The Commuter (2018) | นรกใช้มาเกิด
Director: Jaume Collet-Serra
Genres: Action | Mystery | Thriller
Grade: B
นี่เป็นเรื่องที่ 4 จากการทำงานร่วมกันระหว่างผู้กำกับ Jaume Collet-Serra และนักแสดง Liam Neeson ไม่ว่าจะ Unknown (2011),Non-Stop (2014) และ Run All Night (2015) จนไม่ว่าจะไปที่ไหนต้องเกิดเรื่องที่นั้น เช่นเดียวกับคราวนี้ที่เกิดขึ้นบนรถไฟและมีเพียงเขาเท่านั้นที่จัดการปัญหานี้ได้
ไมเคิล (Liam Neeson) พนักงานขายประกันภัยที่อายุ 60 ปีแต่ถูกไล่ออกอย่างไม่ทันตั้งตัวมาก่อน นั่นเองได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตเขาเพราะเรื่องครอบครัวที่กำลังใช้เงิน แต่ระหว่างทางกลับบ้านบนรถไฟที่นั่งประจำหลายปีก็พบผู้หญิงปริศนา (Vera Farmiga) มายืนข้อเสนอให้หาคนๆหนึ่งที่มีกระเป๋าและกำลังเดินทางไปสุดสถานี สิ่งที่ต้องทำคือชี้ตัวว่าใครคือคนนั้น ถ้าทำสำเร็จจะได้เงินรางวัลเป็นค่าตอบแทน แต่ถ้าไม่สำเร็จจะต้องเสียครอบครัวที่เขารักเสียเอง
แวบแรกที่เห็นทันทีคือการนำนักแสดง Vera Farmiga และ Patrick Wilson มารวมอยู่ในหนังเรื่องนี้จนแอบนึกถึงครอบครัววอร์เรนใน The Conjuring ทำให้หนังแอ็คชั่นทริลเลอร์จะกลายเป็นหนังผีไปเสียแทน(ฮา) แต่นั้นเป็นส่วนน้อยที่จะคิดแบบนั้นเพราะเอาจริงๆทั้งสองไม่ได้เข้าฉากร่วมกันแต่อย่างใด กระนั้นยังสร้างความสะดุดตากันไม่น้อยทีเดียว
Liam Neeson แสดงเรื่องนี้ได้สมกับอายุที่ตัวเองมีในโลกของหนังและชีวิตจริง ซึ่งความแก่เป็นอุปสรรคหลายอย่างในการดำรงชีวิตเพราะเริ่มหมดคุณค่า บางทีมองเป็นคนหมดไฟเริ่มงานได้ช้า ไม่เว้นแม้แต่สุขภาพที่ถดถอยเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับตัวละครในเรื่องจะเห็นความอ่อนแอซะมาก การต่อสู้ด้วยหมัดด้วยกำลังจะด้อยกว่าหลายครั้งจนรู้สึกว่านี่คือพระเอกจริงหรือไม่ ทว่ากำลังที่น้อยกว่าก็ต้องสู้ด้วยสติปัญญาหรือประสบการณ์ที่มากกว่า ฉะนั้นไมเคิลจึงเป็นตัวละครที่ดูจริงและจะสมจริงกว่านี้หากไม่มีฉากวินาศสันตะโรช่วงท้ายเรื่องที่โม้เข้าข้างพระเอก แต่ไม่ปฏิเสธในความเว่อร์นี้เพราะตื่นเต้นชวนลุ้นกันสุดๆ
แรกๆอาจจะช้าสักเล็กน้อยเพราะต้องการบอกชีวิตขาลงที่หมดหนทางไปต่อกับชีวิต โดยอุปสรรคอันยิ่งใหญ่คืออายุที่มากเพราะไม่มีทางไปต่อได้อีกกับเรื่องสมัครงานใหม่ ซึ่งแรงจูงใจของหนังทำได้ค่อนข้างดีในการพยายามไต่ระดับให้หนักขึ้น อีกทั้งความน่าสงสัยและปริศนาต่างๆก็ล้วนน่าดึงดูดเพราะไม่รู้ว่าเจอกับอะไรแล้วยังไงต่อไป สิ่งที่ผู้ชมรู้เท่ากับสิ่งที่ตัวละครรู้ การร่วมไขปริศนาที่เกิดขึ้นภายในรถไฟกับความเฉลียวฉลาดก็ช่วยให้ลุ้นตลอดเวลา แต่น่าเสียดายกับความพยายามหาคำตอบที่พอรู้ความจริงก็ดูธรรมดาไปเลย
The Commuter แอ็คชั่นน้อยแต่ต่อยหนักทั้งเรื่องเหมือนอัดอั้นอยากระบาย ขนาดที่ว่ามีฉาก Long-take ต่อยตีภายในรถไฟกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ซึ่งใครจะไปคิดว่าการให้เป็นหนังปริศนาไขความลับจะมีจังหวะมันส์ๆแบบนี้ แต่ความมันส์ไม่อยู่ที่ฉากแอ็คชั่นเพียงอย่างเดียวเพราะตลอดเรื่องจะเห็นความกระตือรือร้นไขปริศนาตลอดเวลา ซึ่งความยากคือข้อมูลเบาะแสที่น้อยและการหาข้อมูลเพิ่มเติมย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายบนรถไฟที่มีตั้งไม่รู้กี่คนต่อกี่คน อีกทั้งจะทำยังไงให้ดูไม่น่าสงสัยเสียเอง นับเป็นหนังที่ Liam Neeson แสดงได้ลุ้นตื่นเต้นและดูอวยในความเท่กันไม่น้อยในตอนจบ