เปรมิกา ป่าราบ (2560)
Director: ศิวกร จารุพงศา
Genres: Comedy | Horror
Grade: B+
"ร้องคาราโอเกะได้ไหม"
คัลท์ได้คัลท์ดีจริงๆ แต่จะให้ถึงกับร้องว้าวคงไม่ขนาดนั้น แค่รู้สึกได้อะไรใหม่ๆที่ยังไม่เคยเจอ ยิ่งเป็นเรื่องร้องเพลงผสมกับสยองขวัญเป็นสิ่งที่เห็นน้อยมาก จะฆ่าก็ไม่ฆ่าเลย แต่ต้องมาร้องเพลงที่โจทย์มอบให้ โดยมีกฎกติกาการร้องเพลงระบุให้ชัดเจนเหมือนหนังสยองขวัญเก่าๆที่พยายามบอกกฎให้ระวังตัว ซึ่งจะมีตัวละครประเภทไม่สนกฎและตายเพราะสิ่งนี้ กระนั้นยังมีการหักหน้าที่ต่อให้ทำตามกฎก็ใช่หลุดรอดไปได้ ถ้าใครโดนให้ร้องเพลงก็นึกได้เลยว่าโอกาสรอดแทบไม่ต้องหวัง
พล็อตเป็นหนังสยองขวัญเกี่ยวกับเปรมิกา (จีน่า ณัฐชา เดอซูซ่า) ผีอาฆาตแค้น ซึ่งก็สูตรสำเร็จเดิมๆ แต่ด้วยลูกเล่นและความคิดสร้างสรรค์ทำให้หนังผีมุมมองเดิมๆแทบจะหายไปจากสมองทันที แทนที่จะรู้สึกกลัวกลายเป็นความสนุกสนานของผู้ชม อีกนัยหนึ่งคือตลกร้ายที่ตัวละครพากันร้องไห้หวาดผวา แต่ฝั่งผู้ชมรู้สึกชื่นชอบเพราะได้เห็นความหลากหลายของตัวละครที่ไม่ซ้ำซากจำเจ
ซึ่งความหลากหลายนี้มาจากการบทเพลงที่ถูกเลือกโดยตู้ร้องคาราโอเกะ แต่ละตัวละครจะได้รับเพลงแตกต่างกันไป ระหว่างนั้นถ้าตัวละครนั้นมีความสำคัญหรือบทบาทมากพอจะได้เห็นถึงการร้องเพลงอีกด้วย แน่นอนว่าจะร้องเพลงเฉยๆคงไม่ได้ ดังนั้นจึงทำให้เป็นเพลงประกอบมิวสิควีดีโอไปในตัว ใครมีปมประเด็นฝังใจจะถูกเล่าผ่านด้วยการร้องเพลงที่มีเส้นเรื่องเป็นฉากหลัง ถือว่าง่ายที่ไม่ต้องมาอธิบายที่อาจดูไร้อารมณ์ สู้เล่าด้วยเพลงเป็นตัวช่วยสื่อทำให้เข้าใจง่ายและถึงอารมณ์
เป็นหนังผีแต่ความรู้สึกต้องวิ่งหนีผีมีน้อยมาก ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อกับรูปแบบหนังผีไทยที่เจอต้องวิ่ง ซึ่งมีการแซวหนีผีที่ชอบหนีลงตุ่ม แต่สำหรับเรื่องนี้จะไปไหนก็ไม่รอดทั้งนั้นแหละ ไปได้ทุกที่ทุกทาง แล้วเวลาไปแต่ละที่ต้องมาประกอบร่างเหมือนหุ่นยนต์ ทำเอาความคิดที่ถูกฆ่าหั่นศพแทบจะไม่รู้สึกน่าสยดสยองอย่างที่คิด แถมใครที่ถูกฆ่าจะกลายเป็นลูกสมุนเปรมิกา ทำหน้าที่หลอกล่อคนอื่นๆให้มาร้องเพลง ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าตายแล้วบทน้อย เพราะมาเล่นเป็นผีต่อได้อีก
ความคิดสร้างสรรค์มาเต็มที่มาก ทำให้หลายอย่างดูคัลท์ไปหมด แน่นอนว่าตรรกะความสมเหตุสมผลแทบจะถูกตัดออกไปได้เลย ทว่าในความคัลท์ที่เหมือนเลอะเทอะกลับมีเนื้อหาจริงจังเกินกว่าเป็นหนังผีชวนตลก โดยเฉพาะประเด็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มองเป็นเพียงศพต่างด้าวคนหนึ่ง เป็นใครมาจากไหนหาข้อมูลตามสืบได้ยากจึงถูกละเลยเพราะไม่เห็นความสำคัญ อีกทั้งยังมีประเด็นความยากจน ทำให้เปรมิกาต้องมาทำงานกลางคืนจากพ่อแม่และบ้านเกิด จนสุดท้ายต้องเผชิญชะตากรรมไม่คาดฝัน และยังมีประเด็นอีกหลายข้อที่ใส่เข้ามาช่วยให้ตัวละครดูแข็งแรงและมีมิติ
หวังดูเอาความคัลท์ก็ได้สิ่งที่หวังจริงๆ อีกทั้งเป็นความคัลท์ที่ค่อนข้างพอดีตัว ไม่เลอะเทอะจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ทุกอย่างดูมีเงื่อนงำและมีปมให้ไขกระจ่าง ดังนั้นด้านตัวละครและเนื้อเรื่องจึงทำได้ดีพอสมควร แต่ที่ดูมีระดับคือเรื่องของฉากที่มาพร้อมกับความฉูดฉาดมากสีสัน ทำให้ดูสดใสแม้จะสยองขวัญละเลงเลือดหัวขาดคอหลุดมากแค่ไหนก็ตาม สรุปจะเอาคัลท์หรือเอาฮาก็มีพร้อม หรือสยองชวนแหวะก็จัดโหดนองเลือดได้เหมือนกัน
ปล.เพลง"ไถ่เธอคืนมา"เป็นเพลงที่เซอร์ไพรส์อย่างมาก เพราะเนื้อเพลงเข้ากับตัวหนังได้อย่างลงตัว และช่วยเล่าปูมหลังของเปรมิกาโดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ นับเป็นฉากชวนเศร้าและสะท้อนสังคมที่เป็นอยู่ทุกวันนี้