Incident in a Ghostland (2018) บ้านตุ๊กตาดุ

Incident in a Ghostland (2018) | บ้านตุ๊กตาดุ
Director: Pascal Laugier
Genres: Drama | Horror | Mystery | Thriller
Grade: B

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

พล็อตเรื่องแทบไม่ต่างจากหนังสยองขวัญทั่วไป เพราะพูดถึงครอบครัวหนึ่งที่ย้ายบ้าน แต่ไม่ทันได้เก็บข้าวของเรียบร้อยต้องเจอกับพวกโรคจิตบุกบ้าน ทำให้เบ็ธ (Crystal Reed) และ วีร่า (Anastasia Phillips) สองสาวพี่น้องถูกจับเป็นเชลยขังอยู่แต่ในบ้าน ไม่สามารถหนีหรือไปไหนได้ สิ่งที่พวกโรคจิตนี้ต้องการคือจับพวกเธอมาเป็นตุ๊กตา ห้ามร้องไห้ ห้ามส่งเสียง ห้ามขยับ ไม่เช่นนั้นจะถูกซ้อมให้ปางตาย


หนังเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีเล่าเรื่องยังไงให้มากกว่าที่เห็น โดยเฉพาะเนื้อเรื่องที่กระชับแต่เล่าให้ยาวทั้งที่มีเวลาจำกัดเพียง 90 นาที นั่นทำให้เต็มไปด้วยความไม่ประนีประนอม ไม่ทันเกริ่นใจความรายละเอียดก็ใส่ไม่ยั้งมือทันที ทั้ง jump scares ทั้งความระทึก ทั้งความรุนแรง แต่จุดขายที่ช่วยยกระดับให้หนังสยองขวัญเรื่องนี้ไปไกลคือการ twist ที่คาดไม่ถึงว่าจะใช้ตอนกลางเรื่อง อีกทั้งยังสร้างคำถามที่ไม่รู้อันจริงอันไหนเท็จกันแน่

แบ่งเป็น 2 ช่วง ระหว่างความจริงกับความฝัน แต่ไม่ขอฟันธงเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เนื่องจากยังคาใจในประโยคสุดท้ายที่ตัวละครพูด ซึ่งประโยคดังกล่าวเป็นการย้ำเตือนในสิ่งที่ตัวละครอยากเป็น โดยเฉพาะเบ็ธที่ชอบการแต่งเรื่องเขียนนิยาย จึงเป็นได้ไหมที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องแต่งหรือจินตนาการเท่านั้น ขณะเดียวกันทุกอย่างล้วนทำให้บิดเบือนไปจากเดิมเกือบหมด เดี๋ยวจริงเดี๋ยวฝันจนไม่มีความมั่นคงที่แน่นอน แต่ไม่ว่าบทสรุปจะออกมาทางไหนก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งคู่


ตอนที่บ้านถูกคนโรคจิตบุกบ้านเป็นช่วงที่ลุ้นและตื่นเต้นอย่างมาก อนึ่งมาจากการไม่ทันระวัง แม้ผู้ชมจะเห็นอยู่ก่อนในความไม่ชอบมาพากล แต่ใครจะคิดเกี่ยวกับความรวดเร็วที่ไม่ทันตั้งตัว ซึ่งนำไปสู่ความระทึกที่น่ากลัวและมันส์ในเวลาเดียวกัน การต่อสู้เกิดขึ้นในบ้านที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้ จนที่สุดฝ่ายที่ชนะคือแม่ (Mylène Farmer) ของทั้งสองก่อนจะตัดฉากมาที่เบ็ธในตอนที่โตเป็นผู้ใหญ่ เธอได้อยู่กับครอบครัวของตัวเองและมีอาชีพเป็นนักเขียนอย่างที่ใฝ่ฝัน ที่สำคัญเป็นคนดังมีชื่อเสียงอีกด้วย ทว่าต้องกลับบ้านอีกครั้งเพื่อไปดูอาการของวีร่า พี่สาวที่จมทุกข์กับเหตุการณ์ในครั้งนั้นเหมือนยังเกิดขึ้นต่อหน้าตลอดเวลา

แต่เมื่อกลับมาบ้านก็ยิ่งเจอเรื่องประหลาด อีกทั้งอาการวีร่ารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่เชื่อว่าจะเป็นฝีมือของพี่สาวคนเดียว จะต้องมีใครบางคนแอบทำร้าย กระนั้นจะพยายามมองหายังไงก็ไม่มีแม้เงาหรือคำตอบที่ชัดเจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมวีร่าจึงเจ็บปวดและเจ็บช้ำจากการถูกทำร้าย ทำไมยังหวาดกลัวเหมือนเจอพวกโรคจิตตลอดเวลา คำตอบที่แสนเซอร์ไพรส์ที่สุดแสนจะหักมุมคือการเฉลยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันของเบ็ธ อันที่จริงไม่มีใครรอดจากคืนนั้น แม่ที่เดิมต่อสู้เพื่อช่วยลูกๆต้องตาย และเบ็ธกับวีร่าถูกจับขังอยู่ในบ้าน สำหรับเบ็ธไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอย่างที่เล่าให้ผู้ชมเห็น


นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพี่สาวถึงมีสภาพย่ำแย่และหวาดผวาตลอดเวลา ไม่ใช่ผลกระทบทำให้ขวัญกระเจิง แต่เป็นเรื่องจริงของวีร่าที่ถูกจับและซ้อม วีร่าเป็นตัวแทนของโลกที่พวกโรคจิตยังคงอยู่ การที่เบ็ธไม่เห็นอะไรเลยเพราะไม่ยอมรับในชะตากรรม ในหัวยังเชื่อว่าตัวเองหลุดพ้นจากเรื่องร้ายคืนนั้น และใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ การเรียกสติเบ็ธนับเป็นการหักมุมกลางเรื่องที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอเฉลยในตอนท้ายกับการหาความจริงให้ยืดยาด ทุกอย่างไปไวมาไวกะไม่ให้ผู้ชมเตรียมใจแม้แต่น้อย

ขณะเดียวกันอาการของเบ็ธไม่ใช่จะไม่กลับมา แต่ยังมีให้เห็นอีกครั้งกับงานเลี้ยงฉลอง ซึ่งงานนี้เป็นการยืนยันความสามารถในการแต่งเรื่องที่ประสบความสำเร็จ โดยได้รับคำชมจากนักเขียนนิยายรุ่นใหญ่ จากข้อสังเกตมีการเอ่ยถึงบุคคลนี้ด้วยการยกย่องถึงความสามารถว่าเป็นที่สุดในฉากเปิดเรื่อง อีกทั้งน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวละครเบ็ธแต่งนิยายสยองขวัญอีกด้วย ฉะนั้นเรื่องไหนจริง เรื่องไหนหลอก ถ้าหากนิยายที่แต่งคือเรื่องที่เบ็ธและพี่สาวของเธอถูกโรคจิตขังอยู่ในบ้าน


ทว่านักเขียนดังกล่าวที่พูดในฉากเปิดเรื่องและเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องคือใคร ประเด็นนี้อาจเป็นการบอกเป็นนัยๆเกี่ยวกับความซับซ้อนนี้ให้กระจ่างง่ายขึ้น เพราะคนนี้คือ โฮเวิร์ด ฟิลิปส์ เลิฟคราฟท์ (Howard Phillips Lovecraft) นักเขียนนิยายสยองขวัญที่มีช่วงชีวิตตั้งแต่ปี 1890-1937 ฉะนั้นการที่เบ็ธเจอตัวเป็นๆภายใต้ยุคสมัยที่ขัดแย้งนี้ อาจเป็นเหตุผลที่มากพอว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นความปรารถนาของเธอเอง แม้โลกที่ตัวเองเขียนหนังสือสำเร็จไม่ใช่เรื่องจริง ก็ดีกว่าโลกที่ตัวเองเจอมากมายยิ่งนัก

กระนั้นในความซับซ้อนที่น่าจะคลี่คลายก็ไม่อาจอธิบายประโยคทิ้งทายของเบ็ธ ไม่รู้เป็นการให้กำลังใจตัวเองหรือเฉลยจุดหักมุมของเรื่อง สิ่งที่บอกหลังจากถูกถามว่ารอดได้ยังไงตั้งนานขนดนี้ คือเพราะ"ฉันแต่งเรื่องเก่ง" เรื่องที่ตัวเองรอดจากโรคจิตทั้งสอง หรือการแต่งนิยายให้ตัวละครรอดออกมาได้ หรือนิยายที่เขียนอ้างอิงมาจากเหตุการณ์จริง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเล่าสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน แต่ไม่ว่าเป็นทางไหนจริงก็ล้วนเชื่อมโยงเข้าหากันได้


Incident in a Ghostland (2018) เป็นหนังสยองขวัญที่เน้นความระทึกเป็นหลัก การบีบตัวละครให้ทุกข์ทรมานช่างน่าหดหู่ จะไม่มีใครแต่งหน้าสวยให้ชื่นชม มีเพียงหน้าบวมตาปูดตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้งเป็นตัวละครเพศหญิงก็ยิ่งดูรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการเตะตบที่หนักหน่วง ทำอะไรแต่ละอย่างแทบไม่มีกั๊กทั้งสิ้น ทว่าในความลุ้นตื่นเต้นกลายเป็นข้อเสียที่หนังเอาแต่ใส่เรื่องราวฝั่งของเหยื่อเพียงด้านเดียว ในส่วนของคนร้ายหรือโรคจิตแทบไม่มีมิติอะไรเลย ไม่รู้ว่าคือใครมาจากไหน และหลายอย่างดูจะเกี่ยวพันกันแปลกๆกับบ้านที่ย้ายเข้ามาใหม่อีกด้วย

ความระทึกชวนลุ้นทำได้น่าติดตามอย่างไม่ต้องพักหายใจ แต่ดูเหมือนจะเน้นให้ลุ้นมากเกินไป ทำให้หลายอย่างไม่สมเหตุสมผลจากการทำให้ซับซ้อนเพื่อให้ตัวละครดูมีมิติ นั่นรวมไปถึงความงุนงงของตัวละครที่ไม่รู้ถูกขังในบ้านนานแค่ไหน สิ่งที่เห็นคือการใช้นักแสดงคนละรุ่นเพื่อแบ่งเป็นช่วงเด็กและช่วงที่โตขึ้นแล้ว สิ่งที่เห็นคงบอกคร่าวๆน่าจะหลายปี กระนั้นไม่รู้ทำไมช่วงเวลาที่เล่าจึงดูสดใหม่ ตัวละครทำได้แทบทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดจนไม่นึกคิดว่าจะติดอยู่ในบ้านนานหลายวัน สิ่งที่เห็นยังไม่ถึงวันก็สามารถปั่นหัวเข้าสู้ตั้งครั้งหลายครา ถ้าทำได้ขนาดนี้น่าจะทำกันตั้งนานแล้ว

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)