma Roberts และ Jennifer Aniston (สำหรับคนสุดท้ายต้องบอกไม่ธรรมดาเพราะโชว์ลีลาเต้นสุดเซ็กซี่จนลืมมาดคุณแม่เรียบร้อยไปเสียสนิท) ถือว่าสนุกมากและมุขแต่ละอย่างค่อนข้างสดแล้วยังเสียดสีได้ฮาและตรงจนไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ แต่ติดอย่างหนึ่งตรงที่อาจเป็นแบบอย่างไม่เหมาะสม เว้นไม่คิดอะไรมากเพราะเป็นเน้นขายบันเทิง สำหรับสาระมีแน่นอนแต่อยู่ที่ตัวเราจะเลือกหยิบอะไรไปใช้

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)