The Jewel of the Nile (1985) | อัญมณีแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์
Director: Lewis Teague
Genres: Action | Adventure | Comedy | Romance
Grade: C+
ภาคต่อ Romancing the Stone (1984) และเป็นภาคสุดท้าย ซึ่งน่าเสียดายที่ทำไม่ครบไตรภาค แต่ถ้าได้ทำจะมีชื่อว่า The Crimson Eagle เป็นเนื้อเรื่องของ แจ๊ค ที คอลตั้น (Michael Douglas) และ โจแอน ไวล์เดอร์ (Kathleen Turner) พร้อมกับเด็กอีกสองคนที่การถูกกล่าวหาขโมยรูปปั้นอันล้ำค่าในประเทศไทย ส่วนเรื่องราวในภาคนี้จะเป็นการผจญภัยในทะเลทรายตามหาอัญมณี ซึ่งเป็นอัญมณีที่ไม่มีใครคาดคิด
เริ่มตะหงิดใจตั้งแต่เปิดเรื่องที่ต้องการเหมือนภาคแรกเพื่อคงเอกลักษณ์ของนางเอกที่ใช้จินตนาการในการแต่งนิยายราวกับเพ้อฝันกลางวัน ซึ่งภาคแรกดูเป็นเรื่องเป็นราวสมกับคนที่มีพรสวรรค์แต่งนิยายรักโรแมนติก ขณะที่ภาคนี้พยายามทำให้เหมือนกันและแตกต่างขึ้นเรื่อยๆจนดูเลอะเทอะ แต่นั่นเอามาตัดสินใจกับหนังทั้งเรื่องไม่ได้เพราะสุดท้ายแล้วอยู่ที่การผจญภัยที่เป็นจริงมากกว่า ส่วนจะเป็นยังไงนั้นค่อนข้างสนุกแต่อารมณ์ไม่เทียบเท่าภาคแรก
ความโรแมนติกท่ามกลางการผจญภัยยังคงมีให้เห็นเป็นระยะๆ แต่ความสดใหม่หรือการพัฒนาตัวละครไม่เป็นอย่างใจหวังเพราะดูเป็นสูตรสำเร็จไปเกือบหมด ผิดกับภาคแรกที่สร้างสถานการณ์ชวนหลอกจนมีฉากลุ้นที่คาดไม่ถึงหลายครั้ง กระนั้นการเป็นหนังที่คาดเดาง่ายยังทดแทนด้วยฉากแอ็คชั่นที่มากขึ้นและดูมีทุนที่หนากว่าเดิม ทำให้ยังมีเรื่องตื่นเต้นให้ลุ้นกันอยู่บ้าง ทว่าก็เป็นส่วนน้อยที่จะมาตื่นเต้นกับฉากแอ็คชั่นที่มากกว่าภาคแรกเพราะขาดความพลิกแพลง จึงเป็นสาเหตุที่ตัวร้ายดูไม่เก่งกาจทั้งที่ดูมีอะไรแต่ก็ไม่มีซะอย่างนั้น
ในส่วนของการผจญภัยไม่ตื่นเต้นหรือชวนลุ้นว่าต้องอะไรในหนทางข้างหน้า แต่เป็นความแปลกตาหรือการประยุกต์มากกว่า โดยเฉพาะการนำเผ่าพื้นเมืองมาร่วมแสดงด้วยประเพณีเลือกคู่ แน่นอนว่าไม่พ้นคู่พระนางระหว่าง Michael Douglas กับ Kathleen Turner ที่ยังแสดงเป็นคู่รักได้อย่างเข้ากัน แต่เสียดายที่ความสัมพันธ์ทั้งสองดูไม่จริงจังหรือมีเรื่องราวมากเท่าไร ทำให้ปมขัดแย้งไม่ได้รับการใส่ใจเท่าที่ควรและจบแบบง่ายๆ ซึ่งผิดกับภาคแรก(อีกครั้ง)ที่มองอุปสรรคมาเป็นตัวเลือกระหว่างความรักกับเรื่องของตัวเอง
Danny DeVito ยังมาปล่อยมุขตลกอีกครั้งและมากกว่าเดิมจนบางครั้งดูติ๊งต๊องมากไปหน่อย ราวกับตั้งใจมาสร้างเสียงหัวเราะทั้งที่เดิมทีเป็นตัวละครที่ตกอยู่ระหว่างกลาง ไม่รู้จะไปทางไหนแต่ขอเอาตัวรอดและกำไรไว้ก่อน อีกทั้งที่มาที่ไปออกจะหลวมๆไปสักหน่อยเพราะมาเพียงแก้แค้นหลังจากภาคแรกถูกทิ้งอย่างน่าสงสาร ซึ่งภาคนี้พยายามพลิกสถานการณ์จับพัดจับพูจากตัวร้ายระดับล่างที่มีไว้ประดับเสียงฮามาเป็นตัวช่วยในเวลาคับคัน
The Jewel of the Nile คือภาคต่อการผจญภัยที่เน้นความรักเช่นเคย แต่เสน่ห์ในจุดนี้ได้เลือนหายไปพอสมควร การเอาใจช่วยลุ้นในความสัมพันธ์ระหว่างแจ๊ค ที คอลตั้นและโจแอน ไวล์เดอร์จึงผ่านไปแบบหยาบๆ น่าเสียดายที่สนุกเทียบเท่าภาคแรกไม่ได้เพราะหลายอย่างหมดทิศทางที่จะเล่าเหมือนมาถึงจุดอิ่มตัว แต่อย่างน้อยยังพอดูได้เพลินๆไม่ถึงกับน่าเบื่อชวนบ่น แค่รู้สึกมันจืดชืดตามสูตรมากเกินไปนิดนึงเท่านั้นเอง